แสดงเวอร์ชันเต็ม : ช่วงนี้ ไม่ค่อยได้ใช้
somdach tiansoo
12-05-2012, 07:06
ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ใช้รถ จอดอยู่เกือบเดือน ควรสตาทร์ กี่วันครั้ง แล้วมันจะมีปัญหา เกี่ยวกับเครื่องยนต์+แบตเตอร์รี่ไหมครับ รบกวนขอคำแนะนำจากน้าๆ ที่มีประสบการณ์ ชี้แนะด้วยครับ ขอบพระคุณครับ พลัสครับ:kapook-17195-8823:
3632กรุงเทพ
12-05-2012, 08:35
เหมือนกันเลยครับ ใช้รถน้อยช่วงนี้ อาทิตย์นี้วิ่งแค่ 10กว่าโลเอง ผมจอดไว้ไม่ได้สตาร์ทเครื่องเลย...
สตาร์ทเครื่องเฉยๆจอดอยู่กับที่ไม่ได้เร่งรอบไฟไม่ชาร์จครับ ต้องให้คนเอาออกไปวนยางจะได้ไม่ตายไปมุมเดียวที่จุดกดทับนั้น
สตาร์ทเครื่องเป็นการให้ระบบเชื้อเพลิงและหล่อลื่นหล่อเย็นมันไหลวนเอง
ขอแจมครับ...รถผมจอดสัปดาห์หนึ่งครับวันอาทิตย์วันเดียวตอนออกตัวครั้งแรก มันมีเสียงดัง ตึง ผมคิดว่ามาจากล้อ..น้าๆเป็นเหมือนผมไหมครับ ช่วยวิเคราะหน่อย และจะมีปัญหาตามมาหรือไม่ครับ
ขอแจมครับ...รถผมจอดสัปดาห์หนึ่งครับวันอาทิตย์วันเดียวตอนออกตัวครั้งแรก มันมีเสียงดัง ตึง ผมคิดว่ามาจากล้อ..น้าๆเป็นเหมือนผมไหมครับ ช่วยวิเคราะหน่อย และจะมีปัญหาตามมาหรือไม่ครับ
ผมว่าเสียงน่าจะมาจากเบรคมือครับ ตอนจอดดึงเบรคมือไว้หรือป่าว ถ้าจอดนานเหมือนผ้าเบรค(ดึงเบรคมือ)มันจะค้าง พอล้อขยับมันก็จะหลุด(คลายตัว)ไปเอง รึใครว่าอย่างอื่น..
num_navanakorn
12-05-2012, 14:12
ถ้าจอดนานๆ 1-2วันควรดึงเบรคมือมั๊ยครับ หรือว่าเเค่ใส่ตัว p ก็พอเเล้ว..
somchart
12-05-2012, 14:13
ผมขอแนะนำครับ 1.สัปดาห์ติดเครื่องประมาณ 15~30 นาที ห้ามเร่งเครื่องแรงเพราะน้ำมันต้องไปเลี้ยงส่วนต่างๆของเครื่อง 2. ควรจะต้องเปิดแอร์ด้วยเพื่อป้องกันน้ำยาแอร์แข็งตัวและให้น้ำยาหมุนเวียนในระบบ 3.ต้องเลื่อนตำแหน่งจากจอดเพื่อป้องกันโครงสร้างของยางเสียหาย 4.ไม่ควรดึงเบรคมือทิ้งไว้นานๆจะทำให้ผ้าเบรคติดกับจานเบรคได้ เพราะเกิดความชื้น ใช้ไม้หนุนล้อครับ แค่ความคิดเห็นส่วนตัวครับ
วันทำงานวิ่งหาไรกิน(รถติดช่างมัน) วันหยุดเสาร์ อาทิตย์ ตะเวนไหว้พระปีๆนึงตก สองหมื่นกว่าๆโล จอดมากๆก็ไปครับช่วงล่าง
somdach tiansoo
12-05-2012, 16:43
ขอถามครับ ถ้าสตาร์ทเฉยๆไม่ได้ออกวิ่ง ไม่ได้เร่งเครื่อง ไฟไม่ชาร์จเข้าแบตเตอร์รี่ ใช่ไหมครับ ขอคำชี้แนะครับ
ขอถามครับ ถ้าสตาร์ทเฉยๆไม่ได้ออกวิ่ง ไม่ได้เร่งเครื่อง ไฟไม่ชาร์จเข้าแบตเตอร์รี่ ใช่ไหมครับ ขอคำชี้แนะครับ
แค่ติดเครื่องไฟก็ชาร์จครับแล้วครับ จอดนานไม่ดีครับเดี๋ยวผู้ไม้ได้รับเชิญ มันจะขึ้นไปวิ่งเล่นบนรถ แต่ถ้ามันหมั่นเขี้ยวละงานเข้า
ผมก็เจอมาอีกทอดกรอบครับ อิอิ
http://www.pajerosport-thailand.com/forum/index.php?topic=5838.0
ไปเจอมาครับ เห็นว่าเป็นความรู้อีกเช่นเคย นำมาให้อ่านกันครับ http://www.pajerosport-thailand.com/forum/Smileys/soldier/big_smile%20copy.png
การสึกหรอที่รุนแรง
ในการเริ่มเดินเครื่องยนต์ขณะเย็น มีคนเพียงไม่กี่คนจะทราบว่าในการใช้รถแต่ละเที่ยว การสึกหรอเกิดขึ้นสูงมากถึง 95 % ใน
ตอน เริ่มเดินเครื่องขณะเครื่องเย็น หลังจากอุณหภูมิของเครื่องยนต์ร้อนถึงเกณฑ์ปกติแล้วการ สึกหรอมีน้อยมาก จนอาจกล่าวได้ว่าลืมไปได้เลย
ด้วยเหตุนี้วิศวกรจึงพยายามหาทางหลีกเลี่ยง การเริ่มเดินเครื่องยนต์ขณะเย็น หรือเดินเครื่องยนต์ขณะเย็นให้สั้นที่สุด โดยออกแบบให้มี
กลไกในการอุ่นเครื่องให้ร้อนได้เร็ว แนะนำผู้ขับขี่ควรจะปฏิบัติอย่างไรให้เครื่องร้อนเร็วและสึก หรอน้อยที่สุด
การสึกหรอของเครื่องยนต์ขณะเย็นเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
แทบ ทุกคนจะตอบว่า เพราะน้ำมันหล่อลื่นขึ้นมาหล่อเลี้ยงไม่ทันตอบอย่างนี้ ถูกแผ่ว ๆ ได้ 5 คะแนน ใน 100 คะแนน ลองมาดูสูตรทางเคมีข้างล่างนี้
…C8 H 18 + 12.5 O 2 8 CO 2 9 H 2O
เชื้อเพลิง (ออกเทน) +ออกซิเจน คาร์บอนไดออกไซด์ + น้ำ
….น้ำมัน เชื้อเพลิง 1 ลิตร เมื่อติดไฟแล้วจะได้น้ำ 1 ลิตร (หรือใกล้เคียง) หลายท่านคงเคยเห็นน้ำไหลออกมาจากท่อไอเสียตอนติดเครื่องใหม่ ๆ
ขณะที่ เครื่องยังเย็นอยู่ หลัง จากเครื่องร้อนแล้วน้ำจะหายไป ซึ่งเป็นเรื่องปกติ การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงในห้อง เผาไหม้ ภายใต้กำลังอัด และขณะที่ผนังสูบ (Cylinder Wall) ยังเย็นอยู่ ทำให้น้ำที่เกิดจาก ปฏิกิริยาทางเคมีนี้กลั่นตัวจับที่ผนังสูบ และไปทำลายฟิล์ม น้ำมันหล่อลื่น ทำให้เกิดการเสียดสี
ของโลหะกับโลหะ ระหว่างผนังสูบกับลูกสูบ และแหวนลูกลูบเกิดความฝืดและการสึกหรอสูง ทำให้ เครื่องยนต์มีประสิทธิภาพทางกลไก
(Mechanical efficiency) ต่ำมากในช่วงนี้ เมื่ออุณหภูมิของผนังสูบสูงขึ้น 130 องศาฟาเรนไฮต์ หรือสูงกว่า น้ำที่เกิดขึ้นจะไม่กลั่นตัว
คงเป็นไอน้ำออกไปกับไอเสีย ฟิล์มน้ำมันหล่อลื่นจะกลับคืนมา ความฝืดลดลงการสึกหรอลดลง ประสิทธิภาพทางกลไกดีขึ้น
จน เมื่อผนังสูบมีอุณหภูมิถึงระดับปกติที่เรียกว่า Operating Temperature ของเครื่องยนต์ การสึกหรอจะมีน้อยมากจนเรียกได้ว่าตัดทิ้งได้
ตอบอย่างนี้ได้ 100 คะแนนเต็ม….
….การ สึกหรอของเครื่องยนต์ในลักษณะนี้ เป็นได้กับเครื่องยนต์เผาไหม้ภายใน (Internal Combustion Engine) ทุกชนิด ทั้งเครื่องยนต์เบนซิน
และดีเซล….
…..ส่วน อื่น ๆ ของเครื่องยนต์ที่เป็นเพลา เช่นเพลาข้อเสือ เพลาก้านต่อ ไม่มีการสึกหรอ และไม่เกี่ยวข้องกับการสึกหรอตอนเริ่มเดินเครื่องยนต์
ขณะ เย็นเครื่องยนต์จึงมีจุดอ่อน อยู่ที่ การสึกหรอตอนเริ่มเดินเครื่องยนต์ขณะเย็นเครื่องยนต์จึงมีจุดอ่อนอยู่ที่ การสึกหรอของผนังสูบ ลูกสูบ แหวนลูกสูบ
สามารถตรวจสอบได้โดยวิธีวัด กำลังอัดในสูบเมื่อมีการสึกหรอมาก ๆ กำลัง อัดในสูบจะต่ำลงสูบที่ 1 เป็นบริเวณที่น้ำเย็นจากหม้อน้ำไหลเข้ากำลังอัดจะต่ำที่สุด
และค่อย เพิ่มมากขึ้นในสูบที่ 2 – 3 – 4 สูบสุดท้ายจะเป็นบริเวณที่น้ำร้อนไหลออกไปเข้าหม้อน้ำ กำลังอัดจะสูงกว่าสูบอื่น ๆ
อันตรายจากการกลั่นตัวของน้ำมีอย่างไรบ้าง….
….1. เกิดการสึกหรอที่ผนังสูบ ลูกสูบและแหวนลูกสูบ ตามที่กล่าวแล้ว
….2. น้ำจะไหลลงไปในห้องข้อเสื้อปนกับน้ำมันหล่อลื่น ทำให้เป็นเมือกเหนียวและทำลาย สารเพิ่มคุณภาพ (Additive) ในน้ำมันหล่อลื่น
แต่น้ำนี้จะระเหยออกไปได้เมื่อเครื่องยนต์ร้อน นานเพียงพอ(คนที่ใช้รถในระยะทางสั้นๆทุกวัน…ก็ถือว่าเป็นอันตรายต่อเครื่องยนต์)
….3. กำมะถันในน้ำมันเชื้อเพลิงจะเป็นออกไซด์เมื่อเผาไหม้ และเมื่อรวมตัวกับน้ำจะเป็น กรดกำมะถัน (ซัลฟูริก)
….. SO2 + 2H2 O = 2H 2SO4
….. ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ + น้ำ = กรดกำมะถัน
….. ทำให้น้ำมันหล่อลื่นเป็นกรด ดังนั้นน้ำมันหล่อลื่นทุกชนิดจะเป็นด่างไว้ก่อน โดยใส่สาร เพิ่มคุณภาพที่เป็นด่างเข้าไป เพื่อสู้กับกรดที่จะตามมา …
….4. กรดกำมะถัน จะไปกัดท่อไอเสียทำให้ผุกร่อน เมื่อน้ำไปกลั่นตัวที่ท่อไอเสีย
ทั้ง 4 ข้อที่กล่าวมาจะเกิดขึ้นในช่วงเริ่มเดินเครื่องยนต์ขณะเย็นแต่ละครั้งนาน เพียง 5-10 นาทีเท่านั้นสำหรับบ้านเราที่เป็นเมืองร้อน ในเมืองหนาวจะใช้เวลามากกว่า….. เมื่อ 4-5 ปี ที่ผ่านมา รัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์ ได้กำหนดค่ากำมะถันในน้ำมันเชื้อเพลิงให้ลดลงมาเป็น 10 เท่าของค่ากำมะถันในน้ำมัน
เชื้อเพลิงเป็นตัวกำหนดราคาน้ำมันด้วย ทำให้น้ำมันแพงขึ้น มีการพูดกันว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้สูงเกินไปหรือเปล่า ? แต่การผุกร่อนของท่อไอเสียลดลงอย่างเห็นได้ชัด
มีกลไกอะไรในเครื่องยนต์ที่ช่วยในการอุ่นเครื่อง (Warm up)….
เครื่อง ของรถยนต์ไม่มีอุปกรณ์ในการอุ่นน้ำก่อนเดินเครื่อง แต่มีกลไกที่เมื่อเดินเครื่อง แล้วช่วยให้ร้อนได้เร็ว เครื่องยนต์สมัยใหม่ที่ใช้หัวฉีดควบคุมด้วย
คอมพิวเตอร์จะมีลิ้น Air Valve เปิด – ปิด ด้วยอุณหภูมิแบบ Thermowax เริ่มเปิดเมื่อ 140 องศาฟาเรนไฮต์ยิ่งเย็น มากก็จะเปิดกว้างมาก
เพื่อ ให้อากาศเข้าเครื่องยนต์มาก ดังนั้นการเริ่มเดินเครื่องยนต์ขณะที่ อากาศเย็น เช่น ในตอนเช้าจะหมุนเร็วกว่าในตอนบ่ายที่อากาศอุ่นกว่า
เครื่อง ยนต์เดิน เบาใน ตอนนี้เรียก Fast Idle คอมพิวเตอร์จะจ่ายน้ำมันมาก อัตราส่วนผสมแก่ (Rich Mixture) เพื่อช่วยเผาเครื่องยนต์ให้ร้อนเร็วนั่นเอง
หลังจากเครื่องยนต์อุ่นขึ้น Air Valve จะเริ่มหรี่ลง คอมพิวเตอร์จะลดอัตราส่วนผสมให้จางลง (Lean Mixture) รอบเครื่องยนต์ค่อย ๆ ลดลงจน
อุณหภูมิถึง 140 องศาฟาเรนไฮต์ลิ้น Air Valve จะปิด รอบเครื่องยนต์จะลดลงมาเป็นปกติ ประมาณ 800 รอบ / นาทีเรียกว่า Normal Idle
กรรมวิธีในการอุ่นเครื่องจบลงตรงนี้ แต่ อุณหภูมิของเครื่องยนต์ยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป จนถึงอุณหภูมิทำงานตามปกติ Thermostat
เป็นกลไกอีกอันหนึ่งที่ช่วยในการ Warm Up เครื่องยนต์และรักษาอุณหภูมิทำงานของเครื่องยนต์ โดยการควบคุมการไหลวนเวียนของน้ำหล่อเย็น
ขับขี่อย่างไรให้ร้อนได้เร็วและสึกหรอน้อยที่สุด……
Do not try to warm up the engine by letting the vehicle stationary, drive off straight away, do not race the engine….
เป็น คำแนะนำที่จำมาจากหนังสือคู่มือการใช้รถ จำไม่ได้ว่ายี่ห้ออะไรการจอดอุ่นเครื่องอยู่กับที่เป็นวิธีการที่ล้าสมัย เพราะทำให้เครื่องร้อนช้าจึง แนะนำว่า
ท่านควรเตรียมการทุกอย่างให้ พร้อม เมื่อติดเครื่องแล้วจะต้องขับออกไปภายใน 10 วินาทีเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงาน แต่การขับในช่วงนี้เป็นวิธีการที่ละเอียดอ่อน
เครื่องยนต์ควร ทำงานเบา รอบเครื่องยนต์ไม่ควรเกิน 2000 รอบ / นาที ใช้ความเร็วสม่ำเสมอรถเกียร์ อัตโนมัติ จะไม่เข้าเกียร์ 4 หรือเกียร์ Overdrive
จนกว่าอุณหภูมิของ เครื่องยนต์เลย 130 องศาฟาเรนไฮต์ ไปแล้ว ซึ่งได้โปรแกรมไว้ในคอมพิวเตอร์ และเมื่อใดที่อุณหภูมิของเครื่อง ยนต์ถึงเกณฑ์ปกติ
ท่านจะขับอย่างไรก็ได้ตามนิสัยการขับ (Driving Habit) ที่ท่านชอบ เพราะ ในช่วงนี้การสึกหรอจะมีน้อยมาก
กรณีตัวอย่างที่น่ารู้…..
…..1. ตอนเย็นหลังจากเลิกงานแล้วท่านขับรถกลับบ้าน เมื่อถึงบ้านจอดรถแล้วไปอาบน้ำพัก ผ่อน จนค่ำแล้วก่อนเข้านอนนึกขึ้นได้ว่าจอดรถไว้หน้าบ้าน
จึงลงมาติดเครื่องยนต์ขับรถเข้าไป จอดในโรงรถ Robert Sikorsky เขียนไว้ในหนังสือของเขาว่าการสึกหรอในช่วงนี้เทียบเท่า
กับ การขับรถปกติเป็นระยะทางถึง 800 กิโลเมตร ตัวเลขนี้เชื่อได้ว่ามาจากผลการทดสอบจริง แต่ไม่มีรายละเอียดอื่น ๆ เช่น อุณหภูมิของอากาศขณะนั้น
…..2. ถ้าบ้านของท่านเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ที่มีรถหลายคันใช้ร่วมกัน ควรเลือกใช้รถคัน ที่เพิ่งผ่านการใช้งานมาใหม่ ๆ ที่เครื่องยังอุ่นอยู่
…..3. ถ้าท่านจะซื้อรถใช้แล้ว อย่าใช้เลขระยะทางเป็นตัวกำหนดสภาพรถแต่อย่างเดียวควร ตรวจสอบพฤติกรรมอื่น ๆ ประกอบด้วย
เช่น บ้านอยู่ห้องแถวกลางคืนเอารถเข้าจอดในบ้าน เช้าเลื่อนออกไปจอดริมถนน ต้องเลื่อนรถไป- มา เพื่อหาที่จอด
มีรถหลายคันบางคันไม่ค่อยได้ใช้ติดเครื่องเพื่อชาร์จแบตเตอรี่อยู่กับที่เป็นประจำ รู้มาก ยากนาน รู้น้อย พลอยรำคาญ…….
บทความดีๆ ที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้รถทุกๆ ท่านเลยนะครับ นำมาให้ได้อ่านกันครับผม .
credit : a31club.com
ขอคุณมากครับที่นำมาแบ่งปัน เคยมีวิศวกรเยอรมันพูดว่า เครื่องยนต์กลไกล โดยเฉพาะรถยนต์การสึกหรอมีหลายรูปแบบหนึ่งในนั้นคือ รถที่วิ่งน้อยๆแล้วจอด คนไทยชอบเข้าใจผิดคิดว่าเลขไมล์น้อยๆแล้วจะดี แต่ผลมันตรงกันข้าม
ขับเคลื่อนระบบโดย vBulletin™ Version 4.2.5 Copyright © 2024 vBulletin Solutions, Inc. All rights reserved.