PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : How to : ล้างรถเองอย่างไรให้สะอาด (Wash & Wax)



toppy
09-12-2012, 11:27
บทความนี้คัดอกบางส่วนมาจากwebsite e36thailand (ของผมเขียนไว้เองแหละ555)

พอจะมาลงเว็บ Triton จึงต้องทำการปรับข้อมูลบางส่วนครับ(ลักษณะการใช้รถไม่เหมือนกันบางส่วน) เรียกว่าUpdateข้อมูลเล็กน้อยละกันครับ

______________________________________________

สวัสดีครับทุกท่าน
วันนี้ขออนุญาติแบ่งปันข้อมูลเป็นประโยชน์ที่เขียนขึ้นมาเองนะครับ
โดยอ่านรวบรวมข้อมูลจากเว็บล้างรถแห่งหนึ่ง (TWCC)
จดจำแล้วเขียนให้คนที่ไม่เคยสัมผัสกับการล้างรถให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นนะครับ

หลายคนคงสงสัยการล้างรถจะล้างอะไรมากมาย ล้างยังไงก็เหมือนกัน มันต้องนี่เลยผ้าเหลือใช้ เสื้อนอนเสื้อยืดเนี่ยแหละสะอาดชัวร์ อันนี้คือความคิดที่ผิดนะครับ (เห็นทำกันประจำนะ)

เอาอะไรล้างก็ได้นี่เลย...แฟซ่า!!!สระผมแล้วเหลือล้างรถก็ได้ อันี้ไม่ถึงกับผิดแต่ก็ไม่ถูกนัก (งั้นเอารีจ้อยส์ก็ได้...ไม่ใช่ละ)

เคลือบสีใช่ไหม นี่เลยคาร์โกล้!!! ตัวเดียวเอาอยู่หมดทุกอย่าง ขัดเคลือบและอื่นๆ อันนี้ก็ไม่ช่ายยยย (คาร์โกลด์ จริงๆเรียกว่ายาขัดนะครับ ไม่ใช่ยาเคลือบ)

การเขียนจะขออนุญาตแบ่งหัวข้อไว้ละเอียดเยอะหน่อยอาจจะเปลืองพื้นที่กระทู้นิดนึงแต่เพื่อให้เข้าใจง่ายนะครับ ขอบคุณครับ^^

toppy
09-12-2012, 11:38
หัวข้อใหญ่ : อุปกรณ์ที่สำคัญ

การจะล้างรถให้สะอาด คือการทำอย่างไรให้เกิดริ้วรอยน้อยที่สุดในการล้างครับ(น้อยที่สุดหรือไม่มีเลย...แต่บอกไว้ก่อนล้างดียังไงก็ตามโอกาสเกิดรอยขนแมวก็มีครับ) ผลพลอยได้จากการเคลือบสีคือประกายแวววาวของรถที่เพิ่มขึ้นครับและความลื่นของผิว(ล้างครั้งต่อๆไปสะดวกง่ายขึ้น) เพิ่มความหนาของชั้นแว๊กซ์(ลดโอกาสเกิดขนแมวหรือริ้วรอย แต่ความหนานี่ไม่ใช่หนาเตอะนะครับ ชั้นบางๆลด%ลงนิดหน่อย)

อุปกรณ์การล้างรถแบบมาตรฐาน (ควรมีติดบ้านไว้ ล้างแบบง่ายๆ แต่ยังไม่ถึงขั้นดีนะครับ)

1. ถังน้ำ 2 ใบ (เรียกวิธีการนี้ว่าล้างแบบ 2 ถัง)
2. ฟองน้ำล้างรถ (บางทีผมใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์) >> ฟองน้ำที่ไว้ล้างรถจะนุ่มแล้วก็เก็บพวกฝุ่นแข็งไว้ในรูฟองน้ำ หรือหากไม่มีใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ก้ได้ครับ
3. แชมพูล้างรถ (กล่าวถึงในข้อความถัดไปครับ) >>> มีหลายแบบหลายยี่ห้อหลายราคา
4. ผ้าเช็ดรถ (มีหลายแบบทั้งผ้าซับน้ำ ผ้าชามัวร์เช็ด แต่ผมชอบไมโครผืนใหญ่ๆๆ มากกว่า)
5. หัวต่อสายยางให้มันพ่นแรงขึ้นก็ดีครับ >> ไว้ใช้เวลาไม่มีปั๊มฉีดน้ำ ถ้ามีแล้วไม่จำเป็น

ล้างแบบพิเศษ มีอุปกรณ์เพิ่มดังนี้

1. ปั๊มฉีดน้ำ มีให้เห็นโดยทั่วไปขายตามห้าง ขนาดที่พอเหมาะกับการล้างรถคือ 100-120 bar เอาที่ยี่ห้อดีๆหน่อย เช่น Zinsano / Bosch (ส่วนตัวแนะนำตัวแรกนะครับ รุ่นเยอะ ขนาดความแรง100bar อยู่ที่ 2000-2500บาท) ตัวที่ความดันแรงๆอย่าฉีดตรงใส่คนเด็ดขาดนะครับ เกิดแผลได้ง่ายๆ
2. Foam Lance ไม่ใช่ถังฉีดโฟมแบบในร้านนะครับ แต่เป็นหัวต่อแล้วพ่นแชมพูของเราออกมาเป็นฟองสวยงาม (เหมาะกับการฉีดใส่สาวทำปาร์ตี้โฟม) ไม่จำเป็นเท่าไหร่แต่เป็นของเล่นราคาประมาณ2000-2500บาท
3.เครื่องขัดหรือเครื่องลงแว๊กซ์ >>>มีหลายแบบหลายราคาปรับตามการใช้งานครับ
4.ของสำคัญสำหรับรถกระบะยกสูงหรือรถกระบะครับ...บันไดเตี้ยๆแบบสองขั้น มีขายตามHomepro ราคาไม่เกิน300-500บาท
_____________

แล้วรถจะล้างอย่างไร

1. ฉีดน้ำก่อนเลยครับ มีปั๊มใช้ปั๊ม ไม่มีปั๊มใช้สายยาง ฉีดเอาแรงๆพอดีๆ ไม่ใช่ปั๊มน้ำล่อเป็นเส้นตรง อันนี้แรงไป......เราฉีดน้ำเพื่อทำการไล่ฝุ่นครับ ไล่คราบแข็ง สำหรับจุดน่ากลัวสำหรับรถTriton อยู่ที่แก้มหลัง จะโดนดีดโคลนใส่มาเยอะ(บางทีมีคราบยางมะตอยด้วย) ให้ชะโลมน้ำใส่ก่อนซักแปปค่อยเอาน้ำลูบตามนะครับ

2. ผสมน้ำยาล้างรถ แล้วจัดการเริ่มล้างด้วยอุปกรณ์ที่มี ย้ำว้าล้างจากบนลงล่าง!!! ไล่สเตปตามผลก็ได้ หลังคา-กระจก-กระโปรงหน้า-กระบะ-ด้านตูดรถ(ตรงที่ติดทะเบียน)-ประตู 4 ข้าง(เฉพาะส่วนบนคิ้วรถ)-กันชนหน้าและหลัง-ส่วนล่างคิ้วประตู เรียบร้อย!!! >>>ล้างจากบนลงล่างเนื่องจากปรกติฝุ่นด้านบนจะไม่หนักและไม่แข็งเท่าด้านล่างที่ฝุ่นจากโคลนดินเลนจะเยอะครับ ถ้าล้างมั่วไปเราจะเอาคราบแข็งๆจากด้านล่างมาถูกับส่วนด้านบนไปด้วย-___-''

2.1 ทำไมต้องมีน้ำ 2 ถึง - ถังแรกผสมแชมพู ถังสองพอเราล้างไปซักพัก(สมมติหลังคาเสร็จ) เราก็จะมาซักผ้าในถังน้ำเปล่้าอีกใบ เพื่อไม่ให้เศษฝุ่นของที่เราล้างไปปนกับถังแชมพูครับ ลดการเกิดริ้วรอย

3. ฉีดน้ำไล่ มีอะไรก็ฉีดอย่างนั้นจนหมด - เทคนิคพิเศษ:การไล่น้ำ เมื่อล้างเสร็จลองเอาสายย้างเปิดน้ำธรรมดาๆเนี่ยแหละปล่อยน้ำไหลตามส่วนต่างๆ ละอองน้ำเล็กๆจะถูกชะไปด้วยทำให้การเช็ดแห้งง่ายขึ้นมาก

4. เช็ดแห้ง เช่นเคยบนลงล่าง สาเหตุที่ชอบไมโครไฟเบอร์ขนาดผ้าเช็ดตัวคือ เช็ดผืนเดียวได้รอบคัน 5555 ไม่ต้องบีบ ส่วนผ้าชามัวร์ซับน้ำดีแต่ข้อเสียมีอยู่คือมันชอบติดผิวรูดยาก ถ้าผิวไม่สะอาดเป็นฝุ่น รูดไปติดเป็นรอยที่ผิวแน่ๆ

toppy
09-12-2012, 11:44
หัวข้อใหญ่ : ขัดสีเคลือบสี ต่างกันอย่างไร

ตามร้านคาร์แคร์ส่วนใหญ่ชอบติดป้าย "ขัดเคลือบสี" ส่งผลให้ชาวประชาขับรถทั่วไปเกิดการกังวล
-ขัดเคลือบสี สีรถมันจะบางลง!!!
-ทำไปบ่อยๆสีมันบาง สีจะด้าน!!!

ความคิดที่ว่ามานี่ผิดนะครับ

ผมขอโทษร้านล้างรถก่อนไม่ยอมแยกประเภทการขัดและการเคลือบสีออกจากกัน

เคลือบสี

เรียกแบบชาวบ้านๆเลยนะครับ ลงWax นั่นแหละ

เราลงไปทำไมเพื่ออะไร - ถ้าเป็นคนWaxก็เหมือนแป้ง หรือครีมบำรุงผิว เพื่อทำให้ผิวรถใสขึ้น ฉ่ำขึ้น รวมไปถึงการปกป้องรถ เช่น จากคราบน้ำ จากขี้นก(ศัตรูร้าย!!) เป็นต้น

การเคลือบสีจะไม่เป็นการขัดสีผิวรถนะครับ จะเป็นการเหมือนเราทำการเคลือบฟิล์มบางๆลงไปบนตัวรถเองมากกว่า ซึ่งก็จะมีความสามารถปกป้องสีรถ รวมไปถึงการสะท้อนแสงเงาต่างๆให้วาวขึ้น นอกจากนี้ยังมีความลื่นของผิวเป็นผลพลอยได้อีกด้วย ลูบแล้วนุ่มนวลชวนหยิวเหมือนผิวสาววุย18

โดยหลักๆน้ำยาที่อยู่ในประเภทนี้หลักๆผมยอมรับน้ำยาประเภทที่ไม่เกิดการขัดเลย รวมไปถึงการขัดเล็กน้อยมากเพื่อทำความสะอาดน้ำยาประเภทนี้ได้แก่ (เรียกตามลักษณะขอน้ำยาเคลือบ)

Wax - เป็นขี้ผึ้ง มาในลักษณะเป็นกระปุก ลักษณะจะไม่เหลวเป็นน้ำ จะเหมือนขี้ผึ้ง (ที่เรียกว่าWaxเพราะเมื่อก่อนน้ำยาเคลือบจะมาเป็นขี้ผึ้งแบบนี้เลยเรียกกันมาว่าWaxหรือแปลตรงตัวว่าขี้ผึ้ง)
Sealant - เรียกว่าWaxแบบขวด ลักษณะอยู่ในขวดเป็นน้ำใช้งานง่ายกว่าแบบWax มีหลายยี่ห้อมากๆๆๆๆ(จะกล่าวถีงในบทต่อๆไป) (เป็นการพัฒนาต่อยอดจากการใช้Waxให้มันใช้งานง่ายขึ้น)

นอกจาก วิธีแบ่งน้ำยาเป็น 2 ประเภทหลักแล้ว เราสามารถแบ่งย่อยตามการใช้งานได้ลงไปอีก

Waxเคลือบสี - ตามชื่อก็บอกเคลือบสีเฉยๆ
Cleaner - ตามชื่อเลยเหมือนคลีนเนอร์ที่คนใช้นั่นแหละ มีหน้าที่ทำความสะอาดผิว เตรียมผิวให้ดีครับ เป็นการขัดสิ่งสกปรกบางส่วนออกจากผิวด้วย (ผิวรถหมองๆดูหม่นๆ เจอตัวนี้เข้าไปกลับมาใสปิ๊งได้เลยก้ได้นะครับ)
AIO - น้ำยา All in one ตามชื่อเลย เก่งทุกอย่างแต่ไม่ค่อยเด่นซักอย่าง ขัดสีบ้างลบบรอยเล็กๆน้อย ทำความสะอาดผิวบ้าง แล้วก็เป็นแบบเคลือบสีไปด้วยในตัว (แรงกว่าCleanerหน่อยนึง แต่ถ้าเทียบกับน้ำยาขัดสีแล้ว ถือเป็นเด็กทารกเลยละกัน)

การลงน้ำยาเคลือบสีรถหรือWax ถ้าลงทุกครั้งหลังล้างรถจะดีมากครับ แต่ถ้าขี้เกียจ.....เดือนนึง 1-2 ครั้งก็พอไหวครับ

ขัดสี

ขัดสี เป็นการขัดเพื่อเอาเคลียร์โค๊ทเก่าบนผิวรถออก ถ้าวัดเป็นคนก็คงประมาณScrubbขัดผิวลอกเซล์ผิวเก่า การเอาClear Coat เก่าออกเป็นการลบรอยครับ คือเอาชั้นที่เป็นรอยออก เพื่อให้ผิวเงางามขึ้น

แบบนี้ตามร้านก็ที่ราคาพวก 1500++ ขึ้นไปครับ ไม่ควรทำบ่อยนะครับ เฉลี่ยต่อหนึ่งปีไม่ควรเกิน1ครั้งต่อปี (วิธีดูว่าเคลือบหรือขัด ก็ดูที่ราคาเนี่ยแหละ)

การขัดโดยทั่วไปร้านจะพูดถึง 2 อย่างนะ

Wet look - เป็นการขัดแบบปานกลางถึงละเอียด ลบรอยจางๆบางๆ แต่รอบหนักๆไม่ค่อยได้ เป็นเหมือนการชักเงา ชักสีให้มันโดดเด่นเงางามขึ้น (ขัดลบรอยเล็กๆน้อยครับ หรือเป็นการดึงสีให้เงาใสขึ้นมา สำหรับรถที่นานๆดูแลทีนึง)

PCS - Paint Careing System ขัดเต็มระบบ ก็เต็มครับ ไล่จาก ขัดหยาบ ปานกลาง ละเอียด เหมาะกับการลบรอยหนักๆ ราคาก็จะสูงขึ้น(เหมาะกับรถพวกไม่ไหวแล้ว รอยเต็ม รอยตรึมเต็มคัน)

toppy
09-12-2012, 11:54
หัวข้อใหญ่ : รู้จักน้ำยาประเภทต่างๆ


ประเภทของน้ำยาจะมีแบ่งหลายๆประเภทมากๆ จะทยอยอธิบายให้ฟังนะครับ (จำไว้อย่าไปเชื่อใจเซลขายน้ำยาพวกนี้ตามห้างมาก ชอบมั่ว) เซลดีๆก็มีครับแต่ส่วนใหญ่มันมั่วตั้งแต่ป้ายที่ติดขายของแล้ว เช่น เคลือบแก้ว....เคลือบนาโนกันรอย....เคลือบทีนึงอยู่ได้หนึ่งปี อะไรทำนองนี้

Wax : น้ำยาเคลือบสีรถ มีไว้เพื่อเคลือบเพิ่มการปกป้องและความเงางามของรถ โดยทั่วไปหลักๆจะแบ่งได้ 2 ลักษณะ คือ

1. Wet look เหมาะกับรถสีเข้ม น้ำยาจะไปกดมิติให้สีดูเข้มแบบฉ่ำๆ ดูเปียกๆอธิบายยังไงดีเอาเป็นว่าเหมาะกับสีเข้มละกัน
2. Gloss look จะเป็นลักษณะให้ความเงาของผิวรถในลักษณะเงาใส(อารมณ์ลูกชุบ) (ส่วนมากจะขับเมลทัลลิคของรถให้ดูประกายขึ้นด้วยนะ)

น้ำยา Wax ทั่วไปที่น่าจะรู้จักกัน - Maguire , Pinnacle , Mother , Chemical Guy , Menzerna , Wolfgang , Zaino และอื่นๆอีกมากมาย (แถมให้Wax ระดับโคตรเทพ Zymol,Swisswax พวกนี้ชุดนึงหลักหมื่นนะครับ)

หากเรียงลำดับตามราคาขายทางInternetแล้ว จะแบ่งการตลาดของแต่ละยี่ห้อประมาณนี้
Maguire - ถือเป็นตลาดล่างถึงกลางครับ ตัวน้ำยาจะออกแบบมาใช้ง่าย หาซื้อได้ง่ายในประเทศไทย ส่วนมากจะเป็น Oil-base(ข้อเสียฝุ่นจะจับเยอะ) ลักษณะเด่น ใช้ง่าย/กลิ่นหอมน่ากิน(-__-'') คุณภาพตามราคาครับ
Chemical Guy - หลายคนอาจจะเคยเห็นตามร้านล้างรถ โลโก้รูปหัวกะโหลกน่ารักๆ ตัวนี้ถือว่าเป็นตลาดระดับกลางครับแต่มีบางตัวจับตลาดล่างเช่นกัน งานทั่วไปจะให้ลักษณะเนื้องานออกมาเด่นชัดกว่าMaguire เช่น Jetseal109จะขับเมทัลลิคได้โดดเด่นมาก
Wolfgang - ระดับกลางครับ(ค่อนไปทางสูง) หาได้บ้างตามร้านล้างรถพอมีให้เห็น ตัวเด่นๆจะเป็น deep gloss paint sealant 3.0 งานจะใสเป็นลูกชุบมาก

Cleaner : น้ำยาทำความสะอาดผิวรถ ตัวอย่าง Maguire Cleaner Wax(ตัวนี้ทำความสะอาดด้วยเคลือบด้วย) Optimum poli-seal , CG 408 และอื่นๆ

Glaze : ขอเรียกว่าน้ำยากลบรอยละกัน ใช้งานยุ่งกว่าWax มีข้อดีคือมีการกลบรอยได้บ้าง แต่เมื่อน้ำยาหายหมดรอยก็กลับมานะจ๊ะ (ง่ายๆก็สมมติมีรอยวิ่งๆอยู่ ลงน้ำยาตัวนี้มันจะกลบรอยทำให้มองไม่เห็นรอยวิ้งๆ)

Detailer : อยู่ในรูปของเหลวใช้งานได้ง่าย ฉีดๆแล้วเสร็จ เรียกว่าพวกน้ำยาเก็บงานดีกว่าครับ แต่ละตัวให้ความลื่นกับความเงาบ้าง แต่ไม่ค่อยเท่าWax เช่น MG-Ultimate Quik Detailer หรือ MG#135 , CG-Pro-detailer / Speed wipe

Spray-Wax : ทำออกมาให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น เหมือนรวม Detailer กับ Wax เข้าด้วยกัน ฉีดๆแล้วเช็ดก็เสร็จงานเห็นขายกันราคาไม่แพงตอนนี้ก็ Eagle ขวดน้ำเงิน

toppy
09-12-2012, 11:59
หัวข้อใหญ่ : การเตรียมผิว

การเตรียมผิวสำคัญอย่างไรหลายคนสงสัย? - คิดซะว่าเป็นผู้หญิง มาถึงโปะด้ายอายชาโดว์ ตบด้วยมาสคาร่า ปัดแก้มสีสันสดใส แต่ลืมรองพื้น มันไม่ครบครับ555

การเตรียมผิวเป็นการกำจัดคราบไคลฝังลึกบนสีรถ(ที่มันทำให้รถดูหมองๆ) ล้างธรรมดามันเอาออกได้แต่ไม่หมด อารมณ์ประมาณล้างห้องน้ำเอาน้ำราดกับเอาเป็ดราดประมาณนั้น นอกจากนี้มันยังช่วยเพิ่มการประสานตัวที่ดีให้กับชั้นWaxเพิ่มความเงาใสและคงทนถาวร.....

การเตรียมผิวโดยมากมักจะมี 2+1 ขั้นตอน

1. ลงดินน้ำมัน (กล่าวถึงในข้างล่าง)
2. ลง Cleaner

+1. ลงGlaze กลบรอย

ทีนี้หลายคนคงเริ่มงง ไอ้นี่บ้า อยู่ดีๆเอาดินน้ำมันมาละเลงบนรถ

ดินน้ำมัน : ชื่อภาษาอังกฤษClay bar ถูกสุดที่เคยเห็นขายยี่ห้อ Soft99 ก้อนละ450 ยี่ห้ออื่นๆราคาก็ขึ้นไปจนถึงหลักพันก็มี

แล้วประโยชน์ของมันคือ - มันเอาไว้ Cut สิ่งสกปรกที่ติดอยู่ตามผิวรถครับ รวมไปถึงความสามารถในการดึงคราบไคลต่างๆบนสีรถอีกด้วย รถคันไหนไม่เคยลงลองลงดูวักครั้งจะเห็นความแตกต่างเลยครับ บางทีเราสังเกตุว่ามันไม่มีอะไรเลยนะดูเงาๆ พอลูบเสร็จดินน้ำมันดำปี๋......สำหรับรถที่เลอะพวกละอองสี โดยมากใช้ดินน้ำมันลูบก็จะออกนะครับ(และบางทีมันก็ไม่ออกเช่นกันT^T'')

ใช้เมื่อไหร่ - ปรกติจะใช้เมื่อรถลูบแล้วรู้สึกสะดุดๆหรือสากมือ ดินน้ำมันลูบแล้วจะช่วยรู้สึกลื่นขึ้น

วิธีใช้งาน - แผ่ดินน้ำมันใหญ่ๆ ฉีด Detailer หรือน้ำผสมแชมพูล้างรถบางๆ พรมให้ทั่วรถ แล้วเอาดินน้ำมันลูบๆๆๆๆไปเรื่อยๆ ห้ามทำตกเด็ดขาด ถ้าตกก็ปาดตรงที่โดนพื้นทิ้งซะ- -''(ผมทิ้งไปหลายละ ก้อนไม่ใช่ถูกๆ)

ที่นี่มาดูว่าระยะห่างในการเตรียมผิวควรทำอย่างไรบ้าง

1. ดินน้ำมัน - โดยส่วนตัวผมว่าประมาณ1-2เดือนลงครั้งนึง เพราะมันค่อนข้างกินเวลา และผมคิดว่ามันยังสกปรกไม่พอ(พูดไปงั้นรถตัวเอง3-4เดือนทำที)

2. Cleaner - เรียกอีกชื่อก็ Pre-wax ก็บอกอยู่ในตัว ลงก่อนWax มีหน้าที่ทำความสะอาดผิวรวมถึงรองพื้นก่อนลงWax (ง่ายๆก็ลงWaxครบ3-4รอบก็ลงCleanerซักที)

3. Glaze น้ำยากลบรอย ค่อนข้างลำบากยุ่งในการครับ ควรจะใช้เครื่องลง ลงหลังCleanerทุกครั้งก็ดีครับ (ที่ว่ายากก็คือต้องปั่นด้วยเครื่องจนน้ำยาแห้งครับ ใครอยากรู้วิธีโดยละเอียดถามได้นะครับ)

toppy
09-12-2012, 12:03
หัวข้อใหญ่ : การเคลือบสี

ก่อนจะเข้าเรื่องการเคลือบสีต้องทำความรู้สักกับวิธีการลงWaxรวมถึงเครื่องมือก่อน

วิธีการลงWax

1. ลงด้วยมือ - ฟองน้ำลงWaxกลมๆหลายๆท่านคงเคยเห็น นั่นแหละครับ หมุนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไปเรื่อยๆ เพิ่มกล้ามอกและกล้ามแขน

2. ลงด้วยเครื่อง - แพงกว่าหน่อยแต่สะดวกสบาย สมมติลงมือ40นาที ลงเครื่อง10นาทีเสร็จ นอกจากนี้ยังให้ความหนาของWaxที่ค่อนข้างเท่ากันอีกด้วย (น้ำยาบางตัวเหมาะกับเครื่องหรือมือต้องดูเป็นตัวๆไป)

ประเภทของเครื่อง

ขอแยกเป็น 3 ประเภทหลักๆ

1. Dual Action ปรับรอบไม่ได้ (DA) หาซื้อได้ทั่วไป ส่วนมากจะเห็นยี่ห้อ D1 ไม่ก็ Mikawa รวมไปถึง Black&Decker(ต้องแปลงนิดหน่อย) สำหรับDAประเภทนี้จะเหมาะกับการใช้งานลง Cleaner และ Wax ครับ ใช้งานง่าย เปิดสวิตช์แล้วจบ ราคาประมาณ1000-1500 แพงกว่านี้อย่าไปยุ่ง!!! >>>>> อย่าไปสนใจพวกฟองน้ำขนาด10ตัวเครื่องเท่ายูดอฟโอนะครับ ใช้จริงยากมาก

2. Dual Action ปรับรอบได้ หาซื้อยากขึ้นหน่อยเพราะเริ่มเฉพาะทาง เพิ่มความสามารถที่ให้รอบที่สูงกว่าแบบปรับรอบไม่ได้ เพิ่มคุณลักษณะการใช้งานในส่วนของ การลบรอยบางๆ ไปถึงรอยกลางๆได้ ลงGlazeได้ ใช้งานได้ง่ายไม่ต้องกลัวสีไหม้แบบRotary แต่ความแรงในการขัดยังสู้ไม่ได้ ราคามีตั้งแต่3000-12000

อธิบายเพิ่ม : DA เป็นเครื่องที่หมุนรอบแกนและหมุนรอบตัวเอง หรือลักษณะประมาณโคจรไปเรื่อยๆบนแป้น ทำให้ความร้อนไม่สะสมบนผิว

3. Rotary อันนี้คืออุปกรณ์หลักที่คาร์แคร์นิยมใช้ในการขัดสี หน้าที่มันคือขัดสีนั่นแหละ(เอาไปลงWaxก้ได้แต่ไม่เหมาะ) น้ำหนักมีตั้งแต่2-4kg หนักชิบ มีอยู่ตัวหนัก4กิโลกล้ามขึ้นกันเลย สามารถใช้งานได้เกี่ยวกับรถได้ทุกอย่างครับ ลบรอยหนักๆได้ แต่ใช้งานยาก ปั่นไม่ดี สีไหม้นะเออ(โดนมาแล้ว) >>> อุปกรณ์ขัดสูงครับ ใครกำลังหัดลบรอยเล็กๆน้อยแนะนำ DAปรับรอบ

ฟองน้ำ(ใช้กับเครื่อง)

ฟองน้ำสำคัญไฉน - หลายคนบอกเอาผ้าไมโครลงWaxก็ได้ ลงอะลงได้แต่มันไม่เหมาะใช้งานผิดประเภท มันเปลืองน้ำยานะสิ ฟองน้ำมีหลายชนิดมากๆๆๆๆๆๆ จะขออธิบายคร่าวๆ

ฟองน้ำในไทยที่มีจำหน่ายจะมีดังๆอยู่ไม่กี่ยี่ห้อ Lake Country (หาซื้อง่ายราคาค่อนข้างสูง) / Maguire ราคาแพงกว่าแล้วก็ผมไม่ชำนาญ / จีนแดงตามคลองถม(อย่าไปยุ่งเลยจ่ายแพงกว่าหน่อยเถอะ)(ลงได้ไม่กี่ทีฟองน้ำกลายเป็นขุยๆๆ)

ขอพูดถึงแต่Lake Country(ขอย่อว่า LC)

ฟองน้ำจะมีเส้นผ่านศูนย์กลางหลายขนาดครับ เช่น 4นิ้ว(ใช้กับเครื่องหัวเล็ก) 6.5นิั้ว(มาตรฐานใช้กับDAปรับรอบไม่ได้) 7.5นิ้ว(ใช้กับRotary)

ทีนี้สีของฟองน้ำLCจะเป็นตัวบอกคุณลักษณะของฟองน้ำนั้นๆ ขออธิบายคร่าวๆบางสีนะครับ

ขนแกะ - เอาไว้ขัดสี

ฟองน้ำส้ม - เอาไว้ขัดสี(ค่าCutสูงเพียงพอต่อการใช้งานปรกติทั่วไปแล้ว)

ฟองน้ำขาว - ลงPre-wax/Cleaner

ฟองน้ำดำ - ลงCleaner / Glaze / Wax

ฟองน้ำแดง - ลง Wax

การลงWax

เมื่อเตรียมผิวเสร็จก็ต้องทำการลงWax

1. เลือกวิธีว่าจะลงด้วยอะไร

2.ลงให้ทั่วคันนั่นแหละ แนะนำขั้นตอนการลงแบบเดียวกับล้างรถ คือบนลงล่าง

3.ทิ้งไว้ 15 นาทีรอเซ็ตตัว (ต้องทิ้งไว้นะจ๊ะอย่าเช็ดเลย)

4.เช็ดออกด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์

หมดละง่ายๆครับ^^ การลงWaxถ้ามีเวลาควรลงทุกครั้งหลังล้างรถ รถคุณจะเงางามเปล่งประกายไข่มุกใส

toppy
09-12-2012, 12:08
หัวข้อใหญ่ : การเก็บงานระหว่างวัน+น้ำยาเสริมต่างๆ + แชมพู

การเก็บงานคืออะไร - เรียกได้หลายอย่างนะผมขอสรุปรวมๆให้

1.หลังล้างรถขี้เกียจลงWax - ก็เอาDetailer ลูบแล้วป้ายเลย (สมมติกระโปรงหน้า ฉีดซัก4-5ฟอด แล้วฉีดใส่ผ้าอีก2ฟอด) ลูบไปเลยบนผิวรถ ลื่นขึ้นแน่นอน รวมไปถึงบางตัวเพิ่มความมีมิติให้สีรถด้วยนะครับ

2.รถฝุ่นเกาะระหว่างวัน - กลัวไม่สวยแนะนำคร่าวๆ เอาBlowerเป่าลม เป่าให้หมด แล้วฉีดDetailerบนผิวกับบนผ้าแล้วลูบ (เปลี่ยนผ้าบ่อยๆนะดำเร็ว) แต่ผมไม่ค่อยทำนะ ชอบรอหมักไว้ล้างเต็มๆ

3.เพิ่มมิติให้Wax - บางคนรอWaxเซ็ตตัวเสร็จฉีดDetailerกลบต่อ เพิ่มมิติความงามให้รถ เช่น Maguire#135 จะให้สีรถฉ่ำขึ้น

น้ำยาเสริม

การล้างรถเนี่ยน้ำยาแปลกๆจะมีเพิ่มเข้ามาอีกเยอะครับขออิบายไว้เป็นบางตัว

All purpose cleaner - เป็นน้ำยาสารพัดนึก ความเข้มข้นสูง(ผสมน้ำ10เท่า) ใช้งานทั่วไปได้ เช่น เช็ดพลาสติกดำที่มีคราบมาติด เช็ดห้องเครื่องก็ได้ ควรมีติดบ้าน เตาแก๊สเลอะคราบน้ำมันเหนียวๆ ฉีดใส่มันก็เช็ดได้!!!!สารพัดนึกไหมละ ยี่ห้อดังๆก็มีของ Maguire-All purposr cleaner / Chemical Guy - Green Clean

น้ำยาลงยาง - ชื่อก็บอกน้ำยาลงยางนั่นแหละครับ มีดำเงาดำด้านราคาหลายเกรด ความทนขึ้นกับราคา ส่วนตัวผมชอบด้านๆ แนะนำ CG - Blue Guard (น้ำยาพวกนี้เวลาลงควรรอให้แห้งซักพักก่อนขยับรถเพราะบางตัวแห้งช้ามากมันจะกระเด็นไปติดสีรถ ถ้าสีขาวนี่เห็นๆเลยด่าง)

น้ำยาละลายคราบยางมะตอยและแมลง - ยางมะตอยติดก็ใช้น้ำยาตัวนี้ลงแล้วเช็ดออกครับ รวมไปถึงพวกซากแมลงต่างๆ(ปั๊มน้ำฉีดก็อออกเกือบหมดแล้วนะ) (ใช้All purpose แทนก้ได้นะ)

น้ำยาขจัดคราบแม็ก - ล้อแม็กเลอะผงเบรค ไม่ต้องขัด เราแค่ฉีดน้ำยาลงไปรอมันทำงานแล้วฉีดออก!!ง่ายไปไหมจอร์จ(ไม่เคยใช้5555)

น้ำยาลงเบาะ - ชื่ออังกฤษเรียก Leather cleaner รวมถึง Leather conditioner (บางยี่ห้อต้องใช้สองตัว ทำความสะอาดแล้วค่อยบำรุงผิว) มีหน้าที่ล้างคราบสกปรปบนเบาะหนังออกครับ ไม่แนะนำWaxyเพราะบางคนบอกว่าใช้แล้วหนังมันกรอบ (น้ำยาดีๆลงแล้วไม่เยิ้มมากไม่ลื่นเกินนะครับ)

แชมพู

ควรใช้แชมพูที่เหมาะกับการล้างรถโดยตรงครับ (ถ้าใช้ไม่ถูกบางตัวจะไปล้างWaxที่เราลงไว้ด้วย เช่น น้ำยาล้างจาน-__-'')

ยี่ห้อทั่วไป Triton (ชื่อคุ้นๆเนอะ) ขวดละ60บาทเอง น้ำครึ่งถังต่อแชมพูซักฝาสบายตัวไป

ยี่ห้อแพงๆ Maguire / CG และอื่นๆก็มีครับ อัตราการชะล้างWaxออกไปน้อยกว่าพวกตัวถูกๆ(ถ้าไม่ใช่ซีเรียสตัวถูกๆก็ได้ราคาต่างกัน3-5เท่าแนะ)

MiNi_XXL
09-12-2012, 12:12
ขอบคุณครับผมมมมมมม

Nong Pook
09-12-2012, 12:40
โอ้ว...ผมแค่ล้าง เช็ดให้แห้ง เคลือบสี สามอย่างก็ลมแทบจับแล้วครับ 3-4 ชั่วโมงทุกที :27 2:

Sinplug
09-12-2012, 13:19
ขอบคุณมากนะครับที่นำมาแบ่งปันกัน จดไว้ก่อนอ่านไม่ทัน :kapook-17199-4683:

tonzatriton
09-12-2012, 13:40
แจ่มเลยครับน้า
บอกช้าไปนิด ทั้งรอย ทั้งบุบ -*-
ขอบคุณครับ

toppy
09-12-2012, 16:11
แจ่มเลยครับน้า
บอกช้าไปนิด ทั้งรอย ทั้งบุบ -*-
ขอบคุณครับ

รอยบุบเหมือนจะมีผู้เชี่ยวชาญรับทำอยู่นะครับจำราคาไม่ค่อยได้

แต่มีเพื่อนๆแนะนำมาว่า...ใช้จุ๊บดูดส้วมก็ขึ้นเหมือนกันนะครับo__o''

ส่วนรอยถ้าไม่ลึกลงไปถึงชั้นแลคเกอร์(เอาเล็บลูบแล้วสะดุดแรงหรือลงไปถึงชั้นขาวๆ) ขัดสีก็เอาออกได้เกือบหมดครับ

toppy
09-12-2012, 16:29
เห็นTriton ชอบรถสีเทาดำ-ดำ กัน เลยเขียนเพิ่มให้อีกอัน

ข้อควรระวังของรถสีเข้ม

รถสีเข้มเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคนเพราะให้ความสวยงามแบบนุ่มลึกดูสุขุม อีกทั้งยังสามารถแต่งรถได้ในสไตล์สวยดุอีกต่างหาก รวมไปถึงสามารถเลอะฝุ่นได้โดยที่สภาพรถยังดูดีอยู่ได้ (รถสีเข้มจับคู่กับน้ำยาเคลือบสไตล์ Wet look เป็นอะไรที่สุดยอดมาก สีจะฉ่ำเยิ้มมาก โดยเฉพาะสีดำออกWet lookนี่เยิ้มแบบสุดๆ)

แต่ปัญหาของรถสีเข้มที่ใครหลายคนต้องเจอแน่นอนคือการดูแลรักษา เนื่องจากสีที่เข้มนี่เองทำให้พอสะท้อนกับแสงแดดหรือแสงไฟกำลังสูง จำทำให้รอยต่างๆบนตัวรถแสดงออกมาได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะสีดำ ซึ่งดำได้ใจและแสดงรอยออกมาได้ใจเจ้าของรถเช่นกัน

ยกตัวอย่างง่ายๆ.....ลูบผ้าผิด1ที รถสีดำก็สามารถแสดงรอยขนแมวเด่นชัดบนตัวรถคุณได้อย่างแน่นอนภายใต้แสงอาทิตย์และมุมมอง(เป็นรอยฝุ่นถูกับตัวรถลากยาวตามการลูบผ้าเลย)

ฉะนั้นรถสีเข้มควรจะมีข้อควรระวังเป็นพิเศษ

1.อย่าลูบรถด้วยน้ำเปล่า+ผ้า

-หลายๆคนมักจะล้างรถด้วยวิธีการแบบโบราณ.....คือการเอาสายยางฉีดน้ำและเอาผ้าลูบตามไปด้วย(พ่อผมก็ทำ-__-'') สำหรับรถสีอ่อนอาจจะพอมีลุ้นว่าจะเกิดรอย สำหรับสีเข้ม....ไม่ต้องลุ้นครับ ใครทำแล้วไม่เกิดรอยขนแมวผมลงแว๊กซ์ให้ฟรี1รอบเลยอะ(แต่ล้างรถ+ขับมาหาผมเองนะ555)

2.ตรวจสอบผ้าที่ใช้เช็ดรถให้ดี

-ผ้าเช็ดรถมีอายุการใช้งานนะครับ(สำหรับผ้าไมโครไฟเบอร์ใช้ซักพักขนไมโครมันจะเหมือนเล็กลงแล้วเห็นชั้นพื้นของผ้า ควรรีบเปลี่ยน) หรือผ้าใช้ไปนานๆจะเริ่มแข็งตัวก็ต้องรีบเปลี่ยนครับ (ผ้าไมโครทั่วไปแบบชาวบ้านๆ 3ผืน100 4ผืน100 ผมให้อายุการใช้งานถ้าใช้ทุกอาทิตย์ 3-5เดือนก็ควรเปลี่ยนแล้วนะครับ หากใครใช้ผ้าพวกCobra(ผ้าเกรดพรีเมี่ยม)ก็อยู่นานหน่อย) ถ้าผ้าแข็งเวลาลูบจะเพิ่มการเกิดรอยได้ครับ ระวังด้วย

-ผ้าที่ตกพื้นแล้ว ไม่ควรใช้ซ้ำ......จำไว้ด้วยครับคาร์แคร์ไหนทำผ้าตกแล้วเอามาเช็ดต่อ.....เปลี่ยนร้านโดยด่วน

3.เวลาล้างรถอย่าไปตะบี้ตะบันถู

-การล้างรถเวลาเจอบางจุดที่มีคราบบางอย่างไม่ออก ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะกดแรงเพิ่มแล้วถูๆๆๆ การทำแบบนี้ฟันธง100%ว่าจะเกิดรอยถูเป็นขนแมวขึ้นลงๆๆบนบริเวณนั้นแน่นอน ได้ทั้งคราบล้างไม่ออก+รอยเพิ่ม ลองเอามือลูบดูครับถ้าไม่ออกค่อยเอาผ้าผสมน้ำยาแชมพูฟองเยอะๆลูบดูใหม่ครับ ถ้าไม่ออกจริงๆให้หาผู้เชี่ยวชาญครับใช้ดินน้ำมันลูบ

4.การลงแว๊กซ์อย่างสม่ำเสมอ

-ถ้าเรารถสีเข้มการลงแว๊กซ์อย่างสม่ำเสมอจะเป็นการช่วยที่ดีครับ โดยจะเป็นการเพิ่มความลื่นที่ผิวทำให้โอกาสจะเกิดการถูของเม็ดฝุ่นลดน้อยลง รวมถึงมีชั้นบางๆของตัวน้ำยาเคลือบกันรอยได้ด้วย (บางทีมันเป็นรอยบนชั้นWaxครับ เอาCleanerลงก็หายแล้ว)

toppy
09-12-2012, 16:39
พิมพ์แล้วติดลมแอบเพิ่ม

เคลือบแก้วดีไหม??

อันนี้ความรู้ยังไม่แน่นมากนะครับ แต่จะพยายามเขียนให้พอเข้าใจกันแบบง่ายๆ

การเคลือบแก้ว(บางร้านเรียกเคลือบนาโน บางร้านเคลือบCeramic) คือเป็นการเพิ่มชั้นฟิล์มของตัวผิวเคลียร์โค๊ทของตัวรถ เปรียบเสมือนมีอะไรบางๆมากั้นอยู่ระหว่างผิวรถกับสภาพภูมิอากาศ

ยกตัวอย่างง่ายๆ การลงน้ำยาเคลือบสีทั่วไปอาจจะให้ชั้นฟิล์มหนาประมาณ 1 X (ขออนุญาตใช้ X = แทนความหนา) (ข้อมูตัวเลขเป็นค่าสมมติห้ามไปใช้อ้างอิง-__-'')

แต่พอการเคลือบแก้วอาจจะให้ความหนาถึง 10 X

ดังนั้นการเคลือบแก้วจึงมีความสามารถที่จะกันรอยบางส่วนที่จะเกิดขึ้นกับตัวรถของเราได้ รวมถึงเป็นชั้นที่เพิ่มความเงางามให้กับตัวรถของเราด้วย (แต่ต้องมีเทคนิคการดูแลแตกต่างกันไปตามยี่ห้อนะครับ)

ข้อควรระวัง : เคลือบแก้ว ไม่ใช่การกดสูตรอมตะ

- การเคลือบแก้วไม่ใช่เคลือบครั้งเดียวอยู่ได้ทั้งอายุรถ......ถ้าจำไม่ผิดจะอยู่ประมาณ 6เดือน - 2 ปี ไม่เกินนี้ การซื้อเคลือบแก้วส่วนมากมักจะมีเป็นแพคเกจคือต้องมีการเข้าไปเคลือบเติมสารด้วย(ร้านไหนขายทีเดียวจบน่าคิดนะครับ)

-การเคลือบแก้วมักจะมาเป็นแพคเกจ คือ 1.ขัดสีลบรอยทั้งคัน + 2.เคลือบแก้ว +3.แพคเกจเข้ารับการMaintenenceตัวเคลือบ

- เคลือบแก้วไม่ใช่อมตะ ถ้าเจออะไรรุนแรงๆจริงๆ มันก็ไม่รอดนะครับ-____-''

- ราคาการเคลือบแก้วค่อนข้างแพง ไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่น(ตามยี่ห้อ แต่บางยี่ห้อก็บอกเคลือบแก้วแต่สู้ในราคาต่ำ อันนี้ต้องดูกันเองนะครับว่าอายุการใช้งานนานไหม)

prayut
09-12-2012, 21:53
เยอะครับน้าว่างๆเดี๋ยวมาอ่านใหม่ครับ ขอบคุณครับผม

Duck_Hell
09-12-2012, 22:19
สวดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ยอด ขอบคุณครับ

autoart_jack
09-12-2012, 22:30
เจ๋งครับ

Tum19
09-12-2012, 23:22
ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆ

AKNet
09-12-2012, 23:47
ถามนิดนึงครับ น้ำยา Cutting หรือ Compound ควรลงเฉาะที่ๆเกิดรอย หรือสามารถลงได้ทั้งคันรถครับ

ยังไม่กล้าสั่งมาใช้ ตอนนี้ใช้ PreWax Poorboy PwS อยู่ เก็บได้แต่รอยบางๆ รถผมเป็นรอยเล็บแมวของแท้ด้วยครับ ที่บ้านเลี้ยงแมว มันลบไม่ออกยังเห็นเป็นเส้นบางๆอยู่ ส่วน wax ใช้ Poorboy EX-P อยู่ครับ ฝุ่นและน้ำเกาะน้อยกว่าบางยี่ห้อ

ขอบคุณครับ

marque
10-12-2012, 01:58
ดีมากครับ มาเก็บความรู้ อิอิ

toppy
10-12-2012, 08:56
ถามนิดนึงครับ น้ำยา Cutting หรือ Compound ควรลงเฉาะที่ๆเกิดรอย หรือสามารถลงได้ทั้งคันรถครับ

ยังไม่กล้าสั่งมาใช้ ตอนนี้ใช้ PreWax Poorboy PwS อยู่ เก็บได้แต่รอยบางๆ รถผมเป็นรอยเล็บแมวของแท้ด้วยครับ ที่บ้านเลี้ยงแมว มันลบไม่ออกยังเห็นเป็นเส้นบางๆอยู่ ส่วน wax ใช้ Poorboy EX-P อยู่ครับ ฝุ่นและน้ำเกาะน้อยกว่าบางยี่ห้อ

ขอบคุณครับ


ดูเป็นตัวๆดีกว่าครับ ถ้าเป็น Cutสูงแบบพวกต้องเอาRotaryปั่น แนะนำให้ลงเป็นชิ่้นครับ(สมมติเป็นที่ประตูซ้ายหน้า ก็ปั่นซ้ายหน้าทั้งบานเลย)

ถ้าCompound ที่ลงมือไม่แรงมากพวก MG ultimate compound ผมว่าลงเฉพาะจุดได้ครับ แล้วลองส่องไฟดูซ้ำ แล้วกลบตามด้วยWax

boy129
10-12-2012, 09:32
ขอบคุณครับ......งได้ความรู้เพียบเลยผมเป็นคนชอบล้างรถเองด้วย....

AKNet
10-12-2012, 10:34
ดูเป็นตัวๆดีกว่าครับ ถ้าเป็น Cutสูงแบบพวกต้องเอาRotaryปั่น แนะนำให้ลงเป็นชิ่้นครับ(สมมติเป็นที่ประตูซ้ายหน้า ก็ปั่นซ้ายหน้าทั้งบานเลย)

ถ้าCompound ที่ลงมือไม่แรงมากพวก MG ultimate compound ผมว่าลงเฉพาะจุดได้ครับ แล้วลองส่องไฟดูซ้ำ แล้วกลบตามด้วยWaxพอดีผมใช้กับเครื่อง DA งั้นแสดงว่า ใช้ประเภท Compound จะเหมาะกับเครื่องมือที่มีอยู่มากกว่า181943 รูปนี้หลังจากลง Prewax + Wax181944 รูปนี้ไม่เคยลงน้ำยาอะไรเลย แต่พอลงแค่ 2 ขั้นตอนเห็นเลยว่ารถขาวขึ้น เม็ดมัลเทลิกเห็นชัดขึ้น ตอนนี้ยังขาดดินน้ำมัน ถ้าได้ลูบดินน้ำมันน่าจะขาวขึ้นกว่านี้แน่นอน รูปบนอาจจะเห็นว่าไม่ขาวเท่ากับรูปล่าง เพราะเอาป้ายแบนเนอร์เกมมาบังแดดช่วงเย็นเอาไว้ แล้วถ่ายรูป

toppy
10-12-2012, 14:59
ลอง MG UC ลงมือก่อนก็ได้ครับ^^ ตัวนี้ไม่รุนแรงมากเท่าไหร่ (แต่รอยเล็บแมวผมว่าได้จางลง แต่ไม่น่าจะออก)

แนะนำลง MG UC + ตามด้วย glaze ที่เหมาะกับผิวขาวซักตัว(ผมใช้Poorboy black hole เยี่ยมเลยแต่มันเหมาะกับสีเข้ม) น่าจะกลบหายได้ซัก70-80%

ดินน้ำมันจะช่วยให้สีขาวดีขึ้นครับ เพราะไปขจัดคราบไคลออกจากผิวครับ อารมณ์ประมาณขี้ไคลคนเราถูธรรมดาไม่ออก ต้องใช้ฟองน้ำช่วย อันนี้ใช้ดินน้ำมัน

เวลาใช้ พรม Detailerหรือ Lubricant ให้ทั่วนะครับ แล้วลูบยาวๆเลย มันจะลื่นๆไม่หนืดมาก ระวังทำตกด้วยครับ

Cleanerผมชอบ MG #6 (cleaner wax แต่เป็นของ professional line) คุณภาพมันจะดีกว่า cleanerขวดแดง ใช้ง่ายครับ

AirJu
10-12-2012, 19:06
ขอบคุณครับ สำหรับความรู้

3T_MUN_D
10-12-2012, 20:10
ความรู้ทั้งนั้น แต่อ่านเยอะตาลายครับ ผมมาอ่านสองรอบแหระ ต้องขออนุญาติ ทำเป็นเอกสารไว้อ่านในรถครับ ฮึฮึ

tae666
10-12-2012, 20:30
ความรู้ทั้งนั้น เยอะจริงๆ จะมาอ่านต่อน่ะครับ +++

AKNet
10-12-2012, 21:14
ลอง MG UC ลงมือก่อนก็ได้ครับ^^ ตัวนี้ไม่รุนแรงมากเท่าไหร่ (แต่รอยเล็บแมวผมว่าได้จางลง แต่ไม่น่าจะออก)

แนะนำลง MG UC + ตามด้วย glaze ที่เหมาะกับผิวขาวซักตัว(ผมใช้Poorboy black hole เยี่ยมเลยแต่มันเหมาะกับสีเข้ม) น่าจะกลบหายได้ซัก70-80%

ดินน้ำมันจะช่วยให้สีขาวดีขึ้นครับ เพราะไปขจัดคราบไคลออกจากผิวครับ อารมณ์ประมาณขี้ไคลคนเราถูธรรมดาไม่ออก ต้องใช้ฟองน้ำช่วย อันนี้ใช้ดินน้ำมัน

เวลาใช้ พรม Detailerหรือ Lubricant ให้ทั่วนะครับ แล้วลูบยาวๆเลย มันจะลื่นๆไม่หนืดมาก ระวังทำตกด้วยครับ

Cleanerผมชอบ MG #6 (cleaner wax แต่เป็นของ professional line) คุณภาพมันจะดีกว่า cleanerขวดแดง ใช้ง่ายครับ
แล้วถ้าใช้ Rubbing Compound เช็ดๆขัดๆ มันจะหายมั้ยครับ

num_navanakorn
11-12-2012, 00:11
ขอบคุณครับ เเต่ก็ยังงงๆอยู่ เดี๋ยวค่อยมาอ่านใหม่...

kamyu
11-12-2012, 08:55
ขอบคุณครับ

youjea
11-12-2012, 09:33
แนะนำเครื่อง da แบบปรับรอบได้ คุณภาพเหมาะสมกับราคาให้หน่อยสิครับน้า

AKNet
11-12-2012, 10:54
แนะนำเครื่อง da แบบปรับรอบได้ คุณภาพเหมาะสมกับราคาให้หน่อยสิครับน้า
ของ shimate รุ่น 600 ตอนนี้กำลังลดราคาอยู่ครับ http://www.thaiwashercarclub.com/forum/index.php?topic=12964.0 แนะนำเอาครบเซ็ตราคา3990 อะครับ คุ้มครับ ผมสั่งจากอีกร้านนึงยี่ห้อ DIY โอนเงินตอนเช้า พอตอนเย็นเจ้านี้จัดโปร อย่างปรี๊ดเลยครับ

toppy
11-12-2012, 11:37
ของ shimate รุ่น 600 ตอนนี้กำลังลดราคาอยู่ครับ http://www.thaiwashercarclub.com/forum/index.php?topic=12964.0 แนะนำเอาครบเซ็ตราคา3990 อะครับ คุ้มครับ ผมสั่งจากอีกร้านนึงยี่ห้อ DIY โอนเงินตอนเช้า พอตอนเย็นเจ้านี้จัดโปร อย่างปรี๊ดเลยครับ

ตัว Shinmate กับ DIY ดูจากรูปร่างแล้วน่าจะมาจากโรงงานเดี๋ยวกันเปลี่ยนยี่ห้อ

http://www.thaiwashercarclub.com/forum/index.php?topic=18152.0 ของ Metabo ก็ดีครับ แต่ติดที่หัวมันใส่ได้แค่4นิ้ว ถ้าจะใส่6.5นิ้วต้องหาตัวแปลง

http://www.thaiwashercarclub.com/forum/index.php?topic=23760.0 Let's buff ตัวนี้โรงงานเดียวกับ Bloccoli ครับ

ถ้าหัดใช้จริงๆผมว่า Shinmate ก็พอโอเคแล้วนะครับ ใช้ฟองน้ำที่ให้มาไปก่อนครับ

toppy
11-12-2012, 11:39
แล้วถ้าใช้ Rubbing Compound เช็ดๆขัดๆ มันจะหายมั้ยครับ

http://www.thaiwashercarclub.com/forum/index.php?topic=5517.0

อ้างอิงจากกระทู้ด้านบนผมว่า Rubbing coompound คุณภาพไม่น่าจะสู้ UC ได้ครับ^^ แต่ถ้ามีอยู่แล้วก็ลองครับ แต่ถ้าไม่มีข้ามไป UC เลยดีกว่าครับ

AKNet
11-12-2012, 12:51
http://www.thaiwashercarclub.com/forum/index.php?topic=5517.0

อ้างอิงจากกระทู้ด้านบนผมว่า rubbing coompound คุณภาพไม่น่าจะสู้ uc ได้ครับ^^ แต่ถ้ามีอยู่แล้วก็ลองครับ แต่ถ้าไม่มีข้ามไป uc เลยดีกว่าครับ
อ่า ขอบคุณมากครับ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเยอะเลยครับ เกือบสั่ง mg 105 ไปซะแล้ว

triton_tierak
11-12-2012, 13:49
ขอบคุณครับ ตามหามานานกระทู้แบบนี้

ถามต่อเลยละกัน แล้วผลิตภัณฑ์ของ seeker ละครับน้าเทียบคุณภาพกับราคาเป็นยังงัยบ้าง คุ้มที่ซื้อใช้หรือปล่าว ถ้าเทียบกับแมกไกว์

JADUM
11-12-2012, 13:57
ขอบคุณครับ

toppy
11-12-2012, 18:14
ขอบคุณครับ ตามหามานานกระทู้แบบนี้

ถามต่อเลยละกัน แล้วผลิตภัณฑ์ของ seeker ละครับน้าเทียบคุณภาพกับราคาเป็นยังงัยบ้าง คุ้มที่ซื้อใช้หรือปล่าว ถ้าเทียบกับแมกไกว์

Seekerต้องมองว่าตัวไหนครับ ยี่ห้อนี้เหมือนจะมาเน้นสาย Coating(สายเคลือบแก้ว พวกตัว x3 x7 x22 อะไรทำนองนั้น) กับพวกWax QuickShine / Maxshine (ข้อมูลอ้างอิงบางส่วนจาก http://www.thaiwashercarclub.com/forum/index.php?topic=22622.0)
(ยี่ห้อนี้ไม่เคยนะครับเลยต้องไปทำการบ้านในเว็บนั้นมาก่อนข้อมูลเป็นอ้างอิงนะครับไม่เคยใช้เองจริงๆ)

ตัว Coating ถ้ามือใหม่ทำเองไม่แนะนำครับ ทำยากและเปลืองอุปกรณ์ครับ เข้าร้านดีกว่า ถ้าผมจำไม่ผิดเคยเห็นราคาอยู่ซัก4พัน-1หมื่น ได้ แล้วแต่ว่าจะใช้รุ่นไหน

ส่วนเรื่องตัวWax ถ้ามีสองตัวตามที่อ้างมาจริง ผมว่าอย่าเพิ่งเล่นดีกว่าครับ แนะนำยี่ห้ออื่นๆดีกว่าครับ สั่งในเน็ตเว็บที่ผมอ้างอิงนั่นแหละได้ราคาค่อนข้างดีแล้วครับ

ส่วนตัวรถสีอะไรครับจะได้จัดชุดให้ถูก

ถ้าขาวมุก.....ผมแนะนำ Chemical Guy รุ่น Jet seal109 ไปเลยครับ ตัวนี้ขับประกายเมทัลลิคเด่นมาก(ขับมุกขึ้นเลย) ราคาขวดนึงประมาณ 1500-1700บาทแล้วแต่คนขาย(ถ้าMaguireรุ่นที่อยู่ในประเภทเงาใสเหมือนตัวนี้ก็เป็น Ultimate wax ราคาประมาณ1000นิดๆ แต่งาน109จะสวยคมกว่าหน่อยครับ)(ขอข้ามMG#21 ไปเลยนะครับ งานมันคงสู้Ultimateหรือ109ไม่ได้อยู่แล้วครับ)

ถ้าเป็นสีโทนเข้ม....น้ำตาล/เทาดำ/ดำ.....เป็นMG#26ครับจะกดสีให้ฉ่ำเยิ้ม(ลองสังเกตุรถสีดำบางคันทำไมสีมันเข้มเหมือนละลายได้ นั่นแหละครับจับคู่กับWaxพวกCarnubaให้สีที่เข้มฉ่ำ)

ถ้าเป็นสีกลางๆพวกน้ำตาลหรือเทาดำ คุณมีทางเลือกสองทางคือ 1.กดให้เข้มฉ่ำไปเลยสีจะดูเปียกๆรถจะเข้มขึ้น 2.เล่นสายเงาคือเล่นเหมือนพวกรถสีอ่อนเลยครับ งานจะออกมาเป็นรถลูกชุบเงาๆวิ้งๆ

ฉะนั้นผมจะลองListรายการตัวที่ผมพอรู้จักในมือก็จะได้เช่นนี้

สายลูกชุบ
-Chemical Guy ...jet seal109 (ขับเมทัลลิคดีเยี่ยม)
-Maguire Ultimate wax
-Maguire #21 (งานสู้สองตัวข้างบนไม่ได้)
-Wolfgang Deep gloss paint sealant 3.0 (ตัวนี้ราคาค่อนข้างสูงขวดละ1800 แต่งานเป็นที่ยอมรับกันพอสมควรว่าดีก่าของMaguireแน่นอน สไตล์จะคล้ายกับตัว109แต่ความลื่นกับเงาจะสูงกว่า แต่ขับเมทัลลิคออกน้อยกว่า)

สายฉ่ำเยิ้ม
-Maguire #26 (ฉ่ำแน่ แต่ความทนกลางๆไม่สูง)
-Maguire gold class โคตรฉ่ำ....ความทนต่ำ ถ้าลงทุกอาทิตย์รถคุณจะโคตรเงาเยิ้ม
-Menzerna Power lock ให้งานฉ่ำกลางๆค่อนไปทางมาก ความคงทนค่อนข้างสูงกว่าสองตัวแรก(ถ้าเคยได้ยิน Menzerna FMJ ตัวนี้คือตัวที่พัฒนามาจากFMJครับ)

แนะนำเท่าที่เคยใช้นะครับ^^ บางตัวถามได้ครับแต่เดี๋ยวต้องไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเล็กน้อย เดี๋ยวจะรีวิวในสายของMaguireแบบคร่าวๆให้เกือบครบทุกตัวขอเวลานั่งทางในหาข้อมูลก่อนครับ ฮ่าๆ

triton_tierak
12-12-2012, 11:41
Seekerต้องมองว่าตัวไหนครับ ยี่ห้อนี้เหมือนจะมาเน้นสาย Coating(สายเคลือบแก้ว พวกตัว x3 x7 x22 อะไรทำนองนั้น) กับพวกWax QuickShine / Maxshine (ข้อมูลอ้างอิงบางส่วนจาก http://www.thaiwashercarclub.com/forum/index.php?topic=22622.0)
(ยี่ห้อนี้ไม่เคยนะครับเลยต้องไปทำการบ้านในเว็บนั้นมาก่อนข้อมูลเป็นอ้างอิงนะครับไม่เคยใช้เองจริงๆ)

ตัว Coating ถ้ามือใหม่ทำเองไม่แนะนำครับ ทำยากและเปลืองอุปกรณ์ครับ เข้าร้านดีกว่า ถ้าผมจำไม่ผิดเคยเห็นราคาอยู่ซัก4พัน-1หมื่น ได้ แล้วแต่ว่าจะใช้รุ่นไหน

ส่วนเรื่องตัวWax ถ้ามีสองตัวตามที่อ้างมาจริง ผมว่าอย่าเพิ่งเล่นดีกว่าครับ แนะนำยี่ห้ออื่นๆดีกว่าครับ สั่งในเน็ตเว็บที่ผมอ้างอิงนั่นแหละได้ราคาค่อนข้างดีแล้วครับ

ส่วนตัวรถสีอะไรครับจะได้จัดชุดให้ถูก

ถ้าขาวมุก.....ผมแนะนำ Chemical Guy รุ่น Jet seal109 ไปเลยครับ ตัวนี้ขับประกายเมทัลลิคเด่นมาก(ขับมุกขึ้นเลย) ราคาขวดนึงประมาณ 1500-1700บาทแล้วแต่คนขาย(ถ้าMaguireรุ่นที่อยู่ในประเภทเงาใสเหมือนตัวนี้ก็เป็น Ultimate wax ราคาประมาณ1000นิดๆ แต่งาน109จะสวยคมกว่าหน่อยครับ)(ขอข้ามMG#21 ไปเลยนะครับ งานมันคงสู้Ultimateหรือ109ไม่ได้อยู่แล้วครับ)

ถ้าเป็นสีโทนเข้ม....น้ำตาล/เทาดำ/ดำ.....เป็นMG#26ครับจะกดสีให้ฉ่ำเยิ้ม(ลองสังเกตุรถสีดำบางคันทำไมสีมันเข้มเหมือนละลายได้ นั่นแหละครับจับคู่กับWaxพวกCarnubaให้สีที่เข้มฉ่ำ)

ถ้าเป็นสีกลางๆพวกน้ำตาลหรือเทาดำ คุณมีทางเลือกสองทางคือ 1.กดให้เข้มฉ่ำไปเลยสีจะดูเปียกๆรถจะเข้มขึ้น 2.เล่นสายเงาคือเล่นเหมือนพวกรถสีอ่อนเลยครับ งานจะออกมาเป็นรถลูกชุบเงาๆวิ้งๆ

ฉะนั้นผมจะลองListรายการตัวที่ผมพอรู้จักในมือก็จะได้เช่นนี้

สายลูกชุบ
-Chemical Guy ...jet seal109 (ขับเมทัลลิคดีเยี่ยม)
-Maguire Ultimate wax
-Maguire #21 (งานสู้สองตัวข้างบนไม่ได้)
-Wolfgang Deep gloss paint sealant 3.0 (ตัวนี้ราคาค่อนข้างสูงขวดละ1800 แต่งานเป็นที่ยอมรับกันพอสมควรว่าดีก่าของMaguireแน่นอน สไตล์จะคล้ายกับตัว109แต่ความลื่นกับเงาจะสูงกว่า แต่ขับเมทัลลิคออกน้อยกว่า)

สายฉ่ำเยิ้ม
-Maguire #26 (ฉ่ำแน่ แต่ความทนกลางๆไม่สูง)
-Maguire gold class โคตรฉ่ำ....ความทนต่ำ ถ้าลงทุกอาทิตย์รถคุณจะโคตรเงาเยิ้ม
-Menzerna Power lock ให้งานฉ่ำกลางๆค่อนไปทางมาก ความคงทนค่อนข้างสูงกว่าสองตัวแรก(ถ้าเคยได้ยิน Menzerna FMJ ตัวนี้คือตัวที่พัฒนามาจากFMJครับ)

แนะนำเท่าที่เคยใช้นะครับ^^ บางตัวถามได้ครับแต่เดี๋ยวต้องไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเล็กน้อย เดี๋ยวจะรีวิวในสายของMaguireแบบคร่าวๆให้เกือบครบทุกตัวขอเวลานั่งทางในหาข้อมูลก่อนครับ ฮ่าๆ

ขอบคุณครับ รถผมสีขาวมุก SEEKER เคยใช้ตัว Maxshine ซื้อโดยที่ไม่มีความรู้เรื่องนี้อะไรเลย หลงคารมคนขาย 55 รู้สึกจะโดนประมาณ 2500B ใช้ไปจนหมดแล้ว สีรถจะออกขาวใสๆ
ตอนนี้ใช้ MG เบอร์ 21 ความรู้สึกส่วนตัวผมชอบ Maxshine มากกว่าเบอร์ 21 จะทนและลื่นกว่า
ปล.ผมลงด้วยมือ ไม่มีเครื่อง เพิ่งรู้จัก TWCC ยังไม่นาน

AKNet
12-12-2012, 12:50
Seekerต้องมองว่าตัวไหนครับ ยี่ห้อนี้เหมือนจะมาเน้นสาย Coating(สายเคลือบแก้ว พวกตัว x3 x7 x22 อะไรทำนองนั้น) กับพวกWax QuickShine / Maxshine (ข้อมูลอ้างอิงบางส่วนจาก http://www.thaiwashercarclub.com/forum/index.php?topic=22622.0)
(ยี่ห้อนี้ไม่เคยนะครับเลยต้องไปทำการบ้านในเว็บนั้นมาก่อนข้อมูลเป็นอ้างอิงนะครับไม่เคยใช้เองจริงๆ)

ตัว Coating ถ้ามือใหม่ทำเองไม่แนะนำครับ ทำยากและเปลืองอุปกรณ์ครับ เข้าร้านดีกว่า ถ้าผมจำไม่ผิดเคยเห็นราคาอยู่ซัก4พัน-1หมื่น ได้ แล้วแต่ว่าจะใช้รุ่นไหน

ส่วนเรื่องตัวWax ถ้ามีสองตัวตามที่อ้างมาจริง ผมว่าอย่าเพิ่งเล่นดีกว่าครับ แนะนำยี่ห้ออื่นๆดีกว่าครับ สั่งในเน็ตเว็บที่ผมอ้างอิงนั่นแหละได้ราคาค่อนข้างดีแล้วครับ

ส่วนตัวรถสีอะไรครับจะได้จัดชุดให้ถูก

ถ้าขาวมุก.....ผมแนะนำ Chemical Guy รุ่น Jet seal109 ไปเลยครับ ตัวนี้ขับประกายเมทัลลิคเด่นมาก(ขับมุกขึ้นเลย) ราคาขวดนึงประมาณ 1500-1700บาทแล้วแต่คนขาย(ถ้าMaguireรุ่นที่อยู่ในประเภทเงาใสเหมือนตัวนี้ก็เป็น Ultimate wax ราคาประมาณ1000นิดๆ แต่งาน109จะสวยคมกว่าหน่อยครับ)(ขอข้ามMG#21 ไปเลยนะครับ งานมันคงสู้Ultimateหรือ109ไม่ได้อยู่แล้วครับ)

ถ้าเป็นสีโทนเข้ม....น้ำตาล/เทาดำ/ดำ.....เป็นMG#26ครับจะกดสีให้ฉ่ำเยิ้ม(ลองสังเกตุรถสีดำบางคันทำไมสีมันเข้มเหมือนละลายได้ นั่นแหละครับจับคู่กับWaxพวกCarnubaให้สีที่เข้มฉ่ำ)

ถ้าเป็นสีกลางๆพวกน้ำตาลหรือเทาดำ คุณมีทางเลือกสองทางคือ 1.กดให้เข้มฉ่ำไปเลยสีจะดูเปียกๆรถจะเข้มขึ้น 2.เล่นสายเงาคือเล่นเหมือนพวกรถสีอ่อนเลยครับ งานจะออกมาเป็นรถลูกชุบเงาๆวิ้งๆ

ฉะนั้นผมจะลองListรายการตัวที่ผมพอรู้จักในมือก็จะได้เช่นนี้

สายลูกชุบ
-Chemical Guy ...jet seal109 (ขับเมทัลลิคดีเยี่ยม)
-Maguire Ultimate wax
-Maguire #21 (งานสู้สองตัวข้างบนไม่ได้)
-Wolfgang Deep gloss paint sealant 3.0 (ตัวนี้ราคาค่อนข้างสูงขวดละ1800 แต่งานเป็นที่ยอมรับกันพอสมควรว่าดีก่าของMaguireแน่นอน สไตล์จะคล้ายกับตัว109แต่ความลื่นกับเงาจะสูงกว่า แต่ขับเมทัลลิคออกน้อยกว่า)

สายฉ่ำเยิ้ม
-Maguire #26 (ฉ่ำแน่ แต่ความทนกลางๆไม่สูง)
-Maguire gold class โคตรฉ่ำ....ความทนต่ำ ถ้าลงทุกอาทิตย์รถคุณจะโคตรเงาเยิ้ม
-Menzerna Power lock ให้งานฉ่ำกลางๆค่อนไปทางมาก ความคงทนค่อนข้างสูงกว่าสองตัวแรก(ถ้าเคยได้ยิน Menzerna FMJ ตัวนี้คือตัวที่พัฒนามาจากFMJครับ)

แนะนำเท่าที่เคยใช้นะครับ^^ บางตัวถามได้ครับแต่เดี๋ยวต้องไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเล็กน้อย เดี๋ยวจะรีวิวในสายของMaguireแบบคร่าวๆให้เกือบครบทุกตัวขอเวลานั่งทางในหาข้อมูลก่อนครับ ฮ่าๆ
น้า ถามต่ออีกนิด cray bar จะใช้ยี่ห้อไหนดี ผมเห็นชุดคิทของ mother ราคามันไม่แพง ว่าจะสั่งอยู่ ได้ ดินน้ำมัน 80 กรัม 2 ก้อน ดีเทลเลอร์16ออนซ์ 1 ขวด ผ้าไมโครไฟเบอร์ 1 ผืน ถ้าของ MG มีกล่องใส่ดินน้ำมันเพิ่มเข้ามา แต่ราคาแพงกว่า 150 บาท เลือกตัวไหนดี มีหลายยี่ห้อมากมาย

toppy
12-12-2012, 21:32
Clay bar มือใหม่หัดใช้ แนะนำ Soft99 ก้อนละ450.- แบ่งใช้ได้3-4ก้อนเล็ก

ขอแนะนำตัวนี้เพราะอะไรรู้ไหมครับ คุณภาพมันอาจจะสู้ตัวแพงๆไม่ได้ อาจจะคุณภาพปานกลาง......แต่.......

เวลามันกลิ้นอยู่ที่พื้นจะไม่เสียดายมากครับ ลองใช้จนหมดก้อนใหญ่ก่อนครับค่อยหันไปเล่นตัวแพงๆดีกว่าครับ

ของผมsoft99 กลิ้งเล่นที่พื้นหลายรอบแล้วครับT^T'' แค่ตัวนี้ยังเสียดายเลย มันลงพื้นเมื่อไหร่เตรียมทิ้งครับ(ใช้ต่อแล้วเสียว)

มันจะมีปัญหาตอนเราลูบด้านข้างๆรถอะครับ หลุดมือกระเด็นลงพื้นๆไปเลย

หัดใช้แนะนำเป็น soft99 + Lubricantผมใช้เป็น MG quik detailer หรือบางคนเห็นใช้เป็น MG last touch ผสมน้ำ1ต่อ1 ลองใช้ชุดนี้ก่อนก็ได้ครับราคาไม่สูงมาก ไว้เก่งกว่านี้หน่อยแล้วไปจับ Pinnacleก็ดีครับ^^

toppy
12-12-2012, 21:33
ขอบคุณครับ รถผมสีขาวมุก SEEKER เคยใช้ตัว Maxshine ซื้อโดยที่ไม่มีความรู้เรื่องนี้อะไรเลย หลงคารมคนขาย 55 รู้สึกจะโดนประมาณ 2500B ใช้ไปจนหมดแล้ว สีรถจะออกขาวใสๆ
ตอนนี้ใช้ MG เบอร์ 21 ความรู้สึกส่วนตัวผมชอบ Maxshine มากกว่าเบอร์ 21 จะทนและลื่นกว่า
ปล.ผมลงด้วยมือ ไม่มีเครื่อง เพิ่งรู้จัก TWCC ยังไม่นาน

ถ้าราคา2500.- เอาไปเทียบ เบอร์21ไม่ได้หรอกครับ ตัวนั้นขายในเน็ตกันอยู่700-900เอง

จะชนกับ2500.- ลองเจอพวก Wolfgang DGPS3.0 หรือ Fuzion ก็ได้ครับคาดว่าจะลืมSeekerไปเลย>_<''

surawat007
12-12-2012, 22:39
ถามนิดนึงครับ น้ำยา Cutting หรือ Compound ควรลงเฉาะที่ๆเกิดรอย หรือสามารถลงได้ทั้งคันรถครับ

ยังไม่กล้าสั่งมาใช้ ตอนนี้ใช้ PreWax Poorboy PwS อยู่ เก็บได้แต่รอยบางๆ รถผมเป็นรอยเล็บแมวของแท้ด้วยครับ ที่บ้านเลี้ยงแมว มันลบไม่ออกยังเห็นเป็นเส้นบางๆอยู่ ส่วน wax ใช้ Poorboy EX-P อยู่ครับ ฝุ่นและน้ำเกาะน้อยกว่าบางยี่ห้อ

ขอบคุณครับ

ขออนุญาตตอบนะครับ ต้องขึ้นอยู่กับสภาพสีโดยรวมครับ ว่ารอยลึกหรือไม่ แต่ถ้าน้าใช้ compound น้าก็ต้องใช้ตัวที่ละเอียดขึ้นมาเก็บอีกรอบ หรือ 2 รอบอยู่ดี ทีนี้ต้องลง compound ทั้งคันไหม ก็ไม่จำเป็นครับ ถ้ารอยไม่ได้ลึกเท่าไหร่ น้ำยาขัดละเอียดก็สามารถเอาออกได้แล้วครับ อย่างที่บอกถ้าลง compound มันจะต้องเหนื่อยกันหลายรอบครับ ทางที่ดีใช้น้ำยาขัดที่ละเอียดที่สุดที่มีลงดูก่อนครับ ถ้าไม่ออกจึงค่อยขยับเอาตัวที่แรงขึ้นมาใช้

AKNet
12-12-2012, 22:44
Clay bar มือใหม่หัดใช้ แนะนำ Soft99 ก้อนละ450.- แบ่งใช้ได้3-4ก้อนเล็ก

ขอแนะนำตัวนี้เพราะอะไรรู้ไหมครับ คุณภาพมันอาจจะสู้ตัวแพงๆไม่ได้ อาจจะคุณภาพปานกลาง......แต่.......

เวลามันกลิ้นอยู่ที่พื้นจะไม่เสียดายมากครับ ลองใช้จนหมดก้อนใหญ่ก่อนครับค่อยหันไปเล่นตัวแพงๆดีกว่าครับ

ของผมsoft99 กลิ้งเล่นที่พื้นหลายรอบแล้วครับT^T'' แค่ตัวนี้ยังเสียดายเลย มันลงพื้นเมื่อไหร่เตรียมทิ้งครับ(ใช้ต่อแล้วเสียว)

มันจะมีปัญหาตอนเราลูบด้านข้างๆรถอะครับ หลุดมือกระเด็นลงพื้นๆไปเลย

หัดใช้แนะนำเป็น soft99 + Lubricantผมใช้เป็น MG quik detailer หรือบางคนเห็นใช้เป็น MG last touch ผสมน้ำ1ต่อ1 ลองใช้ชุดนี้ก่อนก็ได้ครับราคาไม่สูงมาก ไว้เก่งกว่านี้หน่อยแล้วไปจับ Pinnacleก็ดีครับ^^
ขอบคุณครับน้า ผมลืมเจ้านี้ไปเลย ^^ สั่งไปแล้วครับ ขนาด 150 กรัม สำหรับรถสีขาว

AKNet
12-12-2012, 22:47
ขออนุญาตตอบนะครับ ต้องขึ้นอยู่กับสภาพสีโดยรวมครับ ว่ารอยลึกหรือไม่ แต่ถ้าน้าใช้ compound น้าก็ต้องใช้ตัวที่ละเอียดขึ้นมาเก็บอีกรอบ หรือ 2 รอบอยู่ดี ทีนี้ต้องลง compound ทั้งคันไหม ก็ไม่จำเป็นครับ ถ้ารอยไม่ได้ลึกเท่าไหร่ น้ำยาขัดละเอียดก็สามารถเอาออกได้แล้วครับ อย่างที่บอกถ้าลง compound มันจะต้องเหนื่อยกันหลายรอบครับ ทางที่ดีใช้น้ำยาขัดที่ละเอียดที่สุดที่มีลงดูก่อนครับ ถ้าไม่ออกจึงค่อยขยับเอาตัวที่แรงขึ้นมาใช้
ครับน้า รอยแมวข่วนมันอยู่บนหลังคาอะครับ เป็นรอยเล็บ 3 เล็บเลยครับ ตอนนี้ใช้ PwS ขัด ก็เหลือแค่รอยเดียวเลยไม่ค่อยซีเรียสเท่าไรแล้วครับ ขอบคุณที่ชี้แนะครับ

triton_tierak
13-12-2012, 16:30
ถ้าราคา2500.- เอาไปเทียบ เบอร์21ไม่ได้หรอกครับ ตัวนั้นขายในเน็ตกันอยู่700-900เอง

จะชนกับ2500.- ลองเจอพวก Wolfgang DGPS3.0 หรือ Fuzion ก็ได้ครับคาดว่าจะลืมSeekerไปเลย>_<''
ครับน้า หยากลองวูฟกังตัวที่น้าบอกอยู่เหมือนกัน เห็นบอกว่าเข้ากับสีขาวด้วย
ส่วน Seeker ที่ผมโดนมา 2500 ไม่แน่ใจว่าเป็นราคาตลาดหรือเปล่าวแต่คิดว่าผมน่าโดนฟันหัว ซะมากกว่า 55

toppy
13-12-2012, 21:50
^
^
วูลฟ์กัง....ของซื้อขวดแบ่ง 8oz ครับ ราคาไม่แรงมาก(หาร้านในเว็บนั้นดูนะครับ ไม่ถึง900แน่นอนครับ (ขวดจริงมัน1800.-ครับ16oz))

neauzaa
13-12-2012, 21:56
เข้ามาจด ล้างรถเองเหมือนกันเหนื่อยแต่มีความสุขครับ

Naatsawa
14-12-2012, 15:14
183195

toppy
15-12-2012, 12:12
ขี้นก ยางไม้ คราบน้ำ : ศัตรูร้ายทำลายสีรถ

ถือเป็นข้อควรระวังของคนขับรถนะครับสำหรับของร้ายสามสิ่ง แสลงมากๆกับ Clear coat ของรถ

1.ขี้นก : หลายๆคนอาจจะเคยเจอนกขี้ใส่เนื่องจากเหตุการณ์....ขับๆอยู่มันขี้ใส่ จอดใต้ราวสายไฟ หรือจอดใต้ต้นไม้เจอถล่มด้วยขี้นก....ข้อควรระวังที่สำคัญของขี้นกนะครับ ขี้นกมีความเป็นอันตรายต่อสีรถอย่างมาก....หากทิ้งไว้เกิน2วัน มันจะเกิดการซึมแทรกเข้าไปทำลายชั้นผิวของรถเป็นรอยด่าง ยิ่งทิ้งไว้นานด่างยิ่งลึกครับ

วิธีแก้ไขคือ....เมื่อเจอนกขี้ใส่รีบทำการเช็ดออก (เทคนิคผมคือมีกระดาษทิชชู่กับขวดน้ำในรถเสมอ....เอาทิชชู่ซับน้ำโปะไว้ซักเกือบๆนาทีแล้วค่อยเช็ด เพราะมันแข็งเช็ดยากอาจเป็นรอนยเพิ่ม)....หากเกิดเป็นรอยแล้ว...ทำการภาวนาสวดมนต์เยอะๆบางทีอาจจะใช้Cleanerลูบออก...หากไม่ออกทำใจซะ

ข้อควรระวัง : ห้ามปล่อยไว้นาน ในกรณีเลวร้ายที่สุด....ที่เคยได้ยินมาก็กัดเข้าไปเนื้อสีเล่นซะปูด

ปล.การลงWaxจะช่วยได้บ้าง....แต่ก็เอาไม่ค่อยอยู่นะครับ มันช่วยได้ตรงที่ผิวลื่นเช็ดง่ายครับแล้วก็ยืดระยะเวลาการโดนกัดไปอีกหน่อย

2.ยางไม้ : หลายๆคนชอบที่จะจอด....ใต้ต้นไม้กลางแดดร้อน นั่นแหละครับควรระวังสำหรับยางไม้ ร้ายพอๆกับขี้นก แถมอาจจะมาเป็นหลายตำแหน่งเป็นชุดแต่งรอบคันให้กับผู้เป็นเจ้าของรถ....ทำเหมือนขี้นกครับ รีบๆเอาออก ถ้าเยอะมากเข้าคาร์แคร์ล้างด่วนครับ มันกัดสีผิวด่างได้พอกัน

3.คราบน้ำ : หลายๆคนอาจจะไม่ชิน....คราบน้ำมักจะเกิดจากการที่ตัวรถมีน้ำอยู่บนผิวแล้วเราปล่อยให้มันระเหยแห้งไปเอง มันจะเกิดการตกตะกอนของคราบหินปูนบนผิวครับ เป็นวงเหมือนวงน้ำเลย รถสีเข้มจะสังเกตุง่าย.....โดยเฉพาะน้ำประปา ใครชอบเอาน้ำสาดรถแล้วไม่เช็ดแห้งระวังไว้เลยครับ ตัวดีเลย (น้ำฝนก็มีโอกาสเกิดแต่ไม่รุนแรงเท่านะจ๊ะ)

วิธีแก้ไข : ลองลงCleanerดู.....หากไม่ออกลองน้ำส้มสายชูผสมน้ำดู.....หากไม่ออกขัดสีเป็นคำตอบสุดท้ายครับ555

AKNet
15-12-2012, 13:00
จดๆๆๆ อยากได้คำชี้แนะเรื่อง claybar อีกนิดครับ ความถี่ในการใช้งานอะครับ นานๆลูบครั้ง หรือ เดือนละครั้ง หรือ 3 เดือนลูบครั้ง หรือยังไงครับ

MUNIC
15-12-2012, 13:22
ย้ายไป diy แล้วปักหมุดดีกว่า แบบนี้ น้าหยาม คร๊าบบบ

kasamchai
15-12-2012, 13:34
ผมเอง ใช้ wax ของ 3m paste wax เงาฉ่ำ ครับ

AKNet
15-12-2012, 13:39
ผมเอง ใช้ wax ของ 3m paste wax เงาฉ่ำ ครับ
น้าเกษมลงคลีนเนอร์หรือพรีแว๊กก่อนลงแว๊กมั้ยครับ ผมลองลงทั้ง2อย่าง รถขาวขึ้นจริงๆ ยิ่งจอดกลางแดดขาวแสบตาเลยครับ วันนี้เพิ่งจะได้ดินน้ำมันมา กะว่าวันไหนฝนไม่ตกจะลองล้าง>claybar>Pre wax>wax or sealant ดูครับ อยากรู้ว่าจะขาวได้ขนาดไหน

toppy
15-12-2012, 15:22
จดๆๆๆ อยากได้คำชี้แนะเรื่อง claybar อีกนิดครับ ความถี่ในการใช้งานอะครับ นานๆลูบครั้ง หรือ เดือนละครั้ง หรือ 3 เดือนลูบครั้ง หรือยังไงครับ

ตามทฤษฏี....เขาบอกว่า ลูบทุกเดือน / บางทฤษฏีบอกว่าถ้าลูบรถแล้วรู้สึกสาก

ตามปฏิบัติ การลูบดินน้้ำมัน จะกินเวลากับการลงCleanerแบบละเอียดๆ(ค่อยๆปั่น) ก็ประมาณ2-2.5เท่าของการลงWaxแบบใช้เครื่อง / ความเหนื่อยมากกว่าหลายเท่า

ฉะนั้น....ถ้ามีเวลาล้างรถประมาณ 4-6 ชั่วโมง ค่อยลงClaybarครับ(รอบไหนลงClayผมชอบลงCleanerด้วย)

จริงๆถ้าล้างรถบ่อยๆ มันจะอยู่ประมาณ 2-3 เดือน ลงดินน้ำมันทีนึงอะครับ ถ้าเก็บในที่ร้อนอย่าลืมเอาดินน้ำมันมาบีบๆเล่นบางทีด้วยนะครับ

toppy
15-12-2012, 15:24
ผมเอง ใช้ wax ของ 3m paste wax เงาฉ่ำ ครับ

ถ้าบอกตัวนี้เงาฉ่ำ.....เจอ3M marine เข้าไป ฉ่ำกว่านี้อีกครับ

3M paste wax ตัวกระป๋องเหลืองดำ จริงๆเป็นWaxแนวเริ่มต้นครับ ให้งานในลักษณะกลางๆ ความทนทานกลางๆ.....มาพร้อมกับราคาที่ค่อนข้างถูก และใช้ได้นาน มือใหม่ค่อนข้างเหมาะ^^.......ปัญหาคือกว่าจะใช้หมดมันจะเบื่อก่อน ฉะนั้นแนะนำหารกระป๋องเดียวกันเพื่อน3-4คนแล้วแบ่งกันใช้ครับ5555

toppy
15-12-2012, 15:36
เห็นมีคนได้ Claybar มาใช้แล้วขอเสนอแนะวิธีใช้งานนะครับ

วิธีการใช้งาน Clay bar(ดินน้ำมัน)

1. นวดดินน้ำมันให้นิ่มพอประมาณ....นวดไปเรื่อยๆประมาณ3-5นาทีครับ ให้มันนิ่ม

2. แผ่ดินน้ำมันเป็นแผ่น (ไม่ต้องบางเฉียบนะครับ หนาซักประมาณ3-4มิลลิเมตร)

3. อย่าลืมตัวหล่อลื่นมีดังนี้
3.1 Clay lubricant ตรงตามการใช้งาน ดึงคราบดีที่สุด ราคาแพงสุดเช่นกันครับ
3.2 Detailer แล้วแต่ยี่ห้อเลยครับ มันจะลื่นกว่าน้ำยาหล่อลื่นโดยตรงอาจดึงคราบด้อยกว่าแต่ราคาจะประหยัดกว่าแถมใช้เป็นDetailerธรรมดาฉีดได้ด้วย
MG quik detailer ผมใช้ตัวนี้พรมหนักๆแล้วลูบเลย(หรือผสม1:1 ก็ได้) / MG last touch ให้ผสม 1 : 1 แล้วค่อยลูบ
CG pro detailer พอใช้ได้แต่ไม่แนะนำเท่าไหร่ อาจจะผสม น้ำยา1 : น้ำ2 / speed wipe ผสมประมาณ 1 : 1 หรือ 1 : 2 (ตัวนี้มันลื่น)
Optimum ไม่แน่ใจ แต่ปรกติจะผสมจากที่มันเป็นDetailerลงไปอีก 1 เท่า
3.3 แชมพูล้างรถผสมน้ำ : สูตรสุดประหยัดครับ เอาแค่พอลื่นๆไม่ต้องเยอะมาก

4. สเปรย์น้ำยาบนลงพื้นที่ผิวให้ทั่ว ให้ทั่วนะครับ แล้ววางดินน้ำมันที่แผ่แล้ว.....กดเบาๆ แล้วลูบไปให้ทั่ว ลูบแบบถูๆไปเรื่อยๆ ออกน้ำหนักไม่ต้องมากนะครับกลางๆ (ถ้ามันติดหนึบ แปลว่าน้ำยาน้อยไปนะครับ มันจะเป็นรอยดินน้ำมันติดบนผิวได้ ให้สเปรย์น้ำยาลงเพิ่ม)

5. หากพบบางจุดมันเอาไม่ออกค่อยลองลูบแบบไม่ต้องลงน้ำยา เช่น รอยละอองสี อาจจะออกแรงหนักหน่อย หรืออาจจะสเปรย์น้ำยาน้อยหน่อย

6. ทำให้ทั่วทั้งคันรถ

ข้อควรระวัง

- ควรแบ่งดินน้ำมันใช้กับท่อนบนท่อนล่างของรถให้ดี
- หากมีรอยยางมะตอย ไม่ควรลูบดินน้ำมัน ควรหาวิธีเอาคราบยางมะตอยออกก่อน
- ห้ามทำหล่นพื้นเด็ดขาด
- หากหล่นพื้น ให้เอาคัตเตอร์ฝานส่วนที่สัมผัสพื้นออกก่อนครับ
- หากหล่นแบบกลิ้งๆๆๆลงไปบนพื้น.....ทิ้งไปเหอะครับ-__-''

การเก็บรักษา หากล่องใส่ที่มันสามารถใส่น้ำได้ ปั้นกลมๆโยนมันลงไปแล้วสเปรย์น้ำยาใส่ซัก2-3ที แล้วปิดฝาครับ

AKNet
15-12-2012, 19:37
ขอบคุณมากครับน้า

ปล.น้าหยามปักหมุดไว้ก็ดีนะครับกระทู้มีสาระและประโยชน์อย่างนี้

triton_tierak
17-12-2012, 15:26
สุดยอดมากครับน้า เจอเซียนตัวจริงแล้ว(ไว้ปรึกษา) อิอิ
เห็นด้วยกับการปักหมุดครับ

ปล.น้า toppy เป็นทีมงาน หรือ MOD ใน TWCC หรือเปล่าครับ

toppy
18-12-2012, 11:45
^
ไม่ได้เป็นMODครับ เป็นสมาชิกธรรมดาครับ^^ ใช้ชื่อเดียวกันนี่แหละครับ

อาศัยลองผิดลองถูกแอบอ่านเยอะๆอะครับ.....พออ่านไปอ่านมามันจะตกผลึกว่าคำตอบมันจะมีอยู่ไม่อย่าง...จะตกยุคก็พวกWaxตัวใหม่ๆหรืออะไรที่เพิ่งออก หรืออะไรที่เขาเพิ่งจะฮิตกันทำนองนั้นครับ เมื่อก่อนอ่านทุกวันเกือบปีได้ หลังๆนี้อาทิตย์ละครั้ง หรือไม่ก็มีปัญหาอะไรแปลกๆค่อยไปลองเสิร์จครับ

Waxกองที่บ้านอยู่รวมๆกับอุปกรณ์น่าจะเกือบๆสองหมื่นได้ละครับ คอนแรกๆอยากลองอะไรซื้อๆๆๆ....ปรากฏใช้ไม่ทันเละคาขวดไปก็มี หลังๆเลยแบ่งเอาค่อยๆใช้

Rotaryที่บ้านก็มีครับ เคยเอาไปขัดรถคุณพ่อ....ทำสีไหม้คามือก็เคย555 ประสบการณ์มันสอนเองครับว่าควรใช้ยังไง....แค่โดนด่าอีกหน่อย ฮือๆๆ

boy129
18-12-2012, 12:35
เห็นมีคนได้ Claybar มาใช้แล้วขอเสนอแนะวิธีใช้งานนะครับ

วิธีการใช้งาน Clay bar(ดินน้ำมัน)

1. นวดดินน้ำมันให้นิ่มพอประมาณ....นวดไปเรื่อยๆประมาณ3-5นาทีครับ ให้มันนิ่ม

2. แผ่ดินน้ำมันเป็นแผ่น (ไม่ต้องบางเฉียบนะครับ หนาซักประมาณ3-4มิลลิเมตร)

3. อย่าลืมตัวหล่อลื่นมีดังนี้
3.1 Clay lubricant ตรงตามการใช้งาน ดึงคราบดีที่สุด ราคาแพงสุดเช่นกันครับ
3.2 Detailer แล้วแต่ยี่ห้อเลยครับ มันจะลื่นกว่าน้ำยาหล่อลื่นโดยตรงอาจดึงคราบด้อยกว่าแต่ราคาจะประหยัดกว่าแถมใช้เป็นDetailerธรรมดาฉีดได้ด้วย
MG quik detailer ผมใช้ตัวนี้พรมหนักๆแล้วลูบเลย(หรือผสม1:1 ก็ได้) / MG last touch ให้ผสม 1 : 1 แล้วค่อยลูบ
CG pro detailer พอใช้ได้แต่ไม่แนะนำเท่าไหร่ อาจจะผสม น้ำยา1 : น้ำ2 / speed wipe ผสมประมาณ 1 : 1 หรือ 1 : 2 (ตัวนี้มันลื่น)
Optimum ไม่แน่ใจ แต่ปรกติจะผสมจากที่มันเป็นDetailerลงไปอีก 1 เท่า
3.3 แชมพูล้างรถผสมน้ำ : สูตรสุดประหยัดครับ เอาแค่พอลื่นๆไม่ต้องเยอะมาก

4. สเปรย์น้ำยาบนลงพื้นที่ผิวให้ทั่ว ให้ทั่วนะครับ แล้ววางดินน้ำมันที่แผ่แล้ว.....กดเบาๆ แล้วลูบไปให้ทั่ว ลูบแบบถูๆไปเรื่อยๆ ออกน้ำหนักไม่ต้องมากนะครับกลางๆ (ถ้ามันติดหนึบ แปลว่าน้ำยาน้อยไปนะครับ มันจะเป็นรอยดินน้ำมันติดบนผิวได้ ให้สเปรย์น้ำยาลงเพิ่ม)

5. หากพบบางจุดมันเอาไม่ออกค่อยลองลูบแบบไม่ต้องลงน้ำยา เช่น รอยละอองสี อาจจะออกแรงหนักหน่อย หรืออาจจะสเปรย์น้ำยาน้อยหน่อย

6. ทำให้ทั่วทั้งคันรถ

ข้อควรระวัง

- ควรแบ่งดินน้ำมันใช้กับท่อนบนท่อนล่างของรถให้ดี
- หากมีรอยยางมะตอย ไม่ควรลูบดินน้ำมัน ควรหาวิธีเอาคราบยางมะตอยออกก่อน
- ห้ามทำหล่นพื้นเด็ดขาด
- หากหล่นพื้น ให้เอาคัตเตอร์ฝานส่วนที่สัมผัสพื้นออกก่อนครับ
- หากหล่นแบบกลิ้งๆๆๆลงไปบนพื้น.....ทิ้งไปเหอะครับ-__-''

การเก็บรักษา หากล่องใส่ที่มันสามารถใส่น้ำได้ ปั้นกลมๆโยนมันลงไปแล้วสเปรย์น้ำยาใส่ซัก2-3ที แล้วปิดฝาครับ


น้าครับดินน้ำมันเราจะหาซื้อได้ที่ไหนครับ.....แล้วน้ำยาเป็นน้ำยาประเภทไหนอะครับ..

toppy
18-12-2012, 13:02
สั่งในเน็ตครับ ถ้าในเว็บก็พวกเว็บ TWCC (ใช้คำนี้เสิจดูในgoogle)

คลองถมก็มีบางร้านครับ ถ้าคลองถมของพวกSoft99 ราคาจะไม่เกินก้อนละ450.-

น้ำยามีหลายอย่างครับตามที่เขียนด้านบนเลย

ดีสุด : Clay lubricant
ดี : Detailer ประเภทต่างๆ
พอใช้ : แชมพูผสมน้ำ

decskong
21-12-2012, 09:01
ขอบคุณครับน้า

AKNet
28-12-2012, 12:12
185734185735สภาพดินน้ำมันหลังจากลูบบนหลังคา185736ประกายมุกเด่นชัดขึ้นหลังจากPrewax+Waxแล้ว185737185738มาดูความเงาของฝากระโปรงหน้า185739185740ล้างรถรอบนี้เหนื่อยมาก ล้าง+ลูบดินน้ำมัน+Prewax+Wax