aekbodin_srabua
23-03-2011, 11:31
เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2554 เวลา ประมาณ 17.00 น.พอดีผมกลับจากไปเยี่ยมเพื่อนที่อีกอำเภอหนึ่งครับ ทางตรง-ลาดยางอย่างดีผมก็ไม่ไป ดันจะกลับทางลัดที่เป็นทางลูกรังเพราะมันใกล้กว่า...มีแม่บ้านกลับลูกชาย 1 ปี 4 เดือน เดินทางด้วย..ผมก็ขับประมาณ 60 ผมขับระมัดระวังอย่างมากครับ...เพราะมีลูกเมียเดินทางด้วย ..ก่อนถึงจุดที่จะเกิดอุบัติเหตุ..ลูกชายร้องจะดื่มน้ำผมเลยชะลอความเร็วลงเหลือประมาณ 20 เกียร์ 1 และชิดขอบทาง เพื่อให้ลูกได้ดื่มน้ำ จะได้ไม่กระฉอก (โดยไม่ได้หยุดรถ) พอลูกดื่มน้ำเสร็จ รถก็ถึงทางตรงขึ้นเนินนิดหนึ่ง..ผมก็จะเร่งความเร็วขึ้น..ตรงนี้แหล่ะครับ...ล้อมันฟรีกับทางลูกรังอย่างแรง...รถจะกระโดดลงทางซ้าย(จริงๆๆตอนหลังไปดูก็เห็นรอยล้อลงซ้ายไปแล้ว)...ผมก็หักขวาเพื่อจะให้รถกลับเข้าถนน.....รถก็จะกระโดดถนนฝั่งขวาอีก..ผมก็หักซ้ายอีกและพยายามประคองให้รถอยู่บนถนน..มันก็ไม่อยู่ครับเหมือนขับรถบนน้ำแข็งเลยครับ...ไถลขวาซ้าย ซ้ายขวาอยู่ 2-3 ครั้ง ที่สำคัญครับ..ร้องเท้าแต่ะที่ผมใส่ มันหลุดยังไงไม่รู้ครับ..ไปดันค้ำกดคันเร่งแบบว่าถอนคันเร่งไม่ได้เลยครับ รถก็อยู่เกียร์ 1 มันแรงมากคิดอะไรไม่ถูกครับ......ถ้าปล่อยรถลงซ้ายหรือขวาด้วยความแรงที่รถกระโดดไถลอย่างนั้น...(สองข้างทางเป็นสวนยางพาราต้นกำลังงาม.สลับกับต้นยูคาฯ.) รถคงชนต้นยางแน่ๆๆๆแฟนก็ไม่ได้คาดเบลล์...เศษเสี้ยววินาทีนั้นครับ..ผมนึกคลิปเจ้าพลัสโชว์วงเลี้ยวเกือบคว่ำแต่ไม่คว่ำ และก็เชื่อในเจ้าพลัสระดับหนึ่งครับ..ช่วงที่รถจะลงซ้าย..ผมเลยหักขวาอย่างแรงครับเพื่อจะให้รถหันกลับทางเดิมครับ...ได้ผลครับ..รถหันกลับพร้อมกับฝุ่นลูกรังฟุ้งกระจายครับ..แต่ด้วยถนนที่มันแคบล้อฝั่งซ้ายมันตกลงข้างทางหน่อยหนึ่งรถจึงเอียงและล้มลงข้างทางไปพิงกระแทกกับต้นยูคาเล็กๆๆ..ต้นยูคาก็รับน้ำหนักรถไม่อยู่มันอ่อนลงยวบดีรถไม่หงายท้องล้อชี้ฟ้า แต่ก็เกือบหงายครับ คือเจ้าพลัสตะแคงอยู่เอาด้านข้างประตูฝั่งซ้ายลงครับ หันท้องใส่ถนน ตอนนั้นแฟนกลับลูกร้องให้ใหญ่ เห็นแฟนกอดลูกชายไว้แน่น พอรถนิ่งผมก็ปลอบแฟนว่าไม่เป็นไรๆๆๆ..แล้วผมค่อยเปิดประตูฝั่งผมออกมาก่อนซึ่งก็เปิดยากเพราะน้ำหนักประตูกดลง แต่ด้วยความกลัวว่าแฟนและลูกจะเป็นอะไร ก็เลยฮึดออกมาได้ครับ...แล้วผมก็เอาหลังดันประตูไว้และให้แฟนส่งลูกขึ้นมา ผมกับลูกก็ออกมาได้ แต่แฟนออกยังไม่ได้ครับ..เพราะผู้หญิงแรงไม่มากพอจะดันยกประตูขึ้นได้ ผมจะช่วยก็ยังไม่ได้..เพราะอุ้มและปลอบลูกอยู่..ช่วงนี้ก็ให้แฟนโทรหาเพื่อนแต่มันก็ไกลกว่าเพื่อนจะมาถึงครับ ถนนมันเปลี่ยวและมืดสลัวแล้วครับ..รอนานโขอยู่ครับจึงมีรถ ครูผ่านมาผมจึงโบกให้ช่วยแฟนออกมาได้...สำรวจแฟนบอกไม่เจ็บไม่กระแทก ลูกแฟนกอดไว้แน่นไม่กระแทกเช่นกัน...ส่วนผมไม่เป็นไรครับเบลล์ดึงไว้..พอคนไม่เป็นไร..ก็หันกลับมาหาเจ้าพลัสครับทีนี้...ครูเขาเป็นคนแถวนั้นจึงประสาน อบต.ให้ครับ..แต่เชื่อใหมครับ..อบต.ไม่มีคนรับสาย..(ผมเชื่อเลย)..จึงโทรหารถไถของคนรู้จักกับครูเพื่อจะมาดึง...ก็รอนานครับกว่ารถไถจะมา...ช่วงนี้คนผ่านไปผ่านมาก็เริ่มจอดมุงกันใหญ่..ก็พูดต่างๆๆนาๆๆเริ่มนินทาเจ้าพลัสกันใหญ่ครับ ว่าเบรกค้างบ้าง ช่วงล่างไม่ดีบ้าง...ไม่ถามผมสักคำว่ามันเกิดอะไรขึ้น...ตอนนั้นผมพูดอะไรไม่ออกครับ..เห็นแฟนกับลูกกอดกันร้องให้...เห็นเจ้าพลัสเอียงโชว์ช่วงล่างหลา......ไทยมุงบอกว่าคงเป็นแสนแน่ๆๆค่าซ่อม..ลงซะขนาดนี้...ผมก็ยิ่งตกใจครับ..เขาบอกว่ารถไอ้โก้ของเขาลงนิดเดียวยังเป็นแสน..เอาว่ะยังไงก็ต้องลุ้นครับ..ผมก็มั่นใจในเจ้าพลัสมากๆๆครับ...ผมจึงเริ่มสำรวจรถ...ไม่มีน้ำมันไหล..ฝากระโปรงปกติ..ไฟทุกดวงปกติ..ไม่แตก..ใจชื้นขึ้นมาเยอะครับ...ไทยมุงก็เยอะขึ้นรื่อยๆครับ..เขาๆบอกฝั่งซ้ายคงไม่เหลือครับเพราะน้ำหนักรถกดลงเต็มๆๆ ..คนช่วยมีแค่3-4 คน แต่ไอ้คนคอยซ้ำเติมจะให้รถเราเป็นนั่นเป็นนี่มันเยอะจริงๆๆครับ...มีคนอยู่ 2 กลุ่มครับ..กลุ่มที่ช่วยผมซึ่งผมขอบคุณมากๆๆเขามีแต่ให้กำลังใจ กับกลุ่มไม่ช่วยแต่พูดจะให้รถเป็นนั่นเป็นนี่..พอผมมองไปที่ข้างทางที่รถจอดอยู่ที่มามุงก็มีแต่สาวกไอ้โก้จริงๆๆครับ ...พอรถไถมาก็มัดเชื่อกใส่เชสชีและก็พลิกง่ายๆๆครับ..ผมว่าถ้าช่วยกันดันสัก 5 คนก็น่าจะขึ้น..แต่ตอนนั้นผมต้องสงบปากเพราะเป็นคนก่อเรื่อง........ตอนเจ้าพลัสขึ้นตั้งได้นี่แหล่ะครับเป็นช่วงที่ไทยมุงทั้งหลายสงบปากครับ...เพราะเจ้าพลัสดูโค้งๆๆมนๆๆเหมือนจะบอบบาง กลับมีรอยบุบตรงซุ้มล้อหน้าและหลังหน่อยเดียวครับ...กระจกมองข้างไม่แตก กระจกประตูไม่แตก..ผมขับขึ้นเองไม่ต้องลากขึ้น ระบบเครื่องยนต์ปกติครับ....ผมก็ขับเข้าอู่คืนนั้นเลยครับ..พอดีพี่เขยเป็นช่าง..วันต่อมารถก็เสร็จ หมดไป 2,500 บาท ครับ..ค่าทำสีใหม่ ทุกวั้นนี้เจ้าพลัสยังวิ่งหน้าสลอนเหมือนเดิมครับ....ผมพอจะสรุปได้ครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น
1.ถนนลูกรังตรงนั้นจะมีรถขนอ้อยวิ่งประจำ หินมันจึงไปฟูกองอยู่ขอบทางอย่างหลวมๆหนาๆ ช่วงที่ผมชะลอความเร็วและชิดขอบทาง ล้อด้านซ้ายจะไปอยู่ตรงหินฟูๆๆพอดี พอผมจะเร่งความเร็วขึ้นเกียร์ 1 ด้วย รถจะแรง ล้อจึงฟรีอย่างแรง
2.ร้องเท้าแต่ะมันหลุดไปค้ำคันเร่งยิ่งทำให้รถมันแรงเอาไม่อยู่ครับ
ผมเอามาเล่าให้เพื่อนๆพี่ ในคลับฟังนะครับ..เผื่อจะเป็นอุทาหรณ์ได้บ้างครับ....อย่าได้เจอเหมือนผมเลยครับ...ผมนึกถึงทีไรผมยังน้ำตาไหลอยู่เลย...เพราะมีทั้งภรรยา ลูกเพิ่ง 1 ปี 4 เดือน ดีที่ไม่มีใครเป็นอะไรครับ..
1.ถนนลูกรังตรงนั้นจะมีรถขนอ้อยวิ่งประจำ หินมันจึงไปฟูกองอยู่ขอบทางอย่างหลวมๆหนาๆ ช่วงที่ผมชะลอความเร็วและชิดขอบทาง ล้อด้านซ้ายจะไปอยู่ตรงหินฟูๆๆพอดี พอผมจะเร่งความเร็วขึ้นเกียร์ 1 ด้วย รถจะแรง ล้อจึงฟรีอย่างแรง
2.ร้องเท้าแต่ะมันหลุดไปค้ำคันเร่งยิ่งทำให้รถมันแรงเอาไม่อยู่ครับ
ผมเอามาเล่าให้เพื่อนๆพี่ ในคลับฟังนะครับ..เผื่อจะเป็นอุทาหรณ์ได้บ้างครับ....อย่าได้เจอเหมือนผมเลยครับ...ผมนึกถึงทีไรผมยังน้ำตาไหลอยู่เลย...เพราะมีทั้งภรรยา ลูกเพิ่ง 1 ปี 4 เดือน ดีที่ไม่มีใครเป็นอะไรครับ..