PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : หุ้มท่อแอร์ดีมั้ย..???..........................



iamday
27-04-2012, 21:59
ฝากไว้ครับ
ไปเจอมาอีกที
กระทู้นานแล้ว แต่น่าจะมีประโยชน์ ให้พิจารณาครับ

จากคุณ kaomoodang (http://www.newviosclub.com/forums/memberlist.php?mode=viewprofile&u=600&sid=409a1e912966d5a23b2be7f9b944f693) http://www.newviosclub.com/forums/viewtopic.php?f=3&t=61463

ขอสงวนสิทธิ์ในบทความนะครับ

เผยแพร่ในบอร์ดนี้เท่านั้น จะก๊อป หรือ เอาไปลงในลิงค์ตัวเอง ให้เครดิตกันหน่อย

---------------------------------------------------------------


สังเกตกันไหมครับว่า ในห้องเครื่องจะมีท่ออยู่เส้นนึง ทุกครั้งที่เปิดแอร์จะมีความเย็นที่ท่อนั้นอยู่ตลอดเวลา

บางคนคิดว่านั้นคือท่อส่งความเย็น เลยเอาผ้าไปพัน หรือ เอาท่อยางอ่อนสีดำที่ใช้กับแอร์บ้านไปพัน โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่า นั้นเป็นการทำลายคอมเพรสเซอร์ทางอ้อม

อธิบายเพิ่มเติมแล้วกัน เพราะพักหลังๆคนเข้าใจผิดอย่างมาก

-------------------------------

1. ท่อเย็นที่เห็นน้ำเกาะ เป็นท่อน้ำยาที่ออกมาจากตู้แอร์มาสู่ภายนอก เรียกว่าท่ออีวาปอเรเตอร์ หรือท่อ L (L = Low Pressure) ซึ่งมีการขยายตัวต่ำ จึงทำท่อให้มีขนาดใหญ่

โดยน้ำยาแอร์จะดูดซับความร้อนวนเวียนอยู่ตามท่อทางเดินที่ขดไปมาบนแผงคอยล์เย็นจนแปรสภาพเป็นก๊าซ ไหลออกจากคอยล์เย็นไปตามท่อ เข้าสู่คอมเพรสเซอร์อีกครั้ง

แต่เพราะระหว่างทางกลับคอมเพรสเซอร์ ตัวน้ำยาเองยังไม่แปรสภาพเป็นก๊าซอย่างเต็มที่ จึงยังพอมีคุณสมบัติในการดูดซึมความร้อนหลงเหลืออยู่ เค้าถึงออกแบบท่อให้เดินผ่านห้องเครื่องเพื่อดูดซับความร้อน เพื่อเริ่มต้นกระบวนการอัดความดันของน้ำยาแอร์รอบใหม่วนเวียนไปจนกว่าคอมเพรสเซอร์หยุดการทำงาน

อีกอย่างคือ การดูดซับความร้อนจากท่อ = การเพิ่มแรงดันให้กับคอมเพรสเซอร์ไปในตัว

จากนั้นเข้าสู่คอมเพรสเซอร์อีกครั้ง เพื่อเริ่มต้นกระบวนการอัดความดันของน้ำยาแอร์รอบใหม่

------------------------------

2. หลังจากคอมเพรสเซอร์ดูดกลับมา ก็ทำการอัดน้ำยา จากนั้นพออัดเสร็จก็จะส่งผ่านท่อซึ่งมีความร้อนอยู่

ท่อร้อนคือ เป็นท่อน้ำยา หรือ ท่อ H (H = High Pressure) ตัวท่อจะมีขนาดเล็กเพื่อสร้างแรงดัน โดยน้ำยาที่ผ่านการอัดจากคอมเพรสเซอร์เรียบร้อยแล้ว จะดันออกมาเข้าแผงระบายความร้อนหน้ารถ และสภาพน้ำยาแอร์นั้นยังเป็นก๊าซอยู่

จังหวะคอมเพรสเซอร์ทำงาน จะดูดน้ำยาแอร์ที่มีสภาพเป็นก๊าซเข้ามาอัดความดันและอุณหภูมิให้สูงขึ้น จากนั้นส่งไปตามท่อทางออกของเข้าสู่คอยล์ร้อนซึ่งพัดลมหม้อน้ำจะทำหน้าที่ระบายความร้อนก๊าซเหล่านี้ออกไปจากครีบระบายความร้อน กระทั่งก๊าซกลายเป็นของเหลวที่มีความดันสูงไหลออกจากคอยล์ร้อนผ่านท่อทางออกไป และน้ำยาจะไหลเข้ามาดรายเออร์ เพื่อกรองสิ่งแปลกปลอม และดูดความชื้นไปด้วย

จากนั้นน้ำยาแอร์ไปตามท่อเข้าสู่วาล์วปรับความดัน ซึ่งจะลดความดันของน้ำยาแอร์ให้อุณหภูมิลดต่ำลงอย่างมาก เพื่อป้อนเข้าสู่คอยล์เย็น โดยเจ้าวาล์วนี้ก็จะทำหน้าที่ลดแรงดัน (หรือฉีดน้ำยาให้เป็นฝอย) อย่างรวดเร็วจนเกิดการควบแน่น และแทรกไปในคอยล์เย็นเพื่อไปดูดความร้อนที่บริเวณรอบๆตัวออกมา อาศัยพัดลมโบลว์เวอร์จะทำหน้าที่ดูดอากาศในห้องโดยสารผ่านแผงคอยล์เย็น ผ่านทางท่อลมจนออกไปจากช่องปรับอากาศด้านหน้าคอนโซล อากาศร้อนในห้องโดยสารจะถูกดูดซับออกไปด้วยวิธีนี้

จากนั้น.... ขั้นตอนก็จะย้อนไปที่ข้อแรกเหมือนเดิม

---------------------------

เพราะฉะนั้นแล้ว ห้ามเอาอะไรไปพันท่อ L หรือ ท่อเย็นที่มีน้ำเกาะโดยเด็ดขาดครับ เพราะจะทำให้แอร์กลับบ้านเร็วกว่าเวลาอันควร ซึ่งท่อ L จำเป็นต้องดูดซึมความร้อนในห้องเครื่องเพื่อส่งให้คอมเพรสเซอร์แอร์ทำการอัด

ถ้าเราเอาอะไรไปขวางทาง เช่น ไปหุ้มมัน จะทำให้สภาวะการเปลื่ยนแปลงจากของเหลวเป็นก๊าซผิดเพี้ยนไปอย่างมาก

เราจึงควรปล่อยมันไว้ อย่าไปยุ่งกับมันเกินเหตุ ถ้าเครื่องปรับอากาศในรถคุณเย็นดีอยู่แล้ว อย่าไปยุ่งกับมันเด็ดขาด

สิ่งที่จะช่วยยืดอายุคอมเพรสเซอร์ให้ยาวนานคือ

1. หมั่นทำความสะอาดแผงระบายความร้อนหน้ารถ โดยการใช้น้ำฉีดเข้าไปทุกครั้งที่ล้างรถ (ถ้าใช้เครื่องฉีดน้ำ ระวังครีบล้ม)
2. เป็นไปได้ ใช้ลมเป่าบริเวณพัดลมหม้อน้ำหน้ารถ และเป่าย้อนแผงรังผึ้งออกมา
3. เป่าไส้กรองแอร์ หรือเปลื่ยนบ่อยๆ ก่อนกำหนดได้ยิ่งดี
4. บางคนขี้ร้อน เปิดสวิตช์ ON แต่ไม่ติดเครื่อง แล้วเปิดแอร์.. นั้นเป็นการทรมานคอมเพรสเซอร์แอร์อย่างที่สุด คอมจะพังอย่างรวดเร็ว
5. หมั่นดูช่องตาแมวว่า มีฟองสีขาว (ไม่ใช่ฟองสบู่เล็กๆ) โผล่ขึ้นมาหรือเปล่า
6. ตรวจสอบสาพานขับ อย่าให้หย่อน
7. สังเกตหัวข้อต่อน้ำยา ว่ามีการรั่วซึมหรือไม่

เพียงเท่านั้น ระบบแอร์ก็จะอยู่คู่กับรถไปจนกว่าจะเบื่อ แล้วก็ขายทิ้ง


ปล. เพราะผมกำลังจะหุ้มพอดี แต่ยังหาท่อหุ้มไม่ได้ จะได้ไม่ต้องหุ้ม???

num_navanakorn
27-04-2012, 22:18
ขอบคุณครับ.....

kit
27-04-2012, 22:20
ผมหุ้มไปแล้วซิ แต่ไม่ใช่กลัวไม่เย็น กลัวน้ำมันหยดลงลูกปืนประคองแกนพวงมาลัย
เอาไงดีละทีนี้

jessada
28-04-2012, 08:27
ผมหุ้มไปแล้วซิ แต่ไม่ใช่กลัวไม่เย็น กลัวน้ำมันหยดลงลูกปืนประคองแกนพวงมาลัย
เอาไงดีละทีนี้
นั่นสิครับ ผมก็พึ่งหุ้มเสร็จไปหมาด ๆ สองวันที่ผ่านมาเอง

มีน้าท่านได มีประสบการณ์ด้านแอร์รถยนต์ มาอธิบายเพิ่มเติมหรือนอกเหนือจากนี้อีกมั้ยครับ จะได้ตัดสินใจถูกครับ ว่าจะหุ้มต่อ หรือ จะเอาออกดี

coppy42
28-04-2012, 09:23
ผมหุ้มไปแล้วซิ แต่ไม่ใช่กลัวไม่เย็น กลัวน้ำมันหยดลงลูกปืนประคองแกนพวงมาลัย
เอาไงดีละทีนี้หุ้มเหมือนกันครับ แต่ผมใช้ใยแก้วแบบตาข่ายจับพับ3ชั้นเลยยังมีช่องว่างระบายอยู่แล้วก็หุ้มแค่ท่อนบน ก็หวังแก้ปัญหาเรื่องเหงื่อแอร์นี่ละ หุหุ

kong22
28-04-2012, 09:30
ผมก็หุ้มเหมือนกันครับสงสัยต้องตัดออกบางส่วนละเพราะหุ้มเต็มหมดเลย

AKNet
28-04-2012, 14:28
ผมก็หุ้มเหมือนกัน แต่เหลือเว้นไว้ช่วงข้อต่อข้องอที่มันหุ้มลำบาก จะเป็นไรมั้ยเนี่ย

tum18
28-04-2012, 14:39
อัพๆ
ตกลงหุ้มหรือไม่หุ้มดี

CIG@R
28-04-2012, 15:03
ทีแรกผมว่าจะหุ้มเหมือนกัน ลองดูรถคันอื่นที่บ้านต่างยี่ห้อกันอีก 2 คันเป็นท่อเปลือยทั้งหมดไม่หุ้มเลยตัดสินใจไม่หุ้มท้ังที่ซื้ออุปกรณ์มาแล้ว

tou919
28-04-2012, 15:33
ผมสงสัยว่าทำไมรถรุ่นเก่าๆ มีหุ้มอยู่แล้วล่ะครับ

iamday
29-04-2012, 23:00
ผมกะหุ้มแค่ตรงที่น้ำหยด
แล้วจะหาพัดลมแอร์มาติด

ไม่เข้าใจ ทำไมติดให้เฉพาะตัว 4x4 น้อยใจน้อยใจครับ

num_navanakorn
30-04-2012, 00:31
ผมกะหุ้มแค่ตรงที่น้ำหยด
แล้วจะหาพัดลมแอร์มาติด

ไม่เข้าใจ ทำไมติดให้เฉพาะตัว 4x4 น้อยใจน้อยใจครับ
น้าคิดเหมือนผมเลย ว่าเเต่พัดลมเค้าซื้อกันที่ไหนครับหรือต้องเบิก0 ไปถามช่างเค้าบอกว่าของ0ดีกว่า ซื้อตามร้านอะไหล่ทั่วไป เเล้วเราจะบอกเค้าว่ารุ่นไหน ขนาดเท่าไหร่ ขอโทษครับที่สงสัยเยอะ ไม่มีความรู้จริงๆ

coppy42
30-04-2012, 17:21
ผมกะหุ้มแค่ตรงที่น้ำหยด
แล้วจะหาพัดลมแอร์มาติด

ไม่เข้าใจ ทำไมติดให้เฉพาะตัว 4x4 น้อยใจน้อยใจครับ
4x4แอร์ออโตก็ต้องหามาใส่เองเหมือนกันครับ5555แต่เดินสายทิ้งปลักมาให้แล้วเอง
ที่ใส่มาให้ก็ปาเจ.

anuchit330
30-04-2012, 17:31
หุ้มไปแล้วเหมือนกันครับ นานแล้วด้วย

แต่ก็สงสัยเหมือนคุณ tou919 นะ เก๋งโตต้าสามห่วงหุ้มมาจากโรงงานเลยอะ..???

bypass
30-04-2012, 22:02
น้าคิดเหมือนผมเลย ว่าเเต่พัดลมเค้าซื้อกันที่ไหนครับหรือต้องเบิก0 ไปถามช่างเค้าบอกว่าของ0ดีกว่า ซื้อตามร้านอะไหล่ทั่วไป เเล้วเราจะบอกเค้าว่ารุ่นไหน ขนาดเท่าไหร่ ขอโทษครับที่สงสัยเยอะ ไม่มีความรู้จริงๆ
ผมซื้อที่ร้านบางไผ่ยุดยาวันนี้ราคาพัดลมขนาด 12 " รวมรีเลย์ 1,050 บาทครับ..น้าขวัญ..

bypass
30-04-2012, 22:10
เรื่องหุ้มท่อแอร์ด้านดูดผมคิดว่าหุ้มทั้งหมดมีความเสี่ยงเหมือนกระทู้บอกไว้นะครับ..เพราะน้ำยาทำความเย็นหากเป็นของเหลวอุณหภูมิต่ำไหลกลับเข้าด้านดูด ลิ้นคอมเพรสเซอร์จะทำงานหนักและอายุการใช้งานสั้นลง..จริงๆตามหลักน้ำยาแอร์ต้องเป็นไอ.การผ่านห้องเครื่องมีความร้อนคงช่วยได้..หากเป็นแอร์บ้านเค้าจะมีท่อเส้นเล็กๆต่อจากท่อทางอัดแนบไว้ที่ด้านดูดแลกเปลี่ยนความร้อนเพื่อป้องกันน้ำยาแอร์เป็นของเหลวเข้าคอมเพรสเซอร์นะครับ..

bbch
30-04-2012, 22:30
เอาไงดี

badbhoom
30-04-2012, 22:41
ขอบคุณสำหรับความรู้ดีดีครับ

iamday
03-05-2012, 09:23
ผมซื้อที่ร้านบางไผ่ยุดยาวันนี้ราคาพัดลมขนาด 12 " รวมรีเลย์ 1,050 บาทครับ..น้าขวัญ..

ฝากถ่ายภาพ ให้ดูหน่อยได้มั้ยครับ

num_navanakorn
03-05-2012, 14:54
ผมซื้อที่ร้านบางไผ่ยุดยาวันนี้ราคาพัดลมขนาด 12 " รวมรีเลย์ 1,050 บาทครับ..น้าขวัญ..
ขอบคุณครับ เดี๋ยวไปดูมั่งดีกว่า...

noummy
16-05-2012, 12:16
ขอค้านข้อนี้ครับ...

4. บางคนขี้ร้อน เปิดสวิตช์ on แต่ไม่ติดเครื่อง แล้วเปิดแอร์.. นั้นเป็นการทรมานคอมเพรสเซอร์แอร์อย่างที่สุด คอมจะพังอย่างรวดเร็ว

เหตุผลเพราะ ถ้าไม่ติดเครื่องคอมแอร์ก็ไม่ได้ทำงาน สิ่งที่ทำงานคือพัดลมแอร์ในห้องโดยสารเพียงอย่างเดียว ผลที่จะตามมาคือ แบ็ตฯหมดครับ เคยเปิดไว้ตอนนั่งเล่นในรถนานกว่าครึ่งชั่วโมง ผลคือ ต้องขอชาวบ้านเค้าช่วยพ่วงแบ็ตฯ

triton_tierak
16-05-2012, 15:31
เรื่องหุ้มท่อแอร์ด้านดูดผมคิดว่าหุ้มทั้งหมดมีความเสี่ยงเหมือนกระทู้บอกไว้นะครับ..เพราะน้ำยาทำความเย็นหากเป็นของเหลวอุณหภูมิต่ำไหลกลับเข้าด้านดูด ลิ้นคอมเพรสเซอร์จะทำงานหนักและอายุการใช้งานสั้นลง..จริงๆตามหลักน้ำยาแอร์ต้องเป็นไอ.การผ่านห้องเครื่องมีความร้อนคงช่วยได้..หากเป็นแอร์บ้านเค้าจะมีท่อเส้นเล็กๆต่อจากท่อทางอัดแนบไว้ที่ด้านดูดแลกเปลี่ยนความร้อนเพื่อป้องกันน้ำยาแอร์เป็นของเหลวเข้าคอมเพรสเซอร์นะครับ..

น้าครับช่วยวิเคราห์หน่อยครับ ว่าหุ่มแล้วจะมีโอกาสทำให้เกิดปัญหานี้มากน้อยแค่ไหน คือสงสัยว่าการหุ้มจะทำให้อุณภูมิเปลื่ยนไปมาก(กับไม่หุ้ม) จนทำให้น้ำยาแอร์กลายเป็นของเหลว (คิดว่าอุณหภูมิคงไม่แตกต่างกันมานัก)
ทั้งหมดผมเดาเอานะครับเพราะไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย

noummy
16-05-2012, 19:39
คงต้องกลับไปถอดออกเหมือนกันหล่ะ อันตรายจริงด้วย
อ้างอิงจาก
http://conun2.siam2web.com/?cid=638839

นั่งๆดูจนพอจะเข้าใจหลักการแล้ว ว่าน่าจะหุ้มผิดที่ แต่ว่าแกะแล้วคงปล่อยโล่งแล้ว
ขอบคุณเจ้าของกระทู้มากๆเลยครับ

kruthum
17-05-2012, 15:31
หุ้มแล้ว..และแกะออกไปแล้วครับ ตอนนี้ปล่อยให้มันเป็นเปลือยเปล่าอยู่อย่างเดิม แต่ว่าตรงจุดที่อาจมีน้ำหยดตรงลูกปืนแกนพวงมาลัย ผมอัดจารบีเหลวกันไว้แล้วครับ รู้สึกว่าความเย็นหายไปนิดนึงครับถ้าเทียบกับเมื่อตอนที่หุ้มอยู่

jack_Dark
16-07-2012, 13:54
เห็นด้วยครับเพราะว่าท่อหุ้มแอร์ไม่น่าจะเป็นอะไรที่ทำให้สิ้นเปลืองมากนักถ้าหุ้มแล้วดี mmt น่าจะหุ้มมาให้จากศูนย์แล้ว พอเจอกระทู้ยิ่งเห็นด้วยใหญ่เลยคร๊าบ

don8088
17-07-2012, 03:11
อย่างนี้ต้องแกะออกแล้วครับ

Khajorn_b
17-07-2012, 07:13
แล้วแต่ความคิดครับ...ใครมีข้อมูลวิชาการที่แน่นพอก็มาแชร์กันครับ
ผมหุ้มครับ...(ทำไมแอร์บ้านถึงหุ้ม?, ทำไมไม่ปล่อยท่อน้ำยากลับให้โล่งไว้? ท่อจะได้สัมผัสอากาศ ซึ่งหลักการทำงานเหมือนกัน ปัจจุบันน้ำยาตัวเดียวกัน)
***ใส่กรองแอร์ก็มีผลดี...แต่ทำไม mmt ถึงไม่ใส่มาให้***

coppy42
17-07-2012, 07:52
แล้วแต่ความคิดครับ...ใครมีข้อมูลวิชาการที่แน่นพอก็มาแชร์กันครับ
ผมหุ้มครับ...(ทำไมแอร์บ้านถึงหุ้ม?, ทำไมไม่ปล่อยท่อน้ำยากลับให้โล่งไว้? ท่อจะได้สัมผัสอากาศ ซึ่งหลักการทำงานเหมือนกัน ปัจจุบันน้ำยาตัวเดียวกัน)
***ใส่กรองแอร์ก็มีผลดี...แต่ทำไม mmt ถึงไม่ใส่มาให้***
ผมก็ยังหุ้มอยู่ แค่ท่อนบนใช้ใยแก้วแบบตาข่ายม้วนซ้อน4ชั้นครับ เลยไม่ทึบหมดช่วยระบายเหงื่อได้ช่วยบังความร้อนได้เป็น%ไป
-ไม่มีเคลียดเมื่อพบกันครึ่งทางไม่ตกใจตามกระแสฝันผวา ฮิๆฮ่า-

MEAW_SAN
18-07-2012, 11:26
​ผมไม่หุ้มครับ สาเหตุที่ไม่หุ้มเพราะ รถสูง ปีนไปหุ้มลำบากครับ

chairat_k
18-07-2012, 13:24
อิจฉาจัง คนรถสูง

jee4x4
19-07-2012, 21:37
ถ้ารถใครเปิดแอร์แล้วไอออกมา ถ้าหุ้มด้วยมีโอกาสเสี่ยงที่น้ำยาที่เข้า compressor จะเป็นของเหลวซึ่งเป็นอันตรายกับ compressor นะครับแต่ถ้าไม่มีไอออกมาตอนเปิดแอร์แสดงว่าลมร้อนจากพัดลมแลกเปลี่ยนกับความเย็นที่คอยล์เย็นจนหมดนั่นหมายถึงน้ำยาได้เปลี่ยนเฟสจากของเหลวเป็นแก้สแล้วครับถึงจะหุ้มไปก็ไม่อันตราย แต่ถ้ามีไอออกมาโอกาสที่จะ compressor พังมีครับ กระทู้นี้อธิบายการทำงานของแอร์ได้ดีมากเลยครับ คอมอัดน้ำยาในรูปของแก้ส>>>ออกจากคอมจะเป็นแก๊สความดันสูงอุณหภูมสูง>>>ส่งมาที่คอยล์ร้อนทำให้อุณภูมิของน้ำยาต่ำลงแรงดันน้ำยาลดลงนิดหน่อย น้ำยาที่ออกจากคอยร้อนบางส่วนจะเป็นไอเย็น(vapor)>>>จากนั้นจะส่งผ่าน วาล์วลดความดันทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของแรงดันจากสูงไปต่ำแบบทันทีทันใดจึงเกิดการควบแน่นกลายเป็นของเหลวอุณภูมิต่ำแรงดันต่ำอยากรู้เย็นแบบไหนลองกดกระป๋องสี spry ดูครับแรงดันในกระป๋องสูงฉีดออกบรรยากาศที่แรงดันต่ำตรงหัวฉีดจะเย็นมากเย็นไปทั้งกระป๋องเลย>>> น้ำยาที่เย็นและความดันต่ำก็มาที่คอยล์เย็นซึ่งมีพัดลมเป่าลมร้อนมาแลกเป็นที่คอยล์เย็นลมก็จะเย็นเป่าเข้ามาในห้องโดยสารน้ำยาก็จะได้รับความร้อนและเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นแก๊สความดันต่ำกลับไปอัดที่ compressor เป็นวัฎจักรแบบนี้ไปเรื่อยๆ หลักการนี้ใช้ได้ทั้งในโรงงานผลิต liquid oxygen,nitrogen และ argon ได้เลยคับเพราะผมก็ทำอยู่ อิอิ

MEAW_SAN
20-07-2012, 08:58
ถ้ารถใครเปิดแอร์แล้วไอออกมา ถ้าหุ้มด้วยมีโอกาสเสี่ยงที่น้ำยาที่เข้า compressor จะเป็นของเหลวซึ่งเป็นอันตรายกับ compressor นะครับแต่ถ้าไม่มีไอออกมาตอนเปิดแอร์แสดงว่าลมร้อนจากพัดลมแลกเปลี่ยนกับความเย็นที่คอยล์เย็นจนหมดนั่นหมายถึงน้ำยาได้เปลี่ยนเฟสจากของเหลวเป็นแก้สแล้วครับถึงจะหุ้มไปก็ไม่อันตราย แต่ถ้ามีไอออกมาโอกาสที่จะ compressor พังมีครับ กระทู้นี้อธิบายการทำงานของแอร์ได้ดีมากเลยครับ คอมอัดน้ำยาในรูปของแก้ส>>>ออกจากคอมจะเป็นแก๊สความดันสูงอุณหภูมสูง>>>ส่งมาที่คอยล์ร้อนทำให้อุณภูมิของน้ำยาต่ำลงแรงดันน้ำยาลดลงนิดหน่อย น้ำยาที่ออกจากคอยร้อนบางส่วนจะเป็นไอเย็น(vapor)>>>จากนั้นจะส่งผ่าน วาล์วลดความดันทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของแรงดันจากสูงไปต่ำแบบทันทีทันใดจึงเกิดการควบแน่นกลายเป็นของเหลวอุณภูมิต่ำแรงดันต่ำอยากรู้เย็นแบบไหนลองกดกระป๋องสี spry ดูครับแรงดันในกระป๋องสูงฉีดออกบรรยากาศที่แรงดันต่ำตรงหัวฉีดจะเย็นมากเย็นไปทั้งกระป๋องเลย>>> น้ำยาที่เย็นและความดันต่ำก็มาที่คอยล์เย็นซึ่งมีพัดลมเป่าลมร้อนมาแลกเป็นที่คอยล์เย็นลมก็จะเย็นเป่าเข้ามาในห้องโดยสารน้ำยาก็จะได้รับความร้อนและเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นแก๊สความดันต่ำกลับไปอัดที่ compressor เป็นวัฎจักรแบบนี้ไปเรื่อยๆ หลักการนี้ใช้ได้ทั้งในโรงงานผลิต liquid oxygen,nitrogen และ argon ได้เลยคับเพราะผมก็ทำอยู่ อิอิและนี่คือเหตุผลข้อที่สอง รองจาก ที่ว่ารถมันสูงปีนไปหุ้มลำบาก ขอบคุณคร้าบบบน้าจี

coppy42
20-07-2012, 10:05
ก็เป็นอันว่ารถผมหุ้มได้ เพราะไม่เคยมีไอออกมาให้เห็นสักครั้ง ขอบคุณครับน้าจี
แต่เราขอหุ้มแบบ50/50ก็แล้วกัน ฮิๆฮ่า

jee4x4
20-07-2012, 10:39
ก็เป็นอันว่ารถผมหุ้มได้ เพราะไม่เคยมีไอออกมาให้เห็นสักครั้ง ขอบคุณครับน้าจี
แต่เราขอหุ้มแบบ50/50ก็แล้วกัน ฮิๆฮ่า

ถ้ามันมีไอออกมาป๋าก็เปิดพัดลมแรงๆไปก่อนนะครับให้ไอมันหาย แต่ถ้าเปิดพัดลมสุดแล้วยังมีไออีกป๋าปิดแอร์แล้วเปิดกระจกวิ่งไปเลยครับเพราะอากาศในห้องโดยสารอาจเย็นมากๆจนลมที่ไปเป่าคอยล์เย็นไม่สามารถแลกเปลี่ยนความเย็นได้หมด แต่อาการนี้รถแอร์ออโต้อย่างป๋าคงไม่เกิดเพราะมันทำงานอัตโนมัติอยู่แล้ว แต่ถ้าแบบอัตโนนาโถอาจจะต้องดูแลกันนิดนึง 555+

tumauyai4x4tritonclup.com
20-07-2012, 18:37
ถ้ารถใครเปิดแอร์แล้วไอออกมา ถ้าหุ้มด้วยมีโอกาสเสี่ยงที่น้ำยาที่เข้า compressor จะเป็นของเหลวซึ่งเป็นอันตรายกับ compressor นะครับแต่ถ้าไม่มีไอออกมาตอนเปิดแอร์แสดงว่าลมร้อนจากพัดลมแลกเปลี่ยนกับความเย็นที่คอยล์เย็นจนหมดนั่นหมายถึงน้ำยาได้เปลี่ยนเฟสจากของเหลวเป็นแก้สแล้วครับถึงจะหุ้มไปก็ไม่อันตราย แต่ถ้ามีไอออกมาโอกาสที่จะ compressor พังมีครับ กระทู้นี้อธิบายการทำงานของแอร์ได้ดีมากเลยครับ คอมอัดน้ำยาในรูปของแก้ส>>>ออกจากคอมจะเป็นแก๊สความดันสูงอุณหภูมสูง>>>ส่งมาที่คอยล์ร้อนทำให้อุณภูมิของน้ำยาต่ำลงแรงดันน้ำยาลดลงนิดหน่อย น้ำยาที่ออกจากคอยร้อนบางส่วนจะเป็นไอเย็น(vapor)>>>จากนั้นจะส่งผ่าน วาล์วลดความดันทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของแรงดันจากสูงไปต่ำแบบทันทีทันใดจึงเกิดการควบแน่นกลายเป็นของเหลวอุณภูมิต่ำแรงดันต่ำอยากรู้เย็นแบบไหนลองกดกระป๋องสี spry ดูครับแรงดันในกระป๋องสูงฉีดออกบรรยากาศที่แรงดันต่ำตรงหัวฉีดจะเย็นมากเย็นไปทั้งกระป๋องเลย>>> น้ำยาที่เย็นและความดันต่ำก็มาที่คอยล์เย็นซึ่งมีพัดลมเป่าลมร้อนมาแลกเป็นที่คอยล์เย็นลมก็จะเย็นเป่าเข้ามาในห้องโดยสารน้ำยาก็จะได้รับความร้อนและเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นแก๊สความดันต่ำกลับไปอัดที่ compressor เป็นวัฎจักรแบบนี้ไปเรื่อยๆ หลักการนี้ใช้ได้ทั้งในโรงงานผลิต liquid oxygen,nitrogen และ argon ได้เลยคับเพราะผมก็ทำอยู่ อิอิ

น้าจี ผมหุ้มไปแล้วเป็นไรป่ะครับ นานแล้วด้วย