แสดงเวอร์ชันเต็ม : How to : ล้างรถเองอย่างไรให้สะอาด (Wash & Wax)
บทความนี้คัดอกบางส่วนมาจากwebsite e36thailand (ของผมเขียนไว้เองแหละ555)
พอจะมาลงเว็บ Triton จึงต้องทำการปรับข้อมูลบางส่วนครับ(ลักษณะการใช้รถไม่เหมือนกันบางส่วน) เรียกว่าUpdateข้อมูลเล็กน้อยละกันครับ
______________________________________________
สวัสดีครับทุกท่าน
วันนี้ขออนุญาติแบ่งปันข้อมูลเป็นประโยชน์ที่เขียนขึ้นมาเองนะครับ
โดยอ่านรวบรวมข้อมูลจากเว็บล้างรถแห่งหนึ่ง (TWCC)
จดจำแล้วเขียนให้คนที่ไม่เคยสัมผัสกับการล้างรถให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นนะครับ
หลายคนคงสงสัยการล้างรถจะล้างอะไรมากมาย ล้างยังไงก็เหมือนกัน มันต้องนี่เลยผ้าเหลือใช้ เสื้อนอนเสื้อยืดเนี่ยแหละสะอาดชัวร์ อันนี้คือความคิดที่ผิดนะครับ (เห็นทำกันประจำนะ)
เอาอะไรล้างก็ได้นี่เลย...แฟซ่า!!!สระผมแล้วเหลือล้างรถก็ได้ อันี้ไม่ถึงกับผิดแต่ก็ไม่ถูกนัก (งั้นเอารีจ้อยส์ก็ได้...ไม่ใช่ละ)
เคลือบสีใช่ไหม นี่เลยคาร์โกล้!!! ตัวเดียวเอาอยู่หมดทุกอย่าง ขัดเคลือบและอื่นๆ อันนี้ก็ไม่ช่ายยยย (คาร์โกลด์ จริงๆเรียกว่ายาขัดนะครับ ไม่ใช่ยาเคลือบ)
การเขียนจะขออนุญาตแบ่งหัวข้อไว้ละเอียดเยอะหน่อยอาจจะเปลืองพื้นที่กระทู้นิดนึงแต่เพื่อให้เข้าใจง่ายนะครับ ขอบคุณครับ^^
หัวข้อใหญ่ : อุปกรณ์ที่สำคัญ
การจะล้างรถให้สะอาด คือการทำอย่างไรให้เกิดริ้วรอยน้อยที่สุดในการล้างครับ(น้อยที่สุดหรือไม่มีเลย...แต่บอกไว้ก่อนล้างดียังไงก็ตามโอกาสเกิดรอยขนแมวก็มีครับ) ผลพลอยได้จากการเคลือบสีคือประกายแวววาวของรถที่เพิ่มขึ้นครับและความลื่นของผิว(ล้างครั้งต่อๆไปสะดวกง่ายขึ้น) เพิ่มความหนาของชั้นแว๊กซ์(ลดโอกาสเกิดขนแมวหรือริ้วรอย แต่ความหนานี่ไม่ใช่หนาเตอะนะครับ ชั้นบางๆลด%ลงนิดหน่อย)
อุปกรณ์การล้างรถแบบมาตรฐาน (ควรมีติดบ้านไว้ ล้างแบบง่ายๆ แต่ยังไม่ถึงขั้นดีนะครับ)
1. ถังน้ำ 2 ใบ (เรียกวิธีการนี้ว่าล้างแบบ 2 ถัง)
2. ฟองน้ำล้างรถ (บางทีผมใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์) >> ฟองน้ำที่ไว้ล้างรถจะนุ่มแล้วก็เก็บพวกฝุ่นแข็งไว้ในรูฟองน้ำ หรือหากไม่มีใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ก้ได้ครับ
3. แชมพูล้างรถ (กล่าวถึงในข้อความถัดไปครับ) >>> มีหลายแบบหลายยี่ห้อหลายราคา
4. ผ้าเช็ดรถ (มีหลายแบบทั้งผ้าซับน้ำ ผ้าชามัวร์เช็ด แต่ผมชอบไมโครผืนใหญ่ๆๆ มากกว่า)
5. หัวต่อสายยางให้มันพ่นแรงขึ้นก็ดีครับ >> ไว้ใช้เวลาไม่มีปั๊มฉีดน้ำ ถ้ามีแล้วไม่จำเป็น
ล้างแบบพิเศษ มีอุปกรณ์เพิ่มดังนี้
1. ปั๊มฉีดน้ำ มีให้เห็นโดยทั่วไปขายตามห้าง ขนาดที่พอเหมาะกับการล้างรถคือ 100-120 bar เอาที่ยี่ห้อดีๆหน่อย เช่น Zinsano / Bosch (ส่วนตัวแนะนำตัวแรกนะครับ รุ่นเยอะ ขนาดความแรง100bar อยู่ที่ 2000-2500บาท) ตัวที่ความดันแรงๆอย่าฉีดตรงใส่คนเด็ดขาดนะครับ เกิดแผลได้ง่ายๆ
2. Foam Lance ไม่ใช่ถังฉีดโฟมแบบในร้านนะครับ แต่เป็นหัวต่อแล้วพ่นแชมพูของเราออกมาเป็นฟองสวยงาม (เหมาะกับการฉีดใส่สาวทำปาร์ตี้โฟม) ไม่จำเป็นเท่าไหร่แต่เป็นของเล่นราคาประมาณ2000-2500บาท
3.เครื่องขัดหรือเครื่องลงแว๊กซ์ >>>มีหลายแบบหลายราคาปรับตามการใช้งานครับ
4.ของสำคัญสำหรับรถกระบะยกสูงหรือรถกระบะครับ...บันไดเตี้ยๆแบบสองขั้น มีขายตามHomepro ราคาไม่เกิน300-500บาท
_____________
แล้วรถจะล้างอย่างไร
1. ฉีดน้ำก่อนเลยครับ มีปั๊มใช้ปั๊ม ไม่มีปั๊มใช้สายยาง ฉีดเอาแรงๆพอดีๆ ไม่ใช่ปั๊มน้ำล่อเป็นเส้นตรง อันนี้แรงไป......เราฉีดน้ำเพื่อทำการไล่ฝุ่นครับ ไล่คราบแข็ง สำหรับจุดน่ากลัวสำหรับรถTriton อยู่ที่แก้มหลัง จะโดนดีดโคลนใส่มาเยอะ(บางทีมีคราบยางมะตอยด้วย) ให้ชะโลมน้ำใส่ก่อนซักแปปค่อยเอาน้ำลูบตามนะครับ
2. ผสมน้ำยาล้างรถ แล้วจัดการเริ่มล้างด้วยอุปกรณ์ที่มี ย้ำว้าล้างจากบนลงล่าง!!! ไล่สเตปตามผลก็ได้ หลังคา-กระจก-กระโปรงหน้า-กระบะ-ด้านตูดรถ(ตรงที่ติดทะเบียน)-ประตู 4 ข้าง(เฉพาะส่วนบนคิ้วรถ)-กันชนหน้าและหลัง-ส่วนล่างคิ้วประตู เรียบร้อย!!! >>>ล้างจากบนลงล่างเนื่องจากปรกติฝุ่นด้านบนจะไม่หนักและไม่แข็งเท่าด้านล่างที่ฝุ่นจากโคลนดินเลนจะเยอะครับ ถ้าล้างมั่วไปเราจะเอาคราบแข็งๆจากด้านล่างมาถูกับส่วนด้านบนไปด้วย-___-''
2.1 ทำไมต้องมีน้ำ 2 ถึง - ถังแรกผสมแชมพู ถังสองพอเราล้างไปซักพัก(สมมติหลังคาเสร็จ) เราก็จะมาซักผ้าในถังน้ำเปล่้าอีกใบ เพื่อไม่ให้เศษฝุ่นของที่เราล้างไปปนกับถังแชมพูครับ ลดการเกิดริ้วรอย
3. ฉีดน้ำไล่ มีอะไรก็ฉีดอย่างนั้นจนหมด - เทคนิคพิเศษ:การไล่น้ำ เมื่อล้างเสร็จลองเอาสายย้างเปิดน้ำธรรมดาๆเนี่ยแหละปล่อยน้ำไหลตามส่วนต่างๆ ละอองน้ำเล็กๆจะถูกชะไปด้วยทำให้การเช็ดแห้งง่ายขึ้นมาก
4. เช็ดแห้ง เช่นเคยบนลงล่าง สาเหตุที่ชอบไมโครไฟเบอร์ขนาดผ้าเช็ดตัวคือ เช็ดผืนเดียวได้รอบคัน 5555 ไม่ต้องบีบ ส่วนผ้าชามัวร์ซับน้ำดีแต่ข้อเสียมีอยู่คือมันชอบติดผิวรูดยาก ถ้าผิวไม่สะอาดเป็นฝุ่น รูดไปติดเป็นรอยที่ผิวแน่ๆ
หัวข้อใหญ่ : ขัดสีเคลือบสี ต่างกันอย่างไร
ตามร้านคาร์แคร์ส่วนใหญ่ชอบติดป้าย "ขัดเคลือบสี" ส่งผลให้ชาวประชาขับรถทั่วไปเกิดการกังวล
-ขัดเคลือบสี สีรถมันจะบางลง!!!
-ทำไปบ่อยๆสีมันบาง สีจะด้าน!!!
ความคิดที่ว่ามานี่ผิดนะครับ
ผมขอโทษร้านล้างรถก่อนไม่ยอมแยกประเภทการขัดและการเคลือบสีออกจากกัน
เคลือบสี
เรียกแบบชาวบ้านๆเลยนะครับ ลงWax นั่นแหละ
เราลงไปทำไมเพื่ออะไร - ถ้าเป็นคนWaxก็เหมือนแป้ง หรือครีมบำรุงผิว เพื่อทำให้ผิวรถใสขึ้น ฉ่ำขึ้น รวมไปถึงการปกป้องรถ เช่น จากคราบน้ำ จากขี้นก(ศัตรูร้าย!!) เป็นต้น
การเคลือบสีจะไม่เป็นการขัดสีผิวรถนะครับ จะเป็นการเหมือนเราทำการเคลือบฟิล์มบางๆลงไปบนตัวรถเองมากกว่า ซึ่งก็จะมีความสามารถปกป้องสีรถ รวมไปถึงการสะท้อนแสงเงาต่างๆให้วาวขึ้น นอกจากนี้ยังมีความลื่นของผิวเป็นผลพลอยได้อีกด้วย ลูบแล้วนุ่มนวลชวนหยิวเหมือนผิวสาววุย18
โดยหลักๆน้ำยาที่อยู่ในประเภทนี้หลักๆผมยอมรับน้ำยาประเภทที่ไม่เกิดการขัดเลย รวมไปถึงการขัดเล็กน้อยมากเพื่อทำความสะอาดน้ำยาประเภทนี้ได้แก่ (เรียกตามลักษณะขอน้ำยาเคลือบ)
Wax - เป็นขี้ผึ้ง มาในลักษณะเป็นกระปุก ลักษณะจะไม่เหลวเป็นน้ำ จะเหมือนขี้ผึ้ง (ที่เรียกว่าWaxเพราะเมื่อก่อนน้ำยาเคลือบจะมาเป็นขี้ผึ้งแบบนี้เลยเรียกกันมาว่าWaxหรือแปลตรงตัวว่าขี้ผึ้ง)
Sealant - เรียกว่าWaxแบบขวด ลักษณะอยู่ในขวดเป็นน้ำใช้งานง่ายกว่าแบบWax มีหลายยี่ห้อมากๆๆๆๆ(จะกล่าวถีงในบทต่อๆไป) (เป็นการพัฒนาต่อยอดจากการใช้Waxให้มันใช้งานง่ายขึ้น)
นอกจาก วิธีแบ่งน้ำยาเป็น 2 ประเภทหลักแล้ว เราสามารถแบ่งย่อยตามการใช้งานได้ลงไปอีก
Waxเคลือบสี - ตามชื่อก็บอกเคลือบสีเฉยๆ
Cleaner - ตามชื่อเลยเหมือนคลีนเนอร์ที่คนใช้นั่นแหละ มีหน้าที่ทำความสะอาดผิว เตรียมผิวให้ดีครับ เป็นการขัดสิ่งสกปรกบางส่วนออกจากผิวด้วย (ผิวรถหมองๆดูหม่นๆ เจอตัวนี้เข้าไปกลับมาใสปิ๊งได้เลยก้ได้นะครับ)
AIO - น้ำยา All in one ตามชื่อเลย เก่งทุกอย่างแต่ไม่ค่อยเด่นซักอย่าง ขัดสีบ้างลบบรอยเล็กๆน้อย ทำความสะอาดผิวบ้าง แล้วก็เป็นแบบเคลือบสีไปด้วยในตัว (แรงกว่าCleanerหน่อยนึง แต่ถ้าเทียบกับน้ำยาขัดสีแล้ว ถือเป็นเด็กทารกเลยละกัน)
การลงน้ำยาเคลือบสีรถหรือWax ถ้าลงทุกครั้งหลังล้างรถจะดีมากครับ แต่ถ้าขี้เกียจ.....เดือนนึง 1-2 ครั้งก็พอไหวครับ
ขัดสี
ขัดสี เป็นการขัดเพื่อเอาเคลียร์โค๊ทเก่าบนผิวรถออก ถ้าวัดเป็นคนก็คงประมาณScrubbขัดผิวลอกเซล์ผิวเก่า การเอาClear Coat เก่าออกเป็นการลบรอยครับ คือเอาชั้นที่เป็นรอยออก เพื่อให้ผิวเงางามขึ้น
แบบนี้ตามร้านก็ที่ราคาพวก 1500++ ขึ้นไปครับ ไม่ควรทำบ่อยนะครับ เฉลี่ยต่อหนึ่งปีไม่ควรเกิน1ครั้งต่อปี (วิธีดูว่าเคลือบหรือขัด ก็ดูที่ราคาเนี่ยแหละ)
การขัดโดยทั่วไปร้านจะพูดถึง 2 อย่างนะ
Wet look - เป็นการขัดแบบปานกลางถึงละเอียด ลบรอยจางๆบางๆ แต่รอบหนักๆไม่ค่อยได้ เป็นเหมือนการชักเงา ชักสีให้มันโดดเด่นเงางามขึ้น (ขัดลบรอยเล็กๆน้อยครับ หรือเป็นการดึงสีให้เงาใสขึ้นมา สำหรับรถที่นานๆดูแลทีนึง)
PCS - Paint Careing System ขัดเต็มระบบ ก็เต็มครับ ไล่จาก ขัดหยาบ ปานกลาง ละเอียด เหมาะกับการลบรอยหนักๆ ราคาก็จะสูงขึ้น(เหมาะกับรถพวกไม่ไหวแล้ว รอยเต็ม รอยตรึมเต็มคัน)
หัวข้อใหญ่ : รู้จักน้ำยาประเภทต่างๆ
ประเภทของน้ำยาจะมีแบ่งหลายๆประเภทมากๆ จะทยอยอธิบายให้ฟังนะครับ (จำไว้อย่าไปเชื่อใจเซลขายน้ำยาพวกนี้ตามห้างมาก ชอบมั่ว) เซลดีๆก็มีครับแต่ส่วนใหญ่มันมั่วตั้งแต่ป้ายที่ติดขายของแล้ว เช่น เคลือบแก้ว....เคลือบนาโนกันรอย....เคลือบทีนึงอยู่ได้หนึ่งปี อะไรทำนองนี้
Wax : น้ำยาเคลือบสีรถ มีไว้เพื่อเคลือบเพิ่มการปกป้องและความเงางามของรถ โดยทั่วไปหลักๆจะแบ่งได้ 2 ลักษณะ คือ
1. Wet look เหมาะกับรถสีเข้ม น้ำยาจะไปกดมิติให้สีดูเข้มแบบฉ่ำๆ ดูเปียกๆอธิบายยังไงดีเอาเป็นว่าเหมาะกับสีเข้มละกัน
2. Gloss look จะเป็นลักษณะให้ความเงาของผิวรถในลักษณะเงาใส(อารมณ์ลูกชุบ) (ส่วนมากจะขับเมลทัลลิคของรถให้ดูประกายขึ้นด้วยนะ)
น้ำยา Wax ทั่วไปที่น่าจะรู้จักกัน - Maguire , Pinnacle , Mother , Chemical Guy , Menzerna , Wolfgang , Zaino และอื่นๆอีกมากมาย (แถมให้Wax ระดับโคตรเทพ Zymol,Swisswax พวกนี้ชุดนึงหลักหมื่นนะครับ)
หากเรียงลำดับตามราคาขายทางInternetแล้ว จะแบ่งการตลาดของแต่ละยี่ห้อประมาณนี้
Maguire - ถือเป็นตลาดล่างถึงกลางครับ ตัวน้ำยาจะออกแบบมาใช้ง่าย หาซื้อได้ง่ายในประเทศไทย ส่วนมากจะเป็น Oil-base(ข้อเสียฝุ่นจะจับเยอะ) ลักษณะเด่น ใช้ง่าย/กลิ่นหอมน่ากิน(-__-'') คุณภาพตามราคาครับ
Chemical Guy - หลายคนอาจจะเคยเห็นตามร้านล้างรถ โลโก้รูปหัวกะโหลกน่ารักๆ ตัวนี้ถือว่าเป็นตลาดระดับกลางครับแต่มีบางตัวจับตลาดล่างเช่นกัน งานทั่วไปจะให้ลักษณะเนื้องานออกมาเด่นชัดกว่าMaguire เช่น Jetseal109จะขับเมทัลลิคได้โดดเด่นมาก
Wolfgang - ระดับกลางครับ(ค่อนไปทางสูง) หาได้บ้างตามร้านล้างรถพอมีให้เห็น ตัวเด่นๆจะเป็น deep gloss paint sealant 3.0 งานจะใสเป็นลูกชุบมาก
Cleaner : น้ำยาทำความสะอาดผิวรถ ตัวอย่าง Maguire Cleaner Wax(ตัวนี้ทำความสะอาดด้วยเคลือบด้วย) Optimum poli-seal , CG 408 และอื่นๆ
Glaze : ขอเรียกว่าน้ำยากลบรอยละกัน ใช้งานยุ่งกว่าWax มีข้อดีคือมีการกลบรอยได้บ้าง แต่เมื่อน้ำยาหายหมดรอยก็กลับมานะจ๊ะ (ง่ายๆก็สมมติมีรอยวิ่งๆอยู่ ลงน้ำยาตัวนี้มันจะกลบรอยทำให้มองไม่เห็นรอยวิ้งๆ)
Detailer : อยู่ในรูปของเหลวใช้งานได้ง่าย ฉีดๆแล้วเสร็จ เรียกว่าพวกน้ำยาเก็บงานดีกว่าครับ แต่ละตัวให้ความลื่นกับความเงาบ้าง แต่ไม่ค่อยเท่าWax เช่น MG-Ultimate Quik Detailer หรือ MG#135 , CG-Pro-detailer / Speed wipe
Spray-Wax : ทำออกมาให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น เหมือนรวม Detailer กับ Wax เข้าด้วยกัน ฉีดๆแล้วเช็ดก็เสร็จงานเห็นขายกันราคาไม่แพงตอนนี้ก็ Eagle ขวดน้ำเงิน
หัวข้อใหญ่ : การเตรียมผิว
การเตรียมผิวสำคัญอย่างไรหลายคนสงสัย? - คิดซะว่าเป็นผู้หญิง มาถึงโปะด้ายอายชาโดว์ ตบด้วยมาสคาร่า ปัดแก้มสีสันสดใส แต่ลืมรองพื้น มันไม่ครบครับ555
การเตรียมผิวเป็นการกำจัดคราบไคลฝังลึกบนสีรถ(ที่มันทำให้รถดูหมองๆ) ล้างธรรมดามันเอาออกได้แต่ไม่หมด อารมณ์ประมาณล้างห้องน้ำเอาน้ำราดกับเอาเป็ดราดประมาณนั้น นอกจากนี้มันยังช่วยเพิ่มการประสานตัวที่ดีให้กับชั้นWaxเพิ่มความเงาใสและคงทนถาวร.....
การเตรียมผิวโดยมากมักจะมี 2+1 ขั้นตอน
1. ลงดินน้ำมัน (กล่าวถึงในข้างล่าง)
2. ลง Cleaner
+1. ลงGlaze กลบรอย
ทีนี้หลายคนคงเริ่มงง ไอ้นี่บ้า อยู่ดีๆเอาดินน้ำมันมาละเลงบนรถ
ดินน้ำมัน : ชื่อภาษาอังกฤษClay bar ถูกสุดที่เคยเห็นขายยี่ห้อ Soft99 ก้อนละ450 ยี่ห้ออื่นๆราคาก็ขึ้นไปจนถึงหลักพันก็มี
แล้วประโยชน์ของมันคือ - มันเอาไว้ Cut สิ่งสกปรกที่ติดอยู่ตามผิวรถครับ รวมไปถึงความสามารถในการดึงคราบไคลต่างๆบนสีรถอีกด้วย รถคันไหนไม่เคยลงลองลงดูวักครั้งจะเห็นความแตกต่างเลยครับ บางทีเราสังเกตุว่ามันไม่มีอะไรเลยนะดูเงาๆ พอลูบเสร็จดินน้ำมันดำปี๋......สำหรับรถที่เลอะพวกละอองสี โดยมากใช้ดินน้ำมันลูบก็จะออกนะครับ(และบางทีมันก็ไม่ออกเช่นกันT^T'')
ใช้เมื่อไหร่ - ปรกติจะใช้เมื่อรถลูบแล้วรู้สึกสะดุดๆหรือสากมือ ดินน้ำมันลูบแล้วจะช่วยรู้สึกลื่นขึ้น
วิธีใช้งาน - แผ่ดินน้ำมันใหญ่ๆ ฉีด Detailer หรือน้ำผสมแชมพูล้างรถบางๆ พรมให้ทั่วรถ แล้วเอาดินน้ำมันลูบๆๆๆๆไปเรื่อยๆ ห้ามทำตกเด็ดขาด ถ้าตกก็ปาดตรงที่โดนพื้นทิ้งซะ- -''(ผมทิ้งไปหลายละ ก้อนไม่ใช่ถูกๆ)
ที่นี่มาดูว่าระยะห่างในการเตรียมผิวควรทำอย่างไรบ้าง
1. ดินน้ำมัน - โดยส่วนตัวผมว่าประมาณ1-2เดือนลงครั้งนึง เพราะมันค่อนข้างกินเวลา และผมคิดว่ามันยังสกปรกไม่พอ(พูดไปงั้นรถตัวเอง3-4เดือนทำที)
2. Cleaner - เรียกอีกชื่อก็ Pre-wax ก็บอกอยู่ในตัว ลงก่อนWax มีหน้าที่ทำความสะอาดผิวรวมถึงรองพื้นก่อนลงWax (ง่ายๆก็ลงWaxครบ3-4รอบก็ลงCleanerซักที)
3. Glaze น้ำยากลบรอย ค่อนข้างลำบากยุ่งในการครับ ควรจะใช้เครื่องลง ลงหลังCleanerทุกครั้งก็ดีครับ (ที่ว่ายากก็คือต้องปั่นด้วยเครื่องจนน้ำยาแห้งครับ ใครอยากรู้วิธีโดยละเอียดถามได้นะครับ)
หัวข้อใหญ่ : การเคลือบสี
ก่อนจะเข้าเรื่องการเคลือบสีต้องทำความรู้สักกับวิธีการลงWaxรวมถึงเครื่องมือก่อน
วิธีการลงWax
1. ลงด้วยมือ - ฟองน้ำลงWaxกลมๆหลายๆท่านคงเคยเห็น นั่นแหละครับ หมุนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไปเรื่อยๆ เพิ่มกล้ามอกและกล้ามแขน
2. ลงด้วยเครื่อง - แพงกว่าหน่อยแต่สะดวกสบาย สมมติลงมือ40นาที ลงเครื่อง10นาทีเสร็จ นอกจากนี้ยังให้ความหนาของWaxที่ค่อนข้างเท่ากันอีกด้วย (น้ำยาบางตัวเหมาะกับเครื่องหรือมือต้องดูเป็นตัวๆไป)
ประเภทของเครื่อง
ขอแยกเป็น 3 ประเภทหลักๆ
1. Dual Action ปรับรอบไม่ได้ (DA) หาซื้อได้ทั่วไป ส่วนมากจะเห็นยี่ห้อ D1 ไม่ก็ Mikawa รวมไปถึง Black&Decker(ต้องแปลงนิดหน่อย) สำหรับDAประเภทนี้จะเหมาะกับการใช้งานลง Cleaner และ Wax ครับ ใช้งานง่าย เปิดสวิตช์แล้วจบ ราคาประมาณ1000-1500 แพงกว่านี้อย่าไปยุ่ง!!! >>>>> อย่าไปสนใจพวกฟองน้ำขนาด10ตัวเครื่องเท่ายูดอฟโอนะครับ ใช้จริงยากมาก
2. Dual Action ปรับรอบได้ หาซื้อยากขึ้นหน่อยเพราะเริ่มเฉพาะทาง เพิ่มความสามารถที่ให้รอบที่สูงกว่าแบบปรับรอบไม่ได้ เพิ่มคุณลักษณะการใช้งานในส่วนของ การลบรอยบางๆ ไปถึงรอยกลางๆได้ ลงGlazeได้ ใช้งานได้ง่ายไม่ต้องกลัวสีไหม้แบบRotary แต่ความแรงในการขัดยังสู้ไม่ได้ ราคามีตั้งแต่3000-12000
อธิบายเพิ่ม : DA เป็นเครื่องที่หมุนรอบแกนและหมุนรอบตัวเอง หรือลักษณะประมาณโคจรไปเรื่อยๆบนแป้น ทำให้ความร้อนไม่สะสมบนผิว
3. Rotary อันนี้คืออุปกรณ์หลักที่คาร์แคร์นิยมใช้ในการขัดสี หน้าที่มันคือขัดสีนั่นแหละ(เอาไปลงWaxก้ได้แต่ไม่เหมาะ) น้ำหนักมีตั้งแต่2-4kg หนักชิบ มีอยู่ตัวหนัก4กิโลกล้ามขึ้นกันเลย สามารถใช้งานได้เกี่ยวกับรถได้ทุกอย่างครับ ลบรอยหนักๆได้ แต่ใช้งานยาก ปั่นไม่ดี สีไหม้นะเออ(โดนมาแล้ว) >>> อุปกรณ์ขัดสูงครับ ใครกำลังหัดลบรอยเล็กๆน้อยแนะนำ DAปรับรอบ
ฟองน้ำ(ใช้กับเครื่อง)
ฟองน้ำสำคัญไฉน - หลายคนบอกเอาผ้าไมโครลงWaxก็ได้ ลงอะลงได้แต่มันไม่เหมาะใช้งานผิดประเภท มันเปลืองน้ำยานะสิ ฟองน้ำมีหลายชนิดมากๆๆๆๆๆๆ จะขออธิบายคร่าวๆ
ฟองน้ำในไทยที่มีจำหน่ายจะมีดังๆอยู่ไม่กี่ยี่ห้อ Lake Country (หาซื้อง่ายราคาค่อนข้างสูง) / Maguire ราคาแพงกว่าแล้วก็ผมไม่ชำนาญ / จีนแดงตามคลองถม(อย่าไปยุ่งเลยจ่ายแพงกว่าหน่อยเถอะ)(ลงได้ไม่กี่ทีฟองน้ำกลายเป็นขุยๆๆ)
ขอพูดถึงแต่Lake Country(ขอย่อว่า LC)
ฟองน้ำจะมีเส้นผ่านศูนย์กลางหลายขนาดครับ เช่น 4นิ้ว(ใช้กับเครื่องหัวเล็ก) 6.5นิั้ว(มาตรฐานใช้กับDAปรับรอบไม่ได้) 7.5นิ้ว(ใช้กับRotary)
ทีนี้สีของฟองน้ำLCจะเป็นตัวบอกคุณลักษณะของฟองน้ำนั้นๆ ขออธิบายคร่าวๆบางสีนะครับ
ขนแกะ - เอาไว้ขัดสี
ฟองน้ำส้ม - เอาไว้ขัดสี(ค่าCutสูงเพียงพอต่อการใช้งานปรกติทั่วไปแล้ว)
ฟองน้ำขาว - ลงPre-wax/Cleaner
ฟองน้ำดำ - ลงCleaner / Glaze / Wax
ฟองน้ำแดง - ลง Wax
การลงWax
เมื่อเตรียมผิวเสร็จก็ต้องทำการลงWax
1. เลือกวิธีว่าจะลงด้วยอะไร
2.ลงให้ทั่วคันนั่นแหละ แนะนำขั้นตอนการลงแบบเดียวกับล้างรถ คือบนลงล่าง
3.ทิ้งไว้ 15 นาทีรอเซ็ตตัว (ต้องทิ้งไว้นะจ๊ะอย่าเช็ดเลย)
4.เช็ดออกด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์
หมดละง่ายๆครับ^^ การลงWaxถ้ามีเวลาควรลงทุกครั้งหลังล้างรถ รถคุณจะเงางามเปล่งประกายไข่มุกใส
หัวข้อใหญ่ : การเก็บงานระหว่างวัน+น้ำยาเสริมต่างๆ + แชมพู
การเก็บงานคืออะไร - เรียกได้หลายอย่างนะผมขอสรุปรวมๆให้
1.หลังล้างรถขี้เกียจลงWax - ก็เอาDetailer ลูบแล้วป้ายเลย (สมมติกระโปรงหน้า ฉีดซัก4-5ฟอด แล้วฉีดใส่ผ้าอีก2ฟอด) ลูบไปเลยบนผิวรถ ลื่นขึ้นแน่นอน รวมไปถึงบางตัวเพิ่มความมีมิติให้สีรถด้วยนะครับ
2.รถฝุ่นเกาะระหว่างวัน - กลัวไม่สวยแนะนำคร่าวๆ เอาBlowerเป่าลม เป่าให้หมด แล้วฉีดDetailerบนผิวกับบนผ้าแล้วลูบ (เปลี่ยนผ้าบ่อยๆนะดำเร็ว) แต่ผมไม่ค่อยทำนะ ชอบรอหมักไว้ล้างเต็มๆ
3.เพิ่มมิติให้Wax - บางคนรอWaxเซ็ตตัวเสร็จฉีดDetailerกลบต่อ เพิ่มมิติความงามให้รถ เช่น Maguire#135 จะให้สีรถฉ่ำขึ้น
น้ำยาเสริม
การล้างรถเนี่ยน้ำยาแปลกๆจะมีเพิ่มเข้ามาอีกเยอะครับขออิบายไว้เป็นบางตัว
All purpose cleaner - เป็นน้ำยาสารพัดนึก ความเข้มข้นสูง(ผสมน้ำ10เท่า) ใช้งานทั่วไปได้ เช่น เช็ดพลาสติกดำที่มีคราบมาติด เช็ดห้องเครื่องก็ได้ ควรมีติดบ้าน เตาแก๊สเลอะคราบน้ำมันเหนียวๆ ฉีดใส่มันก็เช็ดได้!!!!สารพัดนึกไหมละ ยี่ห้อดังๆก็มีของ Maguire-All purposr cleaner / Chemical Guy - Green Clean
น้ำยาลงยาง - ชื่อก็บอกน้ำยาลงยางนั่นแหละครับ มีดำเงาดำด้านราคาหลายเกรด ความทนขึ้นกับราคา ส่วนตัวผมชอบด้านๆ แนะนำ CG - Blue Guard (น้ำยาพวกนี้เวลาลงควรรอให้แห้งซักพักก่อนขยับรถเพราะบางตัวแห้งช้ามากมันจะกระเด็นไปติดสีรถ ถ้าสีขาวนี่เห็นๆเลยด่าง)
น้ำยาละลายคราบยางมะตอยและแมลง - ยางมะตอยติดก็ใช้น้ำยาตัวนี้ลงแล้วเช็ดออกครับ รวมไปถึงพวกซากแมลงต่างๆ(ปั๊มน้ำฉีดก็อออกเกือบหมดแล้วนะ) (ใช้All purpose แทนก้ได้นะ)
น้ำยาขจัดคราบแม็ก - ล้อแม็กเลอะผงเบรค ไม่ต้องขัด เราแค่ฉีดน้ำยาลงไปรอมันทำงานแล้วฉีดออก!!ง่ายไปไหมจอร์จ(ไม่เคยใช้5555)
น้ำยาลงเบาะ - ชื่ออังกฤษเรียก Leather cleaner รวมถึง Leather conditioner (บางยี่ห้อต้องใช้สองตัว ทำความสะอาดแล้วค่อยบำรุงผิว) มีหน้าที่ล้างคราบสกปรปบนเบาะหนังออกครับ ไม่แนะนำWaxyเพราะบางคนบอกว่าใช้แล้วหนังมันกรอบ (น้ำยาดีๆลงแล้วไม่เยิ้มมากไม่ลื่นเกินนะครับ)
แชมพู
ควรใช้แชมพูที่เหมาะกับการล้างรถโดยตรงครับ (ถ้าใช้ไม่ถูกบางตัวจะไปล้างWaxที่เราลงไว้ด้วย เช่น น้ำยาล้างจาน-__-'')
ยี่ห้อทั่วไป Triton (ชื่อคุ้นๆเนอะ) ขวดละ60บาทเอง น้ำครึ่งถังต่อแชมพูซักฝาสบายตัวไป
ยี่ห้อแพงๆ Maguire / CG และอื่นๆก็มีครับ อัตราการชะล้างWaxออกไปน้อยกว่าพวกตัวถูกๆ(ถ้าไม่ใช่ซีเรียสตัวถูกๆก็ได้ราคาต่างกัน3-5เท่าแนะ)
MiNi_XXL
09-12-2012, 12:12
ขอบคุณครับผมมมมมมม
Nong Pook
09-12-2012, 12:40
โอ้ว...ผมแค่ล้าง เช็ดให้แห้ง เคลือบสี สามอย่างก็ลมแทบจับแล้วครับ 3-4 ชั่วโมงทุกที :27 2:
ขอบคุณมากนะครับที่นำมาแบ่งปันกัน จดไว้ก่อนอ่านไม่ทัน :kapook-17199-4683:
tonzatriton
09-12-2012, 13:40
แจ่มเลยครับน้า
บอกช้าไปนิด ทั้งรอย ทั้งบุบ -*-
ขอบคุณครับ
แจ่มเลยครับน้า
บอกช้าไปนิด ทั้งรอย ทั้งบุบ -*-
ขอบคุณครับ
รอยบุบเหมือนจะมีผู้เชี่ยวชาญรับทำอยู่นะครับจำราคาไม่ค่อยได้
แต่มีเพื่อนๆแนะนำมาว่า...ใช้จุ๊บดูดส้วมก็ขึ้นเหมือนกันนะครับo__o''
ส่วนรอยถ้าไม่ลึกลงไปถึงชั้นแลคเกอร์(เอาเล็บลูบแล้วสะดุดแรงหรือลงไปถึงชั้นขาวๆ) ขัดสีก็เอาออกได้เกือบหมดครับ
เห็นTriton ชอบรถสีเทาดำ-ดำ กัน เลยเขียนเพิ่มให้อีกอัน
ข้อควรระวังของรถสีเข้ม
รถสีเข้มเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคนเพราะให้ความสวยงามแบบนุ่มลึกดูสุขุม อีกทั้งยังสามารถแต่งรถได้ในสไตล์สวยดุอีกต่างหาก รวมไปถึงสามารถเลอะฝุ่นได้โดยที่สภาพรถยังดูดีอยู่ได้ (รถสีเข้มจับคู่กับน้ำยาเคลือบสไตล์ Wet look เป็นอะไรที่สุดยอดมาก สีจะฉ่ำเยิ้มมาก โดยเฉพาะสีดำออกWet lookนี่เยิ้มแบบสุดๆ)
แต่ปัญหาของรถสีเข้มที่ใครหลายคนต้องเจอแน่นอนคือการดูแลรักษา เนื่องจากสีที่เข้มนี่เองทำให้พอสะท้อนกับแสงแดดหรือแสงไฟกำลังสูง จำทำให้รอยต่างๆบนตัวรถแสดงออกมาได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะสีดำ ซึ่งดำได้ใจและแสดงรอยออกมาได้ใจเจ้าของรถเช่นกัน
ยกตัวอย่างง่ายๆ.....ลูบผ้าผิด1ที รถสีดำก็สามารถแสดงรอยขนแมวเด่นชัดบนตัวรถคุณได้อย่างแน่นอนภายใต้แสงอาทิตย์และมุมมอง(เป็นรอยฝุ่นถูกับตัวรถลากยาวตามการลูบผ้าเลย)
ฉะนั้นรถสีเข้มควรจะมีข้อควรระวังเป็นพิเศษ
1.อย่าลูบรถด้วยน้ำเปล่า+ผ้า
-หลายๆคนมักจะล้างรถด้วยวิธีการแบบโบราณ.....คือการเอาสายยางฉีดน้ำและเอาผ้าลูบตามไปด้วย(พ่อผมก็ทำ-__-'') สำหรับรถสีอ่อนอาจจะพอมีลุ้นว่าจะเกิดรอย สำหรับสีเข้ม....ไม่ต้องลุ้นครับ ใครทำแล้วไม่เกิดรอยขนแมวผมลงแว๊กซ์ให้ฟรี1รอบเลยอะ(แต่ล้างรถ+ขับมาหาผมเองนะ555)
2.ตรวจสอบผ้าที่ใช้เช็ดรถให้ดี
-ผ้าเช็ดรถมีอายุการใช้งานนะครับ(สำหรับผ้าไมโครไฟเบอร์ใช้ซักพักขนไมโครมันจะเหมือนเล็กลงแล้วเห็นชั้นพื้นของผ้า ควรรีบเปลี่ยน) หรือผ้าใช้ไปนานๆจะเริ่มแข็งตัวก็ต้องรีบเปลี่ยนครับ (ผ้าไมโครทั่วไปแบบชาวบ้านๆ 3ผืน100 4ผืน100 ผมให้อายุการใช้งานถ้าใช้ทุกอาทิตย์ 3-5เดือนก็ควรเปลี่ยนแล้วนะครับ หากใครใช้ผ้าพวกCobra(ผ้าเกรดพรีเมี่ยม)ก็อยู่นานหน่อย) ถ้าผ้าแข็งเวลาลูบจะเพิ่มการเกิดรอยได้ครับ ระวังด้วย
-ผ้าที่ตกพื้นแล้ว ไม่ควรใช้ซ้ำ......จำไว้ด้วยครับคาร์แคร์ไหนทำผ้าตกแล้วเอามาเช็ดต่อ.....เปลี่ยนร้านโดยด่วน
3.เวลาล้างรถอย่าไปตะบี้ตะบันถู
-การล้างรถเวลาเจอบางจุดที่มีคราบบางอย่างไม่ออก ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะกดแรงเพิ่มแล้วถูๆๆๆ การทำแบบนี้ฟันธง100%ว่าจะเกิดรอยถูเป็นขนแมวขึ้นลงๆๆบนบริเวณนั้นแน่นอน ได้ทั้งคราบล้างไม่ออก+รอยเพิ่ม ลองเอามือลูบดูครับถ้าไม่ออกค่อยเอาผ้าผสมน้ำยาแชมพูฟองเยอะๆลูบดูใหม่ครับ ถ้าไม่ออกจริงๆให้หาผู้เชี่ยวชาญครับใช้ดินน้ำมันลูบ
4.การลงแว๊กซ์อย่างสม่ำเสมอ
-ถ้าเรารถสีเข้มการลงแว๊กซ์อย่างสม่ำเสมอจะเป็นการช่วยที่ดีครับ โดยจะเป็นการเพิ่มความลื่นที่ผิวทำให้โอกาสจะเกิดการถูของเม็ดฝุ่นลดน้อยลง รวมถึงมีชั้นบางๆของตัวน้ำยาเคลือบกันรอยได้ด้วย (บางทีมันเป็นรอยบนชั้นWaxครับ เอาCleanerลงก็หายแล้ว)
พิมพ์แล้วติดลมแอบเพิ่ม
เคลือบแก้วดีไหม??
อันนี้ความรู้ยังไม่แน่นมากนะครับ แต่จะพยายามเขียนให้พอเข้าใจกันแบบง่ายๆ
การเคลือบแก้ว(บางร้านเรียกเคลือบนาโน บางร้านเคลือบCeramic) คือเป็นการเพิ่มชั้นฟิล์มของตัวผิวเคลียร์โค๊ทของตัวรถ เปรียบเสมือนมีอะไรบางๆมากั้นอยู่ระหว่างผิวรถกับสภาพภูมิอากาศ
ยกตัวอย่างง่ายๆ การลงน้ำยาเคลือบสีทั่วไปอาจจะให้ชั้นฟิล์มหนาประมาณ 1 X (ขออนุญาตใช้ X = แทนความหนา) (ข้อมูตัวเลขเป็นค่าสมมติห้ามไปใช้อ้างอิง-__-'')
แต่พอการเคลือบแก้วอาจจะให้ความหนาถึง 10 X
ดังนั้นการเคลือบแก้วจึงมีความสามารถที่จะกันรอยบางส่วนที่จะเกิดขึ้นกับตัวรถของเราได้ รวมถึงเป็นชั้นที่เพิ่มความเงางามให้กับตัวรถของเราด้วย (แต่ต้องมีเทคนิคการดูแลแตกต่างกันไปตามยี่ห้อนะครับ)
ข้อควรระวัง : เคลือบแก้ว ไม่ใช่การกดสูตรอมตะ
- การเคลือบแก้วไม่ใช่เคลือบครั้งเดียวอยู่ได้ทั้งอายุรถ......ถ้าจำไม่ผิดจะอยู่ประมาณ 6เดือน - 2 ปี ไม่เกินนี้ การซื้อเคลือบแก้วส่วนมากมักจะมีเป็นแพคเกจคือต้องมีการเข้าไปเคลือบเติมสารด้วย(ร้านไหนขายทีเดียวจบน่าคิดนะครับ)
-การเคลือบแก้วมักจะมาเป็นแพคเกจ คือ 1.ขัดสีลบรอยทั้งคัน + 2.เคลือบแก้ว +3.แพคเกจเข้ารับการMaintenenceตัวเคลือบ
- เคลือบแก้วไม่ใช่อมตะ ถ้าเจออะไรรุนแรงๆจริงๆ มันก็ไม่รอดนะครับ-____-''
- ราคาการเคลือบแก้วค่อนข้างแพง ไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่น(ตามยี่ห้อ แต่บางยี่ห้อก็บอกเคลือบแก้วแต่สู้ในราคาต่ำ อันนี้ต้องดูกันเองนะครับว่าอายุการใช้งานนานไหม)
เยอะครับน้าว่างๆเดี๋ยวมาอ่านใหม่ครับ ขอบคุณครับผม
Duck_Hell
09-12-2012, 22:19
สวดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ยอด ขอบคุณครับ
autoart_jack
09-12-2012, 22:30
เจ๋งครับ
ถามนิดนึงครับ น้ำยา Cutting หรือ Compound ควรลงเฉาะที่ๆเกิดรอย หรือสามารถลงได้ทั้งคันรถครับ
ยังไม่กล้าสั่งมาใช้ ตอนนี้ใช้ PreWax Poorboy PwS อยู่ เก็บได้แต่รอยบางๆ รถผมเป็นรอยเล็บแมวของแท้ด้วยครับ ที่บ้านเลี้ยงแมว มันลบไม่ออกยังเห็นเป็นเส้นบางๆอยู่ ส่วน wax ใช้ Poorboy EX-P อยู่ครับ ฝุ่นและน้ำเกาะน้อยกว่าบางยี่ห้อ
ขอบคุณครับ
ดีมากครับ มาเก็บความรู้ อิอิ
ถามนิดนึงครับ น้ำยา Cutting หรือ Compound ควรลงเฉาะที่ๆเกิดรอย หรือสามารถลงได้ทั้งคันรถครับ
ยังไม่กล้าสั่งมาใช้ ตอนนี้ใช้ PreWax Poorboy PwS อยู่ เก็บได้แต่รอยบางๆ รถผมเป็นรอยเล็บแมวของแท้ด้วยครับ ที่บ้านเลี้ยงแมว มันลบไม่ออกยังเห็นเป็นเส้นบางๆอยู่ ส่วน wax ใช้ Poorboy EX-P อยู่ครับ ฝุ่นและน้ำเกาะน้อยกว่าบางยี่ห้อ
ขอบคุณครับ
ดูเป็นตัวๆดีกว่าครับ ถ้าเป็น Cutสูงแบบพวกต้องเอาRotaryปั่น แนะนำให้ลงเป็นชิ่้นครับ(สมมติเป็นที่ประตูซ้ายหน้า ก็ปั่นซ้ายหน้าทั้งบานเลย)
ถ้าCompound ที่ลงมือไม่แรงมากพวก MG ultimate compound ผมว่าลงเฉพาะจุดได้ครับ แล้วลองส่องไฟดูซ้ำ แล้วกลบตามด้วยWax
ขอบคุณครับ......งได้ความรู้เพียบเลยผมเป็นคนชอบล้างรถเองด้วย....
ดูเป็นตัวๆดีกว่าครับ ถ้าเป็น Cutสูงแบบพวกต้องเอาRotaryปั่น แนะนำให้ลงเป็นชิ่้นครับ(สมมติเป็นที่ประตูซ้ายหน้า ก็ปั่นซ้ายหน้าทั้งบานเลย)
ถ้าCompound ที่ลงมือไม่แรงมากพวก MG ultimate compound ผมว่าลงเฉพาะจุดได้ครับ แล้วลองส่องไฟดูซ้ำ แล้วกลบตามด้วยWaxพอดีผมใช้กับเครื่อง DA งั้นแสดงว่า ใช้ประเภท Compound จะเหมาะกับเครื่องมือที่มีอยู่มากกว่า181943 รูปนี้หลังจากลง Prewax + Wax181944 รูปนี้ไม่เคยลงน้ำยาอะไรเลย แต่พอลงแค่ 2 ขั้นตอนเห็นเลยว่ารถขาวขึ้น เม็ดมัลเทลิกเห็นชัดขึ้น ตอนนี้ยังขาดดินน้ำมัน ถ้าได้ลูบดินน้ำมันน่าจะขาวขึ้นกว่านี้แน่นอน รูปบนอาจจะเห็นว่าไม่ขาวเท่ากับรูปล่าง เพราะเอาป้ายแบนเนอร์เกมมาบังแดดช่วงเย็นเอาไว้ แล้วถ่ายรูป
ลอง MG UC ลงมือก่อนก็ได้ครับ^^ ตัวนี้ไม่รุนแรงมากเท่าไหร่ (แต่รอยเล็บแมวผมว่าได้จางลง แต่ไม่น่าจะออก)
แนะนำลง MG UC + ตามด้วย glaze ที่เหมาะกับผิวขาวซักตัว(ผมใช้Poorboy black hole เยี่ยมเลยแต่มันเหมาะกับสีเข้ม) น่าจะกลบหายได้ซัก70-80%
ดินน้ำมันจะช่วยให้สีขาวดีขึ้นครับ เพราะไปขจัดคราบไคลออกจากผิวครับ อารมณ์ประมาณขี้ไคลคนเราถูธรรมดาไม่ออก ต้องใช้ฟองน้ำช่วย อันนี้ใช้ดินน้ำมัน
เวลาใช้ พรม Detailerหรือ Lubricant ให้ทั่วนะครับ แล้วลูบยาวๆเลย มันจะลื่นๆไม่หนืดมาก ระวังทำตกด้วยครับ
Cleanerผมชอบ MG #6 (cleaner wax แต่เป็นของ professional line) คุณภาพมันจะดีกว่า cleanerขวดแดง ใช้ง่ายครับ
3T_MUN_D
10-12-2012, 20:10
ความรู้ทั้งนั้น แต่อ่านเยอะตาลายครับ ผมมาอ่านสองรอบแหระ ต้องขออนุญาติ ทำเป็นเอกสารไว้อ่านในรถครับ ฮึฮึ
ความรู้ทั้งนั้น เยอะจริงๆ จะมาอ่านต่อน่ะครับ +++
ลอง MG UC ลงมือก่อนก็ได้ครับ^^ ตัวนี้ไม่รุนแรงมากเท่าไหร่ (แต่รอยเล็บแมวผมว่าได้จางลง แต่ไม่น่าจะออก)
แนะนำลง MG UC + ตามด้วย glaze ที่เหมาะกับผิวขาวซักตัว(ผมใช้Poorboy black hole เยี่ยมเลยแต่มันเหมาะกับสีเข้ม) น่าจะกลบหายได้ซัก70-80%
ดินน้ำมันจะช่วยให้สีขาวดีขึ้นครับ เพราะไปขจัดคราบไคลออกจากผิวครับ อารมณ์ประมาณขี้ไคลคนเราถูธรรมดาไม่ออก ต้องใช้ฟองน้ำช่วย อันนี้ใช้ดินน้ำมัน
เวลาใช้ พรม Detailerหรือ Lubricant ให้ทั่วนะครับ แล้วลูบยาวๆเลย มันจะลื่นๆไม่หนืดมาก ระวังทำตกด้วยครับ
Cleanerผมชอบ MG #6 (cleaner wax แต่เป็นของ professional line) คุณภาพมันจะดีกว่า cleanerขวดแดง ใช้ง่ายครับ
แล้วถ้าใช้ Rubbing Compound เช็ดๆขัดๆ มันจะหายมั้ยครับ
num_navanakorn
11-12-2012, 00:11
ขอบคุณครับ เเต่ก็ยังงงๆอยู่ เดี๋ยวค่อยมาอ่านใหม่...
แนะนำเครื่อง da แบบปรับรอบได้ คุณภาพเหมาะสมกับราคาให้หน่อยสิครับน้า
แนะนำเครื่อง da แบบปรับรอบได้ คุณภาพเหมาะสมกับราคาให้หน่อยสิครับน้า
ของ shimate รุ่น 600 ตอนนี้กำลังลดราคาอยู่ครับ http://www.thaiwashercarclub.com/forum/index.php?topic=12964.0 แนะนำเอาครบเซ็ตราคา3990 อะครับ คุ้มครับ ผมสั่งจากอีกร้านนึงยี่ห้อ DIY โอนเงินตอนเช้า พอตอนเย็นเจ้านี้จัดโปร อย่างปรี๊ดเลยครับ
ของ shimate รุ่น 600 ตอนนี้กำลังลดราคาอยู่ครับ http://www.thaiwashercarclub.com/forum/index.php?topic=12964.0 แนะนำเอาครบเซ็ตราคา3990 อะครับ คุ้มครับ ผมสั่งจากอีกร้านนึงยี่ห้อ DIY โอนเงินตอนเช้า พอตอนเย็นเจ้านี้จัดโปร อย่างปรี๊ดเลยครับ
ตัว Shinmate กับ DIY ดูจากรูปร่างแล้วน่าจะมาจากโรงงานเดี๋ยวกันเปลี่ยนยี่ห้อ
http://www.thaiwashercarclub.com/forum/index.php?topic=18152.0 ของ Metabo ก็ดีครับ แต่ติดที่หัวมันใส่ได้แค่4นิ้ว ถ้าจะใส่6.5นิ้วต้องหาตัวแปลง
http://www.thaiwashercarclub.com/forum/index.php?topic=23760.0 Let's buff ตัวนี้โรงงานเดียวกับ Bloccoli ครับ
ถ้าหัดใช้จริงๆผมว่า Shinmate ก็พอโอเคแล้วนะครับ ใช้ฟองน้ำที่ให้มาไปก่อนครับ
แล้วถ้าใช้ Rubbing Compound เช็ดๆขัดๆ มันจะหายมั้ยครับ
http://www.thaiwashercarclub.com/forum/index.php?topic=5517.0
อ้างอิงจากกระทู้ด้านบนผมว่า Rubbing coompound คุณภาพไม่น่าจะสู้ UC ได้ครับ^^ แต่ถ้ามีอยู่แล้วก็ลองครับ แต่ถ้าไม่มีข้ามไป UC เลยดีกว่าครับ
http://www.thaiwashercarclub.com/forum/index.php?topic=5517.0
อ้างอิงจากกระทู้ด้านบนผมว่า rubbing coompound คุณภาพไม่น่าจะสู้ uc ได้ครับ^^ แต่ถ้ามีอยู่แล้วก็ลองครับ แต่ถ้าไม่มีข้ามไป uc เลยดีกว่าครับ
อ่า ขอบคุณมากครับ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเยอะเลยครับ เกือบสั่ง mg 105 ไปซะแล้ว
triton_tierak
11-12-2012, 13:49
ขอบคุณครับ ตามหามานานกระทู้แบบนี้
ถามต่อเลยละกัน แล้วผลิตภัณฑ์ของ seeker ละครับน้าเทียบคุณภาพกับราคาเป็นยังงัยบ้าง คุ้มที่ซื้อใช้หรือปล่าว ถ้าเทียบกับแมกไกว์
ขอบคุณครับ ตามหามานานกระทู้แบบนี้
ถามต่อเลยละกัน แล้วผลิตภัณฑ์ของ seeker ละครับน้าเทียบคุณภาพกับราคาเป็นยังงัยบ้าง คุ้มที่ซื้อใช้หรือปล่าว ถ้าเทียบกับแมกไกว์
Seekerต้องมองว่าตัวไหนครับ ยี่ห้อนี้เหมือนจะมาเน้นสาย Coating(สายเคลือบแก้ว พวกตัว x3 x7 x22 อะไรทำนองนั้น) กับพวกWax QuickShine / Maxshine (ข้อมูลอ้างอิงบางส่วนจาก http://www.thaiwashercarclub.com/forum/index.php?topic=22622.0)
(ยี่ห้อนี้ไม่เคยนะครับเลยต้องไปทำการบ้านในเว็บนั้นมาก่อนข้อมูลเป็นอ้างอิงนะครับไม่เคยใช้เองจริงๆ)
ตัว Coating ถ้ามือใหม่ทำเองไม่แนะนำครับ ทำยากและเปลืองอุปกรณ์ครับ เข้าร้านดีกว่า ถ้าผมจำไม่ผิดเคยเห็นราคาอยู่ซัก4พัน-1หมื่น ได้ แล้วแต่ว่าจะใช้รุ่นไหน
ส่วนเรื่องตัวWax ถ้ามีสองตัวตามที่อ้างมาจริง ผมว่าอย่าเพิ่งเล่นดีกว่าครับ แนะนำยี่ห้ออื่นๆดีกว่าครับ สั่งในเน็ตเว็บที่ผมอ้างอิงนั่นแหละได้ราคาค่อนข้างดีแล้วครับ
ส่วนตัวรถสีอะไรครับจะได้จัดชุดให้ถูก
ถ้าขาวมุก.....ผมแนะนำ Chemical Guy รุ่น Jet seal109 ไปเลยครับ ตัวนี้ขับประกายเมทัลลิคเด่นมาก(ขับมุกขึ้นเลย) ราคาขวดนึงประมาณ 1500-1700บาทแล้วแต่คนขาย(ถ้าMaguireรุ่นที่อยู่ในประเภทเงาใสเหมือนตัวนี้ก็เป็น Ultimate wax ราคาประมาณ1000นิดๆ แต่งาน109จะสวยคมกว่าหน่อยครับ)(ขอข้ามMG#21 ไปเลยนะครับ งานมันคงสู้Ultimateหรือ109ไม่ได้อยู่แล้วครับ)
ถ้าเป็นสีโทนเข้ม....น้ำตาล/เทาดำ/ดำ.....เป็นMG#26ครับจะกดสีให้ฉ่ำเยิ้ม(ลองสังเกตุรถสีดำบางคันทำไมสีมันเข้มเหมือนละลายได้ นั่นแหละครับจับคู่กับWaxพวกCarnubaให้สีที่เข้มฉ่ำ)
ถ้าเป็นสีกลางๆพวกน้ำตาลหรือเทาดำ คุณมีทางเลือกสองทางคือ 1.กดให้เข้มฉ่ำไปเลยสีจะดูเปียกๆรถจะเข้มขึ้น 2.เล่นสายเงาคือเล่นเหมือนพวกรถสีอ่อนเลยครับ งานจะออกมาเป็นรถลูกชุบเงาๆวิ้งๆ
ฉะนั้นผมจะลองListรายการตัวที่ผมพอรู้จักในมือก็จะได้เช่นนี้
สายลูกชุบ
-Chemical Guy ...jet seal109 (ขับเมทัลลิคดีเยี่ยม)
-Maguire Ultimate wax
-Maguire #21 (งานสู้สองตัวข้างบนไม่ได้)
-Wolfgang Deep gloss paint sealant 3.0 (ตัวนี้ราคาค่อนข้างสูงขวดละ1800 แต่งานเป็นที่ยอมรับกันพอสมควรว่าดีก่าของMaguireแน่นอน สไตล์จะคล้ายกับตัว109แต่ความลื่นกับเงาจะสูงกว่า แต่ขับเมทัลลิคออกน้อยกว่า)
สายฉ่ำเยิ้ม
-Maguire #26 (ฉ่ำแน่ แต่ความทนกลางๆไม่สูง)
-Maguire gold class โคตรฉ่ำ....ความทนต่ำ ถ้าลงทุกอาทิตย์รถคุณจะโคตรเงาเยิ้ม
-Menzerna Power lock ให้งานฉ่ำกลางๆค่อนไปทางมาก ความคงทนค่อนข้างสูงกว่าสองตัวแรก(ถ้าเคยได้ยิน Menzerna FMJ ตัวนี้คือตัวที่พัฒนามาจากFMJครับ)
แนะนำเท่าที่เคยใช้นะครับ^^ บางตัวถามได้ครับแต่เดี๋ยวต้องไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเล็กน้อย เดี๋ยวจะรีวิวในสายของMaguireแบบคร่าวๆให้เกือบครบทุกตัวขอเวลานั่งทางในหาข้อมูลก่อนครับ ฮ่าๆ
triton_tierak
12-12-2012, 11:41
Seekerต้องมองว่าตัวไหนครับ ยี่ห้อนี้เหมือนจะมาเน้นสาย Coating(สายเคลือบแก้ว พวกตัว x3 x7 x22 อะไรทำนองนั้น) กับพวกWax QuickShine / Maxshine (ข้อมูลอ้างอิงบางส่วนจาก http://www.thaiwashercarclub.com/forum/index.php?topic=22622.0)
(ยี่ห้อนี้ไม่เคยนะครับเลยต้องไปทำการบ้านในเว็บนั้นมาก่อนข้อมูลเป็นอ้างอิงนะครับไม่เคยใช้เองจริงๆ)
ตัว Coating ถ้ามือใหม่ทำเองไม่แนะนำครับ ทำยากและเปลืองอุปกรณ์ครับ เข้าร้านดีกว่า ถ้าผมจำไม่ผิดเคยเห็นราคาอยู่ซัก4พัน-1หมื่น ได้ แล้วแต่ว่าจะใช้รุ่นไหน
ส่วนเรื่องตัวWax ถ้ามีสองตัวตามที่อ้างมาจริง ผมว่าอย่าเพิ่งเล่นดีกว่าครับ แนะนำยี่ห้ออื่นๆดีกว่าครับ สั่งในเน็ตเว็บที่ผมอ้างอิงนั่นแหละได้ราคาค่อนข้างดีแล้วครับ
ส่วนตัวรถสีอะไรครับจะได้จัดชุดให้ถูก
ถ้าขาวมุก.....ผมแนะนำ Chemical Guy รุ่น Jet seal109 ไปเลยครับ ตัวนี้ขับประกายเมทัลลิคเด่นมาก(ขับมุกขึ้นเลย) ราคาขวดนึงประมาณ 1500-1700บาทแล้วแต่คนขาย(ถ้าMaguireรุ่นที่อยู่ในประเภทเงาใสเหมือนตัวนี้ก็เป็น Ultimate wax ราคาประมาณ1000นิดๆ แต่งาน109จะสวยคมกว่าหน่อยครับ)(ขอข้ามMG#21 ไปเลยนะครับ งานมันคงสู้Ultimateหรือ109ไม่ได้อยู่แล้วครับ)
ถ้าเป็นสีโทนเข้ม....น้ำตาล/เทาดำ/ดำ.....เป็นMG#26ครับจะกดสีให้ฉ่ำเยิ้ม(ลองสังเกตุรถสีดำบางคันทำไมสีมันเข้มเหมือนละลายได้ นั่นแหละครับจับคู่กับWaxพวกCarnubaให้สีที่เข้มฉ่ำ)
ถ้าเป็นสีกลางๆพวกน้ำตาลหรือเทาดำ คุณมีทางเลือกสองทางคือ 1.กดให้เข้มฉ่ำไปเลยสีจะดูเปียกๆรถจะเข้มขึ้น 2.เล่นสายเงาคือเล่นเหมือนพวกรถสีอ่อนเลยครับ งานจะออกมาเป็นรถลูกชุบเงาๆวิ้งๆ
ฉะนั้นผมจะลองListรายการตัวที่ผมพอรู้จักในมือก็จะได้เช่นนี้
สายลูกชุบ
-Chemical Guy ...jet seal109 (ขับเมทัลลิคดีเยี่ยม)
-Maguire Ultimate wax
-Maguire #21 (งานสู้สองตัวข้างบนไม่ได้)
-Wolfgang Deep gloss paint sealant 3.0 (ตัวนี้ราคาค่อนข้างสูงขวดละ1800 แต่งานเป็นที่ยอมรับกันพอสมควรว่าดีก่าของMaguireแน่นอน สไตล์จะคล้ายกับตัว109แต่ความลื่นกับเงาจะสูงกว่า แต่ขับเมทัลลิคออกน้อยกว่า)
สายฉ่ำเยิ้ม
-Maguire #26 (ฉ่ำแน่ แต่ความทนกลางๆไม่สูง)
-Maguire gold class โคตรฉ่ำ....ความทนต่ำ ถ้าลงทุกอาทิตย์รถคุณจะโคตรเงาเยิ้ม
-Menzerna Power lock ให้งานฉ่ำกลางๆค่อนไปทางมาก ความคงทนค่อนข้างสูงกว่าสองตัวแรก(ถ้าเคยได้ยิน Menzerna FMJ ตัวนี้คือตัวที่พัฒนามาจากFMJครับ)
แนะนำเท่าที่เคยใช้นะครับ^^ บางตัวถามได้ครับแต่เดี๋ยวต้องไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเล็กน้อย เดี๋ยวจะรีวิวในสายของMaguireแบบคร่าวๆให้เกือบครบทุกตัวขอเวลานั่งทางในหาข้อมูลก่อนครับ ฮ่าๆ
ขอบคุณครับ รถผมสีขาวมุก SEEKER เคยใช้ตัว Maxshine ซื้อโดยที่ไม่มีความรู้เรื่องนี้อะไรเลย หลงคารมคนขาย 55 รู้สึกจะโดนประมาณ 2500B ใช้ไปจนหมดแล้ว สีรถจะออกขาวใสๆ
ตอนนี้ใช้ MG เบอร์ 21 ความรู้สึกส่วนตัวผมชอบ Maxshine มากกว่าเบอร์ 21 จะทนและลื่นกว่า
ปล.ผมลงด้วยมือ ไม่มีเครื่อง เพิ่งรู้จัก TWCC ยังไม่นาน
Seekerต้องมองว่าตัวไหนครับ ยี่ห้อนี้เหมือนจะมาเน้นสาย Coating(สายเคลือบแก้ว พวกตัว x3 x7 x22 อะไรทำนองนั้น) กับพวกWax QuickShine / Maxshine (ข้อมูลอ้างอิงบางส่วนจาก http://www.thaiwashercarclub.com/forum/index.php?topic=22622.0)
(ยี่ห้อนี้ไม่เคยนะครับเลยต้องไปทำการบ้านในเว็บนั้นมาก่อนข้อมูลเป็นอ้างอิงนะครับไม่เคยใช้เองจริงๆ)
ตัว Coating ถ้ามือใหม่ทำเองไม่แนะนำครับ ทำยากและเปลืองอุปกรณ์ครับ เข้าร้านดีกว่า ถ้าผมจำไม่ผิดเคยเห็นราคาอยู่ซัก4พัน-1หมื่น ได้ แล้วแต่ว่าจะใช้รุ่นไหน
ส่วนเรื่องตัวWax ถ้ามีสองตัวตามที่อ้างมาจริง ผมว่าอย่าเพิ่งเล่นดีกว่าครับ แนะนำยี่ห้ออื่นๆดีกว่าครับ สั่งในเน็ตเว็บที่ผมอ้างอิงนั่นแหละได้ราคาค่อนข้างดีแล้วครับ
ส่วนตัวรถสีอะไรครับจะได้จัดชุดให้ถูก
ถ้าขาวมุก.....ผมแนะนำ Chemical Guy รุ่น Jet seal109 ไปเลยครับ ตัวนี้ขับประกายเมทัลลิคเด่นมาก(ขับมุกขึ้นเลย) ราคาขวดนึงประมาณ 1500-1700บาทแล้วแต่คนขาย(ถ้าMaguireรุ่นที่อยู่ในประเภทเงาใสเหมือนตัวนี้ก็เป็น Ultimate wax ราคาประมาณ1000นิดๆ แต่งาน109จะสวยคมกว่าหน่อยครับ)(ขอข้ามMG#21 ไปเลยนะครับ งานมันคงสู้Ultimateหรือ109ไม่ได้อยู่แล้วครับ)
ถ้าเป็นสีโทนเข้ม....น้ำตาล/เทาดำ/ดำ.....เป็นMG#26ครับจะกดสีให้ฉ่ำเยิ้ม(ลองสังเกตุรถสีดำบางคันทำไมสีมันเข้มเหมือนละลายได้ นั่นแหละครับจับคู่กับWaxพวกCarnubaให้สีที่เข้มฉ่ำ)
ถ้าเป็นสีกลางๆพวกน้ำตาลหรือเทาดำ คุณมีทางเลือกสองทางคือ 1.กดให้เข้มฉ่ำไปเลยสีจะดูเปียกๆรถจะเข้มขึ้น 2.เล่นสายเงาคือเล่นเหมือนพวกรถสีอ่อนเลยครับ งานจะออกมาเป็นรถลูกชุบเงาๆวิ้งๆ
ฉะนั้นผมจะลองListรายการตัวที่ผมพอรู้จักในมือก็จะได้เช่นนี้
สายลูกชุบ
-Chemical Guy ...jet seal109 (ขับเมทัลลิคดีเยี่ยม)
-Maguire Ultimate wax
-Maguire #21 (งานสู้สองตัวข้างบนไม่ได้)
-Wolfgang Deep gloss paint sealant 3.0 (ตัวนี้ราคาค่อนข้างสูงขวดละ1800 แต่งานเป็นที่ยอมรับกันพอสมควรว่าดีก่าของMaguireแน่นอน สไตล์จะคล้ายกับตัว109แต่ความลื่นกับเงาจะสูงกว่า แต่ขับเมทัลลิคออกน้อยกว่า)
สายฉ่ำเยิ้ม
-Maguire #26 (ฉ่ำแน่ แต่ความทนกลางๆไม่สูง)
-Maguire gold class โคตรฉ่ำ....ความทนต่ำ ถ้าลงทุกอาทิตย์รถคุณจะโคตรเงาเยิ้ม
-Menzerna Power lock ให้งานฉ่ำกลางๆค่อนไปทางมาก ความคงทนค่อนข้างสูงกว่าสองตัวแรก(ถ้าเคยได้ยิน Menzerna FMJ ตัวนี้คือตัวที่พัฒนามาจากFMJครับ)
แนะนำเท่าที่เคยใช้นะครับ^^ บางตัวถามได้ครับแต่เดี๋ยวต้องไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเล็กน้อย เดี๋ยวจะรีวิวในสายของMaguireแบบคร่าวๆให้เกือบครบทุกตัวขอเวลานั่งทางในหาข้อมูลก่อนครับ ฮ่าๆ
น้า ถามต่ออีกนิด cray bar จะใช้ยี่ห้อไหนดี ผมเห็นชุดคิทของ mother ราคามันไม่แพง ว่าจะสั่งอยู่ ได้ ดินน้ำมัน 80 กรัม 2 ก้อน ดีเทลเลอร์16ออนซ์ 1 ขวด ผ้าไมโครไฟเบอร์ 1 ผืน ถ้าของ MG มีกล่องใส่ดินน้ำมันเพิ่มเข้ามา แต่ราคาแพงกว่า 150 บาท เลือกตัวไหนดี มีหลายยี่ห้อมากมาย
Clay bar มือใหม่หัดใช้ แนะนำ Soft99 ก้อนละ450.- แบ่งใช้ได้3-4ก้อนเล็ก
ขอแนะนำตัวนี้เพราะอะไรรู้ไหมครับ คุณภาพมันอาจจะสู้ตัวแพงๆไม่ได้ อาจจะคุณภาพปานกลาง......แต่.......
เวลามันกลิ้นอยู่ที่พื้นจะไม่เสียดายมากครับ ลองใช้จนหมดก้อนใหญ่ก่อนครับค่อยหันไปเล่นตัวแพงๆดีกว่าครับ
ของผมsoft99 กลิ้งเล่นที่พื้นหลายรอบแล้วครับT^T'' แค่ตัวนี้ยังเสียดายเลย มันลงพื้นเมื่อไหร่เตรียมทิ้งครับ(ใช้ต่อแล้วเสียว)
มันจะมีปัญหาตอนเราลูบด้านข้างๆรถอะครับ หลุดมือกระเด็นลงพื้นๆไปเลย
หัดใช้แนะนำเป็น soft99 + Lubricantผมใช้เป็น MG quik detailer หรือบางคนเห็นใช้เป็น MG last touch ผสมน้ำ1ต่อ1 ลองใช้ชุดนี้ก่อนก็ได้ครับราคาไม่สูงมาก ไว้เก่งกว่านี้หน่อยแล้วไปจับ Pinnacleก็ดีครับ^^
ขอบคุณครับ รถผมสีขาวมุก SEEKER เคยใช้ตัว Maxshine ซื้อโดยที่ไม่มีความรู้เรื่องนี้อะไรเลย หลงคารมคนขาย 55 รู้สึกจะโดนประมาณ 2500B ใช้ไปจนหมดแล้ว สีรถจะออกขาวใสๆ
ตอนนี้ใช้ MG เบอร์ 21 ความรู้สึกส่วนตัวผมชอบ Maxshine มากกว่าเบอร์ 21 จะทนและลื่นกว่า
ปล.ผมลงด้วยมือ ไม่มีเครื่อง เพิ่งรู้จัก TWCC ยังไม่นาน
ถ้าราคา2500.- เอาไปเทียบ เบอร์21ไม่ได้หรอกครับ ตัวนั้นขายในเน็ตกันอยู่700-900เอง
จะชนกับ2500.- ลองเจอพวก Wolfgang DGPS3.0 หรือ Fuzion ก็ได้ครับคาดว่าจะลืมSeekerไปเลย>_<''
surawat007
12-12-2012, 22:39
ถามนิดนึงครับ น้ำยา Cutting หรือ Compound ควรลงเฉาะที่ๆเกิดรอย หรือสามารถลงได้ทั้งคันรถครับ
ยังไม่กล้าสั่งมาใช้ ตอนนี้ใช้ PreWax Poorboy PwS อยู่ เก็บได้แต่รอยบางๆ รถผมเป็นรอยเล็บแมวของแท้ด้วยครับ ที่บ้านเลี้ยงแมว มันลบไม่ออกยังเห็นเป็นเส้นบางๆอยู่ ส่วน wax ใช้ Poorboy EX-P อยู่ครับ ฝุ่นและน้ำเกาะน้อยกว่าบางยี่ห้อ
ขอบคุณครับ
ขออนุญาตตอบนะครับ ต้องขึ้นอยู่กับสภาพสีโดยรวมครับ ว่ารอยลึกหรือไม่ แต่ถ้าน้าใช้ compound น้าก็ต้องใช้ตัวที่ละเอียดขึ้นมาเก็บอีกรอบ หรือ 2 รอบอยู่ดี ทีนี้ต้องลง compound ทั้งคันไหม ก็ไม่จำเป็นครับ ถ้ารอยไม่ได้ลึกเท่าไหร่ น้ำยาขัดละเอียดก็สามารถเอาออกได้แล้วครับ อย่างที่บอกถ้าลง compound มันจะต้องเหนื่อยกันหลายรอบครับ ทางที่ดีใช้น้ำยาขัดที่ละเอียดที่สุดที่มีลงดูก่อนครับ ถ้าไม่ออกจึงค่อยขยับเอาตัวที่แรงขึ้นมาใช้
Clay bar มือใหม่หัดใช้ แนะนำ Soft99 ก้อนละ450.- แบ่งใช้ได้3-4ก้อนเล็ก
ขอแนะนำตัวนี้เพราะอะไรรู้ไหมครับ คุณภาพมันอาจจะสู้ตัวแพงๆไม่ได้ อาจจะคุณภาพปานกลาง......แต่.......
เวลามันกลิ้นอยู่ที่พื้นจะไม่เสียดายมากครับ ลองใช้จนหมดก้อนใหญ่ก่อนครับค่อยหันไปเล่นตัวแพงๆดีกว่าครับ
ของผมsoft99 กลิ้งเล่นที่พื้นหลายรอบแล้วครับT^T'' แค่ตัวนี้ยังเสียดายเลย มันลงพื้นเมื่อไหร่เตรียมทิ้งครับ(ใช้ต่อแล้วเสียว)
มันจะมีปัญหาตอนเราลูบด้านข้างๆรถอะครับ หลุดมือกระเด็นลงพื้นๆไปเลย
หัดใช้แนะนำเป็น soft99 + Lubricantผมใช้เป็น MG quik detailer หรือบางคนเห็นใช้เป็น MG last touch ผสมน้ำ1ต่อ1 ลองใช้ชุดนี้ก่อนก็ได้ครับราคาไม่สูงมาก ไว้เก่งกว่านี้หน่อยแล้วไปจับ Pinnacleก็ดีครับ^^
ขอบคุณครับน้า ผมลืมเจ้านี้ไปเลย ^^ สั่งไปแล้วครับ ขนาด 150 กรัม สำหรับรถสีขาว
ขออนุญาตตอบนะครับ ต้องขึ้นอยู่กับสภาพสีโดยรวมครับ ว่ารอยลึกหรือไม่ แต่ถ้าน้าใช้ compound น้าก็ต้องใช้ตัวที่ละเอียดขึ้นมาเก็บอีกรอบ หรือ 2 รอบอยู่ดี ทีนี้ต้องลง compound ทั้งคันไหม ก็ไม่จำเป็นครับ ถ้ารอยไม่ได้ลึกเท่าไหร่ น้ำยาขัดละเอียดก็สามารถเอาออกได้แล้วครับ อย่างที่บอกถ้าลง compound มันจะต้องเหนื่อยกันหลายรอบครับ ทางที่ดีใช้น้ำยาขัดที่ละเอียดที่สุดที่มีลงดูก่อนครับ ถ้าไม่ออกจึงค่อยขยับเอาตัวที่แรงขึ้นมาใช้
ครับน้า รอยแมวข่วนมันอยู่บนหลังคาอะครับ เป็นรอยเล็บ 3 เล็บเลยครับ ตอนนี้ใช้ PwS ขัด ก็เหลือแค่รอยเดียวเลยไม่ค่อยซีเรียสเท่าไรแล้วครับ ขอบคุณที่ชี้แนะครับ
triton_tierak
13-12-2012, 16:30
ถ้าราคา2500.- เอาไปเทียบ เบอร์21ไม่ได้หรอกครับ ตัวนั้นขายในเน็ตกันอยู่700-900เอง
จะชนกับ2500.- ลองเจอพวก Wolfgang DGPS3.0 หรือ Fuzion ก็ได้ครับคาดว่าจะลืมSeekerไปเลย>_<''
ครับน้า หยากลองวูฟกังตัวที่น้าบอกอยู่เหมือนกัน เห็นบอกว่าเข้ากับสีขาวด้วย
ส่วน Seeker ที่ผมโดนมา 2500 ไม่แน่ใจว่าเป็นราคาตลาดหรือเปล่าวแต่คิดว่าผมน่าโดนฟันหัว ซะมากกว่า 55
^
^
วูลฟ์กัง....ของซื้อขวดแบ่ง 8oz ครับ ราคาไม่แรงมาก(หาร้านในเว็บนั้นดูนะครับ ไม่ถึง900แน่นอนครับ (ขวดจริงมัน1800.-ครับ16oz))
เข้ามาจด ล้างรถเองเหมือนกันเหนื่อยแต่มีความสุขครับ
Naatsawa
14-12-2012, 15:14
183195
ขี้นก ยางไม้ คราบน้ำ : ศัตรูร้ายทำลายสีรถ
ถือเป็นข้อควรระวังของคนขับรถนะครับสำหรับของร้ายสามสิ่ง แสลงมากๆกับ Clear coat ของรถ
1.ขี้นก : หลายๆคนอาจจะเคยเจอนกขี้ใส่เนื่องจากเหตุการณ์....ขับๆอยู่มันขี้ใส่ จอดใต้ราวสายไฟ หรือจอดใต้ต้นไม้เจอถล่มด้วยขี้นก....ข้อควรระวังที่สำคัญของขี้นกนะครับ ขี้นกมีความเป็นอันตรายต่อสีรถอย่างมาก....หากทิ้งไว้เกิน2วัน มันจะเกิดการซึมแทรกเข้าไปทำลายชั้นผิวของรถเป็นรอยด่าง ยิ่งทิ้งไว้นานด่างยิ่งลึกครับ
วิธีแก้ไขคือ....เมื่อเจอนกขี้ใส่รีบทำการเช็ดออก (เทคนิคผมคือมีกระดาษทิชชู่กับขวดน้ำในรถเสมอ....เอาทิชชู่ซับน้ำโปะไว้ซักเกือบๆนาทีแล้วค่อยเช็ด เพราะมันแข็งเช็ดยากอาจเป็นรอนยเพิ่ม)....หากเกิดเป็นรอยแล้ว...ทำการภาวนาสวดมนต์เยอะๆบางทีอาจจะใช้Cleanerลูบออก...หากไม่ออกทำใจซะ
ข้อควรระวัง : ห้ามปล่อยไว้นาน ในกรณีเลวร้ายที่สุด....ที่เคยได้ยินมาก็กัดเข้าไปเนื้อสีเล่นซะปูด
ปล.การลงWaxจะช่วยได้บ้าง....แต่ก็เอาไม่ค่อยอยู่นะครับ มันช่วยได้ตรงที่ผิวลื่นเช็ดง่ายครับแล้วก็ยืดระยะเวลาการโดนกัดไปอีกหน่อย
2.ยางไม้ : หลายๆคนชอบที่จะจอด....ใต้ต้นไม้กลางแดดร้อน นั่นแหละครับควรระวังสำหรับยางไม้ ร้ายพอๆกับขี้นก แถมอาจจะมาเป็นหลายตำแหน่งเป็นชุดแต่งรอบคันให้กับผู้เป็นเจ้าของรถ....ทำเหมือนขี้นกครับ รีบๆเอาออก ถ้าเยอะมากเข้าคาร์แคร์ล้างด่วนครับ มันกัดสีผิวด่างได้พอกัน
3.คราบน้ำ : หลายๆคนอาจจะไม่ชิน....คราบน้ำมักจะเกิดจากการที่ตัวรถมีน้ำอยู่บนผิวแล้วเราปล่อยให้มันระเหยแห้งไปเอง มันจะเกิดการตกตะกอนของคราบหินปูนบนผิวครับ เป็นวงเหมือนวงน้ำเลย รถสีเข้มจะสังเกตุง่าย.....โดยเฉพาะน้ำประปา ใครชอบเอาน้ำสาดรถแล้วไม่เช็ดแห้งระวังไว้เลยครับ ตัวดีเลย (น้ำฝนก็มีโอกาสเกิดแต่ไม่รุนแรงเท่านะจ๊ะ)
วิธีแก้ไข : ลองลงCleanerดู.....หากไม่ออกลองน้ำส้มสายชูผสมน้ำดู.....หากไม่ออกขัดสีเป็นคำตอบสุดท้ายครับ555
จดๆๆๆ อยากได้คำชี้แนะเรื่อง claybar อีกนิดครับ ความถี่ในการใช้งานอะครับ นานๆลูบครั้ง หรือ เดือนละครั้ง หรือ 3 เดือนลูบครั้ง หรือยังไงครับ
ย้ายไป diy แล้วปักหมุดดีกว่า แบบนี้ น้าหยาม คร๊าบบบ
kasamchai
15-12-2012, 13:34
ผมเอง ใช้ wax ของ 3m paste wax เงาฉ่ำ ครับ
ผมเอง ใช้ wax ของ 3m paste wax เงาฉ่ำ ครับ
น้าเกษมลงคลีนเนอร์หรือพรีแว๊กก่อนลงแว๊กมั้ยครับ ผมลองลงทั้ง2อย่าง รถขาวขึ้นจริงๆ ยิ่งจอดกลางแดดขาวแสบตาเลยครับ วันนี้เพิ่งจะได้ดินน้ำมันมา กะว่าวันไหนฝนไม่ตกจะลองล้าง>claybar>Pre wax>wax or sealant ดูครับ อยากรู้ว่าจะขาวได้ขนาดไหน
จดๆๆๆ อยากได้คำชี้แนะเรื่อง claybar อีกนิดครับ ความถี่ในการใช้งานอะครับ นานๆลูบครั้ง หรือ เดือนละครั้ง หรือ 3 เดือนลูบครั้ง หรือยังไงครับ
ตามทฤษฏี....เขาบอกว่า ลูบทุกเดือน / บางทฤษฏีบอกว่าถ้าลูบรถแล้วรู้สึกสาก
ตามปฏิบัติ การลูบดินน้้ำมัน จะกินเวลากับการลงCleanerแบบละเอียดๆ(ค่อยๆปั่น) ก็ประมาณ2-2.5เท่าของการลงWaxแบบใช้เครื่อง / ความเหนื่อยมากกว่าหลายเท่า
ฉะนั้น....ถ้ามีเวลาล้างรถประมาณ 4-6 ชั่วโมง ค่อยลงClaybarครับ(รอบไหนลงClayผมชอบลงCleanerด้วย)
จริงๆถ้าล้างรถบ่อยๆ มันจะอยู่ประมาณ 2-3 เดือน ลงดินน้ำมันทีนึงอะครับ ถ้าเก็บในที่ร้อนอย่าลืมเอาดินน้ำมันมาบีบๆเล่นบางทีด้วยนะครับ
ผมเอง ใช้ wax ของ 3m paste wax เงาฉ่ำ ครับ
ถ้าบอกตัวนี้เงาฉ่ำ.....เจอ3M marine เข้าไป ฉ่ำกว่านี้อีกครับ
3M paste wax ตัวกระป๋องเหลืองดำ จริงๆเป็นWaxแนวเริ่มต้นครับ ให้งานในลักษณะกลางๆ ความทนทานกลางๆ.....มาพร้อมกับราคาที่ค่อนข้างถูก และใช้ได้นาน มือใหม่ค่อนข้างเหมาะ^^.......ปัญหาคือกว่าจะใช้หมดมันจะเบื่อก่อน ฉะนั้นแนะนำหารกระป๋องเดียวกันเพื่อน3-4คนแล้วแบ่งกันใช้ครับ5555
เห็นมีคนได้ Claybar มาใช้แล้วขอเสนอแนะวิธีใช้งานนะครับ
วิธีการใช้งาน Clay bar(ดินน้ำมัน)
1. นวดดินน้ำมันให้นิ่มพอประมาณ....นวดไปเรื่อยๆประมาณ3-5นาทีครับ ให้มันนิ่ม
2. แผ่ดินน้ำมันเป็นแผ่น (ไม่ต้องบางเฉียบนะครับ หนาซักประมาณ3-4มิลลิเมตร)
3. อย่าลืมตัวหล่อลื่นมีดังนี้
3.1 Clay lubricant ตรงตามการใช้งาน ดึงคราบดีที่สุด ราคาแพงสุดเช่นกันครับ
3.2 Detailer แล้วแต่ยี่ห้อเลยครับ มันจะลื่นกว่าน้ำยาหล่อลื่นโดยตรงอาจดึงคราบด้อยกว่าแต่ราคาจะประหยัดกว่าแถมใช้เป็นDetailerธรรมดาฉีดได้ด้วย
MG quik detailer ผมใช้ตัวนี้พรมหนักๆแล้วลูบเลย(หรือผสม1:1 ก็ได้) / MG last touch ให้ผสม 1 : 1 แล้วค่อยลูบ
CG pro detailer พอใช้ได้แต่ไม่แนะนำเท่าไหร่ อาจจะผสม น้ำยา1 : น้ำ2 / speed wipe ผสมประมาณ 1 : 1 หรือ 1 : 2 (ตัวนี้มันลื่น)
Optimum ไม่แน่ใจ แต่ปรกติจะผสมจากที่มันเป็นDetailerลงไปอีก 1 เท่า
3.3 แชมพูล้างรถผสมน้ำ : สูตรสุดประหยัดครับ เอาแค่พอลื่นๆไม่ต้องเยอะมาก
4. สเปรย์น้ำยาบนลงพื้นที่ผิวให้ทั่ว ให้ทั่วนะครับ แล้ววางดินน้ำมันที่แผ่แล้ว.....กดเบาๆ แล้วลูบไปให้ทั่ว ลูบแบบถูๆไปเรื่อยๆ ออกน้ำหนักไม่ต้องมากนะครับกลางๆ (ถ้ามันติดหนึบ แปลว่าน้ำยาน้อยไปนะครับ มันจะเป็นรอยดินน้ำมันติดบนผิวได้ ให้สเปรย์น้ำยาลงเพิ่ม)
5. หากพบบางจุดมันเอาไม่ออกค่อยลองลูบแบบไม่ต้องลงน้ำยา เช่น รอยละอองสี อาจจะออกแรงหนักหน่อย หรืออาจจะสเปรย์น้ำยาน้อยหน่อย
6. ทำให้ทั่วทั้งคันรถ
ข้อควรระวัง
- ควรแบ่งดินน้ำมันใช้กับท่อนบนท่อนล่างของรถให้ดี
- หากมีรอยยางมะตอย ไม่ควรลูบดินน้ำมัน ควรหาวิธีเอาคราบยางมะตอยออกก่อน
- ห้ามทำหล่นพื้นเด็ดขาด
- หากหล่นพื้น ให้เอาคัตเตอร์ฝานส่วนที่สัมผัสพื้นออกก่อนครับ
- หากหล่นแบบกลิ้งๆๆๆลงไปบนพื้น.....ทิ้งไปเหอะครับ-__-''
การเก็บรักษา หากล่องใส่ที่มันสามารถใส่น้ำได้ ปั้นกลมๆโยนมันลงไปแล้วสเปรย์น้ำยาใส่ซัก2-3ที แล้วปิดฝาครับ
ขอบคุณมากครับน้า
ปล.น้าหยามปักหมุดไว้ก็ดีนะครับกระทู้มีสาระและประโยชน์อย่างนี้
triton_tierak
17-12-2012, 15:26
สุดยอดมากครับน้า เจอเซียนตัวจริงแล้ว(ไว้ปรึกษา) อิอิ
เห็นด้วยกับการปักหมุดครับ
ปล.น้า toppy เป็นทีมงาน หรือ MOD ใน TWCC หรือเปล่าครับ
^
ไม่ได้เป็นMODครับ เป็นสมาชิกธรรมดาครับ^^ ใช้ชื่อเดียวกันนี่แหละครับ
อาศัยลองผิดลองถูกแอบอ่านเยอะๆอะครับ.....พออ่านไปอ่านมามันจะตกผลึกว่าคำตอบมันจะมีอยู่ไม่อย่าง...จะตกยุคก็พวกWaxตัวใหม่ๆหรืออะไรที่เพิ่งออก หรืออะไรที่เขาเพิ่งจะฮิตกันทำนองนั้นครับ เมื่อก่อนอ่านทุกวันเกือบปีได้ หลังๆนี้อาทิตย์ละครั้ง หรือไม่ก็มีปัญหาอะไรแปลกๆค่อยไปลองเสิร์จครับ
Waxกองที่บ้านอยู่รวมๆกับอุปกรณ์น่าจะเกือบๆสองหมื่นได้ละครับ คอนแรกๆอยากลองอะไรซื้อๆๆๆ....ปรากฏใช้ไม่ทันเละคาขวดไปก็มี หลังๆเลยแบ่งเอาค่อยๆใช้
Rotaryที่บ้านก็มีครับ เคยเอาไปขัดรถคุณพ่อ....ทำสีไหม้คามือก็เคย555 ประสบการณ์มันสอนเองครับว่าควรใช้ยังไง....แค่โดนด่าอีกหน่อย ฮือๆๆ
เห็นมีคนได้ Claybar มาใช้แล้วขอเสนอแนะวิธีใช้งานนะครับ
วิธีการใช้งาน Clay bar(ดินน้ำมัน)
1. นวดดินน้ำมันให้นิ่มพอประมาณ....นวดไปเรื่อยๆประมาณ3-5นาทีครับ ให้มันนิ่ม
2. แผ่ดินน้ำมันเป็นแผ่น (ไม่ต้องบางเฉียบนะครับ หนาซักประมาณ3-4มิลลิเมตร)
3. อย่าลืมตัวหล่อลื่นมีดังนี้
3.1 Clay lubricant ตรงตามการใช้งาน ดึงคราบดีที่สุด ราคาแพงสุดเช่นกันครับ
3.2 Detailer แล้วแต่ยี่ห้อเลยครับ มันจะลื่นกว่าน้ำยาหล่อลื่นโดยตรงอาจดึงคราบด้อยกว่าแต่ราคาจะประหยัดกว่าแถมใช้เป็นDetailerธรรมดาฉีดได้ด้วย
MG quik detailer ผมใช้ตัวนี้พรมหนักๆแล้วลูบเลย(หรือผสม1:1 ก็ได้) / MG last touch ให้ผสม 1 : 1 แล้วค่อยลูบ
CG pro detailer พอใช้ได้แต่ไม่แนะนำเท่าไหร่ อาจจะผสม น้ำยา1 : น้ำ2 / speed wipe ผสมประมาณ 1 : 1 หรือ 1 : 2 (ตัวนี้มันลื่น)
Optimum ไม่แน่ใจ แต่ปรกติจะผสมจากที่มันเป็นDetailerลงไปอีก 1 เท่า
3.3 แชมพูล้างรถผสมน้ำ : สูตรสุดประหยัดครับ เอาแค่พอลื่นๆไม่ต้องเยอะมาก
4. สเปรย์น้ำยาบนลงพื้นที่ผิวให้ทั่ว ให้ทั่วนะครับ แล้ววางดินน้ำมันที่แผ่แล้ว.....กดเบาๆ แล้วลูบไปให้ทั่ว ลูบแบบถูๆไปเรื่อยๆ ออกน้ำหนักไม่ต้องมากนะครับกลางๆ (ถ้ามันติดหนึบ แปลว่าน้ำยาน้อยไปนะครับ มันจะเป็นรอยดินน้ำมันติดบนผิวได้ ให้สเปรย์น้ำยาลงเพิ่ม)
5. หากพบบางจุดมันเอาไม่ออกค่อยลองลูบแบบไม่ต้องลงน้ำยา เช่น รอยละอองสี อาจจะออกแรงหนักหน่อย หรืออาจจะสเปรย์น้ำยาน้อยหน่อย
6. ทำให้ทั่วทั้งคันรถ
ข้อควรระวัง
- ควรแบ่งดินน้ำมันใช้กับท่อนบนท่อนล่างของรถให้ดี
- หากมีรอยยางมะตอย ไม่ควรลูบดินน้ำมัน ควรหาวิธีเอาคราบยางมะตอยออกก่อน
- ห้ามทำหล่นพื้นเด็ดขาด
- หากหล่นพื้น ให้เอาคัตเตอร์ฝานส่วนที่สัมผัสพื้นออกก่อนครับ
- หากหล่นแบบกลิ้งๆๆๆลงไปบนพื้น.....ทิ้งไปเหอะครับ-__-''
การเก็บรักษา หากล่องใส่ที่มันสามารถใส่น้ำได้ ปั้นกลมๆโยนมันลงไปแล้วสเปรย์น้ำยาใส่ซัก2-3ที แล้วปิดฝาครับ
น้าครับดินน้ำมันเราจะหาซื้อได้ที่ไหนครับ.....แล้วน้ำยาเป็นน้ำยาประเภทไหนอะครับ..
สั่งในเน็ตครับ ถ้าในเว็บก็พวกเว็บ TWCC (ใช้คำนี้เสิจดูในgoogle)
คลองถมก็มีบางร้านครับ ถ้าคลองถมของพวกSoft99 ราคาจะไม่เกินก้อนละ450.-
น้ำยามีหลายอย่างครับตามที่เขียนด้านบนเลย
ดีสุด : Clay lubricant
ดี : Detailer ประเภทต่างๆ
พอใช้ : แชมพูผสมน้ำ
decskong
21-12-2012, 09:01
ขอบคุณครับน้า
185734185735สภาพดินน้ำมันหลังจากลูบบนหลังคา185736ประกายมุกเด่นชัดขึ้นหลังจากPrewax+Waxแล้ว185737185738มาดูความเงาของฝากระโปรงหน้า185739185740ล้างรถรอบนี้เหนื่อยมาก ล้าง+ลูบดินน้ำมัน+Prewax+Wax
ขับเคลื่อนระบบโดย vBulletin™ Version 4.2.5 Copyright © 2025 vBulletin Solutions, Inc. All rights reserved.