ลูกเจ้าพ่อเสือสมิง
15-07-2008, 12:55
ในขณะที่วิกฤติพลังงาน น้ำมันแพง ก๊าซแพงกำลังรุมเล่นงานชาวบ้านอย่างไม่หยุดยั้ง...ภาครัฐ ทั้งราชการและนักการเมือง ยังคงมะงุมมะงาหรา เงื้อง่าราคาแพง
จะเอาแก๊สโซฮอล์ อี 85 ไบโอดีเซล...ก็ยังชักเข้าชักออก หาจุดลงตัวที่มั่นคงไม่ได้ เหมือนไม่มีความคิดเตรียมการที่จะแก้ปัญหานี้มาก่อนแต่อย่างใด
ยิ่งด้วยการเมืองในปัจจุบันด้วยแล้ว เราคงฝากผีฝากไข้ไม่ได้
แต่กระนั้นเมืองไทย คนไทยใช่สิ้นไร้ไม้ตอก พึ่งภาครัฐไม่ได้ ภาคประชาชนด้วยกันเองยังมีความหวัง
พลังงานทดแทนใหม่สด...บริสุทธิ์สุดสะอาด ไร้มลพิษทั้งเสียงและควันพิษ
ที่สำคัญไม่ต้องไปเสียเวลาปลูก ไม่ต้องเสียเวลาหมักกลั่น ไม่ต้องซื้อหา และไม่ต้องง้อพวกอาหรับ...คนไทยสามารถทำเองใช้เองที่บ้านก็ยังได้
พลังงานที่ว่า...ก๊าซไฮโดรเจน
ที่ได้จากน้ำ...น้ำประปา น้ำคลอง น้ำทะเล เอาทำเป็นก๊าซไฮโดรเจนใช้กับรถได้
ด้วยการประดิษฐ์คิดค้นของ พล.อ.ท.มรกต ชาญสำรวจ อดีตเจ้ากรมสรรพาวุธทหารอากาศ ที่ทำให้เราได้รถเก๋งไม่ง้อน้ำมัน
จากเมื่อปีที่แล้วได้ประดิษฐ์คิดค้นรถไฟฟ้าพลังไฮโดรเจน ขนาดเล็กที่วิ่งด้วยความเร็วเฉลี่ยแค่ 20 กม.ต่อชั่วโมง ได้เป็นผลสำเร็จ
มาวันนี้ ด้วยทุนอุดหนุนการวิจัยของ สภาวิจัยแห่งชาติ ที่ให้ผลิตคิดค้นสร้างรถไฟฟ้าพลังไฮโดรเจน ในขนาดที่ใหญ่ สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้
วันนี้ประเทศไทยเลยได้รถไฟฟ้า พลังงานไฮโดรเจน ที่วิ่งได้ด้วยความเร็ว 100 กม.ต่อชั่วโมง...สมความภาคภูมิ
โดยให้ชื่อว่า...THAI FULE CELL CAR
ราคานั่นหรือ ถูกกว่าที่ญี่ปุ่นผลิตออกมาขายหลายเท่าตัว...ญี่ปุ่นขายกันคันละ 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตอนนี้ก็ประมาณ 34 ล้านบาท
แต่ของเรา ราคาตัวรถต้นแบบที่ผลิตออกมา...ไม่ถึง 1 ใน 10 ที่ญี่ปุ่นขาย
เมื่อปีที่แล้ว เราประสบความสำเร็จในการผลิตเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนขนาด 1 กิโลวัตต์ กำลังไฟฟ้าขนาดนั้น ขับเคลื่อนได้แต่รถคันเล็กๆ อย่างรถกอล์ฟ เท่านั้น
แต่ตอนนี้เราสามารถผลิตเซลล์เชื้อเพลิง ที่ให้กำลังไฟฟ้าขนาด 10 กิโลวัตต์ได้แล้ว เลยมีพลังงานไฟฟ้ามากพอที่จะขับเคลื่อนรถเก๋งบรรทุกผู้โดยสาร 4 คน ได้สบายมาก
อย่าว่าแต่ขับเคลื่อนรถเก๋ง พล.อ.ท.มรกต บอกว่า กำลังไฟฟ้าขนาดนี้ สามารถขับเคลื่อนรถโดยสารอย่างมินิบัสได้โดยไม่ลำบาก
และที่สำคัญ เซลล์เชื้อเพลิงขนาดนี้ แค่เพียง 4 ก้อน ขณะนี้สหรัฐอเมริกาได้นำไปใช้กับเรือดำน้ำแล้ว
ตอนนี้สหรัฐอเมริกาได้นำเซลล์เชื้อเพลิงนี้ไปใช้กับเรือดำน้ำหลายลำ เพราะได้ประโยชน์หลายอย่าง 1. ประหยัดค่าเชื้อเพลิง 2. เครื่องเดินเงียบ ศัตรูตรวจไม่พบ 3. สามารถดำอยู่ในทะเลได้นานเป็นเดือนๆ โดยไม่ต้องเติมเชื้อเพลิง เพราะสามารถนำน้ำทะเลมาผลิตแยกเป็นก๊าซไฮโดรเจนได้ 4. ได้อากาศบริสุทธิ์ในเรือดำน้ำ เนื่องจากเอาน้ำทะเลมาแยกเป็นไฮโดรเจน จะทำให้ได้ออกซิเจนตามมาด้วย
ฉะนั้นการนำก๊าซไฮโดรเจนมาเป็นพลังงานทดแทน ไม่เพียงแต่ทำให้ ประเทศไทยคนไทยไม่ต้องควักเงินซื้อน้ำมัน ก๊าซจากต่างประเทศ ยังจะทำให้มลพิษทางเสียงและควันพิษลดไปด้วย
ที่สำคัญ รถพลังงานไฮโดรเจนไม่มีคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาแม้แต่นิดเดียว... จึงช่วยลดภาวะโลกร้อนได้เป็นอย่างดี
หลายคนอาจจะสงสัย เซลล์เชื้อเพลิงพลังงานก๊าซไฮโดรเจนอัศจรรย์นี้ เป็นอย่างไร?
อดีตเจ้ากรมฯ อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ...มันไม่ต่างจากโซลาร์เซลล์ หรือเซลล์แสงอาทิตย์ ที่คนไทยรู้จักคุ้นเคยซักเท่าไร
เราได้ไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ก็เพราะมีแผงโซลาร์เซลล์ทำงานแปลงแสงแดดให้เป็นไฟฟ้า
ไฮโดรเจนนี้ก็เหมือนกัน...มีเซลล์เชื้อเพลิงแปลงก๊าซไฮโดรเจนเป็นไฟฟ้า
ทุกอย่างฟังดูเหมือนง่าย แต่ทำนั้นยาก ในโลกนี้มีแค่ 6 ประเทศเท่านั้นที่ทำได้ สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, เยอรมนี, ญี่ปุ่น, จีน และไทยของเรา
ความยาก พล.อ.ท.มรกต บอกว่า อยู่ตรงการผลิตเยื่อแปลงก๊าซไฮโดรเจนเป็นไฟฟ้าที่เรียกว่า MEA (Membrane Electrode Assembly)
เป็นเยื่อบางๆ ที่มีแผ่นพลาสติกโพลีเทตราฟลูออร์เอททีลีนอยู่ตรงกลาง ฉาบด้วยผ้าคาร์บอนที่มีผงแพลตินั่มเล็กระดับนาโนเคลือบจับในปริมาณที่พอเหมาะ
เมื่อปล่อยให้ก๊าซไฮโดรเจนพุ่งผ่าน เยื่อ MEA จะปลดปล่อยพลังงานไฟฟ้ามาให้เราใช้งานได้โดยตรง...โดยไม่ต้องผ่านแบตเตอรี่
ไม่เหมือนไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม...ต้องพึ่งแบตเตอรี่มาเก็บกักไฟฟ้าไว้ก่อนถึงจะใช้งานได้
และที่ดีกว่าแสงอาทิตย์ และพลังงานลม ก็คือ พลังงาน 2 อย่างนี้ มีแค่บางเวลา แดด ลมไม่ได้มีตลอด 24 ชั่วโมง
ผิดกับพลังงานนี้...เราสามารถหาไฮโดรเจนมาใช้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คุณรู้ไหมว่า ทุกวันโรงงานผลิตแก้ว เม็ดพลาสติก โรงแยกแก๊สในประเทศไทยปล่อยไฮโดรเจนทิ้งไปในอากาศวันละเท่าไร เฉพาะ 4 โรงงานใหญ่ๆ เขาปล่อยทิ้งกันไปชั่วโมงละ 24 ล้านลิตรไฮโดรเจน
ก๊าซที่ปล่อยทิ้งไปนี้ สามารถนำมาใช้กับรถไฟฟ้าไฮโดรเจนได้มากถึง 126,000 คันต่อวัน เอามาเติมใช้กับรถได้แบบฟรีๆ โดยชาวบ้านไม่ต้องผลิตซื้อหาเลย
ส่วนเรื่องชาวบ้านจะมาผลิตเองนั้น อดีตเจ้ากรมฯ บอกว่า ยิ่งไม่ต้องห่วง เพราะแค่มีแผงโซลาร์เซลล์เล็กๆ ราคาประมาณ 10,000 บาท อายุใช้งาน 10 ปี สามารถนำไปแยกก๊าซไฮโดรเจนออกจากน้ำประปาที่บ้านได้ไม่ยาก
แค่ 1 ชั่วโมง...แยกได้ 400 ลิตรไฮโดรเจน...น้ำประปา 1 ลิตร แยกได้ 1,200-1,500 ลิตรไฮโดรเจน
แยกได้แล้วดูดอัดจับไฮโดรเจนใส่ถังดับเพลิง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 ซม. สูง 50 ซม. ได้ประมาณถังละ 1,200 ลิตรไฮโดรเจน
รถ THAI FULE CELL CAR ซดไฮโดรเจนนาทีละ 40 ลิตรไฮโดรเจน...1 ถังดับเพลิง รถวิ่งได้นานครึ่งชั่วโมง
จับใส่ลงไป 10 ถังดับเพลิง รถวิ่งได้นาน 5 ชั่วโมง...วิ่งไปกลับ กทม.-โคราชได้สบายมาก
ไฮโดรเจน 10 ถังดับเพลิง รวมน้ำหนักถังและก๊าซหนัก 55 กก. วิ่งได้ไกลประมาณ 500 กม.
ในขณะที่ก๊าซเอ็นจีวี 1 ถัง รวมน้ำหนักทั้งถังและก๊าซ หนัก 78 กก. วิ่งได้ไกลแค่ 140 กม.
อย่างไหนน่าจะดีกว่ากัน...ในเมื่อไฮโดรเจนหาได้ง่ายจากน้ำ ไม่ต้องมาเกรงว่าจะมีการปรับขึ้นราคาเหมือนเอ็นจีวี ที่จะเกิดขึ้นแน่ในอนาคตอันใกล้
ที่สำคัญในอนาคตถ้ามีการผลักดันให้มีรถไฟฟ้าไฮโดรเจนมากขึ้น จะมีปั๊มก๊าซไฮโดรเจนเกิดขึ้นเหมือนปัšมน้ำมัน วิ่งไปไกลแค่ไหนก็ไม่ต้องกลัว ไม่มีก๊าซเติม...ปั๊มเปิดก๊อกน้ำประปาแยกไฮโดรเจนขายได้เอง
พล.อ.ท.มรกต บอกอีกว
จะเอาแก๊สโซฮอล์ อี 85 ไบโอดีเซล...ก็ยังชักเข้าชักออก หาจุดลงตัวที่มั่นคงไม่ได้ เหมือนไม่มีความคิดเตรียมการที่จะแก้ปัญหานี้มาก่อนแต่อย่างใด
ยิ่งด้วยการเมืองในปัจจุบันด้วยแล้ว เราคงฝากผีฝากไข้ไม่ได้
แต่กระนั้นเมืองไทย คนไทยใช่สิ้นไร้ไม้ตอก พึ่งภาครัฐไม่ได้ ภาคประชาชนด้วยกันเองยังมีความหวัง
พลังงานทดแทนใหม่สด...บริสุทธิ์สุดสะอาด ไร้มลพิษทั้งเสียงและควันพิษ
ที่สำคัญไม่ต้องไปเสียเวลาปลูก ไม่ต้องเสียเวลาหมักกลั่น ไม่ต้องซื้อหา และไม่ต้องง้อพวกอาหรับ...คนไทยสามารถทำเองใช้เองที่บ้านก็ยังได้
พลังงานที่ว่า...ก๊าซไฮโดรเจน
ที่ได้จากน้ำ...น้ำประปา น้ำคลอง น้ำทะเล เอาทำเป็นก๊าซไฮโดรเจนใช้กับรถได้
ด้วยการประดิษฐ์คิดค้นของ พล.อ.ท.มรกต ชาญสำรวจ อดีตเจ้ากรมสรรพาวุธทหารอากาศ ที่ทำให้เราได้รถเก๋งไม่ง้อน้ำมัน
จากเมื่อปีที่แล้วได้ประดิษฐ์คิดค้นรถไฟฟ้าพลังไฮโดรเจน ขนาดเล็กที่วิ่งด้วยความเร็วเฉลี่ยแค่ 20 กม.ต่อชั่วโมง ได้เป็นผลสำเร็จ
มาวันนี้ ด้วยทุนอุดหนุนการวิจัยของ สภาวิจัยแห่งชาติ ที่ให้ผลิตคิดค้นสร้างรถไฟฟ้าพลังไฮโดรเจน ในขนาดที่ใหญ่ สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้
วันนี้ประเทศไทยเลยได้รถไฟฟ้า พลังงานไฮโดรเจน ที่วิ่งได้ด้วยความเร็ว 100 กม.ต่อชั่วโมง...สมความภาคภูมิ
โดยให้ชื่อว่า...THAI FULE CELL CAR
ราคานั่นหรือ ถูกกว่าที่ญี่ปุ่นผลิตออกมาขายหลายเท่าตัว...ญี่ปุ่นขายกันคันละ 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตอนนี้ก็ประมาณ 34 ล้านบาท
แต่ของเรา ราคาตัวรถต้นแบบที่ผลิตออกมา...ไม่ถึง 1 ใน 10 ที่ญี่ปุ่นขาย
เมื่อปีที่แล้ว เราประสบความสำเร็จในการผลิตเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนขนาด 1 กิโลวัตต์ กำลังไฟฟ้าขนาดนั้น ขับเคลื่อนได้แต่รถคันเล็กๆ อย่างรถกอล์ฟ เท่านั้น
แต่ตอนนี้เราสามารถผลิตเซลล์เชื้อเพลิง ที่ให้กำลังไฟฟ้าขนาด 10 กิโลวัตต์ได้แล้ว เลยมีพลังงานไฟฟ้ามากพอที่จะขับเคลื่อนรถเก๋งบรรทุกผู้โดยสาร 4 คน ได้สบายมาก
อย่าว่าแต่ขับเคลื่อนรถเก๋ง พล.อ.ท.มรกต บอกว่า กำลังไฟฟ้าขนาดนี้ สามารถขับเคลื่อนรถโดยสารอย่างมินิบัสได้โดยไม่ลำบาก
และที่สำคัญ เซลล์เชื้อเพลิงขนาดนี้ แค่เพียง 4 ก้อน ขณะนี้สหรัฐอเมริกาได้นำไปใช้กับเรือดำน้ำแล้ว
ตอนนี้สหรัฐอเมริกาได้นำเซลล์เชื้อเพลิงนี้ไปใช้กับเรือดำน้ำหลายลำ เพราะได้ประโยชน์หลายอย่าง 1. ประหยัดค่าเชื้อเพลิง 2. เครื่องเดินเงียบ ศัตรูตรวจไม่พบ 3. สามารถดำอยู่ในทะเลได้นานเป็นเดือนๆ โดยไม่ต้องเติมเชื้อเพลิง เพราะสามารถนำน้ำทะเลมาผลิตแยกเป็นก๊าซไฮโดรเจนได้ 4. ได้อากาศบริสุทธิ์ในเรือดำน้ำ เนื่องจากเอาน้ำทะเลมาแยกเป็นไฮโดรเจน จะทำให้ได้ออกซิเจนตามมาด้วย
ฉะนั้นการนำก๊าซไฮโดรเจนมาเป็นพลังงานทดแทน ไม่เพียงแต่ทำให้ ประเทศไทยคนไทยไม่ต้องควักเงินซื้อน้ำมัน ก๊าซจากต่างประเทศ ยังจะทำให้มลพิษทางเสียงและควันพิษลดไปด้วย
ที่สำคัญ รถพลังงานไฮโดรเจนไม่มีคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาแม้แต่นิดเดียว... จึงช่วยลดภาวะโลกร้อนได้เป็นอย่างดี
หลายคนอาจจะสงสัย เซลล์เชื้อเพลิงพลังงานก๊าซไฮโดรเจนอัศจรรย์นี้ เป็นอย่างไร?
อดีตเจ้ากรมฯ อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ...มันไม่ต่างจากโซลาร์เซลล์ หรือเซลล์แสงอาทิตย์ ที่คนไทยรู้จักคุ้นเคยซักเท่าไร
เราได้ไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ก็เพราะมีแผงโซลาร์เซลล์ทำงานแปลงแสงแดดให้เป็นไฟฟ้า
ไฮโดรเจนนี้ก็เหมือนกัน...มีเซลล์เชื้อเพลิงแปลงก๊าซไฮโดรเจนเป็นไฟฟ้า
ทุกอย่างฟังดูเหมือนง่าย แต่ทำนั้นยาก ในโลกนี้มีแค่ 6 ประเทศเท่านั้นที่ทำได้ สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, เยอรมนี, ญี่ปุ่น, จีน และไทยของเรา
ความยาก พล.อ.ท.มรกต บอกว่า อยู่ตรงการผลิตเยื่อแปลงก๊าซไฮโดรเจนเป็นไฟฟ้าที่เรียกว่า MEA (Membrane Electrode Assembly)
เป็นเยื่อบางๆ ที่มีแผ่นพลาสติกโพลีเทตราฟลูออร์เอททีลีนอยู่ตรงกลาง ฉาบด้วยผ้าคาร์บอนที่มีผงแพลตินั่มเล็กระดับนาโนเคลือบจับในปริมาณที่พอเหมาะ
เมื่อปล่อยให้ก๊าซไฮโดรเจนพุ่งผ่าน เยื่อ MEA จะปลดปล่อยพลังงานไฟฟ้ามาให้เราใช้งานได้โดยตรง...โดยไม่ต้องผ่านแบตเตอรี่
ไม่เหมือนไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม...ต้องพึ่งแบตเตอรี่มาเก็บกักไฟฟ้าไว้ก่อนถึงจะใช้งานได้
และที่ดีกว่าแสงอาทิตย์ และพลังงานลม ก็คือ พลังงาน 2 อย่างนี้ มีแค่บางเวลา แดด ลมไม่ได้มีตลอด 24 ชั่วโมง
ผิดกับพลังงานนี้...เราสามารถหาไฮโดรเจนมาใช้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คุณรู้ไหมว่า ทุกวันโรงงานผลิตแก้ว เม็ดพลาสติก โรงแยกแก๊สในประเทศไทยปล่อยไฮโดรเจนทิ้งไปในอากาศวันละเท่าไร เฉพาะ 4 โรงงานใหญ่ๆ เขาปล่อยทิ้งกันไปชั่วโมงละ 24 ล้านลิตรไฮโดรเจน
ก๊าซที่ปล่อยทิ้งไปนี้ สามารถนำมาใช้กับรถไฟฟ้าไฮโดรเจนได้มากถึง 126,000 คันต่อวัน เอามาเติมใช้กับรถได้แบบฟรีๆ โดยชาวบ้านไม่ต้องผลิตซื้อหาเลย
ส่วนเรื่องชาวบ้านจะมาผลิตเองนั้น อดีตเจ้ากรมฯ บอกว่า ยิ่งไม่ต้องห่วง เพราะแค่มีแผงโซลาร์เซลล์เล็กๆ ราคาประมาณ 10,000 บาท อายุใช้งาน 10 ปี สามารถนำไปแยกก๊าซไฮโดรเจนออกจากน้ำประปาที่บ้านได้ไม่ยาก
แค่ 1 ชั่วโมง...แยกได้ 400 ลิตรไฮโดรเจน...น้ำประปา 1 ลิตร แยกได้ 1,200-1,500 ลิตรไฮโดรเจน
แยกได้แล้วดูดอัดจับไฮโดรเจนใส่ถังดับเพลิง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 ซม. สูง 50 ซม. ได้ประมาณถังละ 1,200 ลิตรไฮโดรเจน
รถ THAI FULE CELL CAR ซดไฮโดรเจนนาทีละ 40 ลิตรไฮโดรเจน...1 ถังดับเพลิง รถวิ่งได้นานครึ่งชั่วโมง
จับใส่ลงไป 10 ถังดับเพลิง รถวิ่งได้นาน 5 ชั่วโมง...วิ่งไปกลับ กทม.-โคราชได้สบายมาก
ไฮโดรเจน 10 ถังดับเพลิง รวมน้ำหนักถังและก๊าซหนัก 55 กก. วิ่งได้ไกลประมาณ 500 กม.
ในขณะที่ก๊าซเอ็นจีวี 1 ถัง รวมน้ำหนักทั้งถังและก๊าซ หนัก 78 กก. วิ่งได้ไกลแค่ 140 กม.
อย่างไหนน่าจะดีกว่ากัน...ในเมื่อไฮโดรเจนหาได้ง่ายจากน้ำ ไม่ต้องมาเกรงว่าจะมีการปรับขึ้นราคาเหมือนเอ็นจีวี ที่จะเกิดขึ้นแน่ในอนาคตอันใกล้
ที่สำคัญในอนาคตถ้ามีการผลักดันให้มีรถไฟฟ้าไฮโดรเจนมากขึ้น จะมีปั๊มก๊าซไฮโดรเจนเกิดขึ้นเหมือนปัšมน้ำมัน วิ่งไปไกลแค่ไหนก็ไม่ต้องกลัว ไม่มีก๊าซเติม...ปั๊มเปิดก๊อกน้ำประปาแยกไฮโดรเจนขายได้เอง
พล.อ.ท.มรกต บอกอีกว