webmaster
10-08-2008, 15:28
เครื่องขยายเสียงเราจะเลือกอย่างไร ถ้าคุณเป็นคนที่ต้องการที่จะเปิดเพลงให้ดังสนั่นห้องโดยสารการใช้เครื่องขยายเสียง (power amp) เข้ามาช่วยมีส่วนอย่างมากในการช่วยเพิ่งขอบเขตของเสียง แต่ power amp ที่มีขายในท้องตลาดทั่วไปนั้น จะสามารถสามารถทำได้มากกว่าการขยายเสียง อย่างไรมาดูกันครับ
สิ่งแรกที่ต้องมองก็คือ
http://www.thaitritonclub.com/forum/attachment.php?attachmentid=16109&stc=1&d=1218356373
ถ้าคุณใช้ Power amp ของคุณ สำหรับการขับ ลำโพง subwoofer ซึ่ง ถูกออกแบบ (specifically) มาสำหรับการขับความถี่ต่ำเพื่อที่จะทำการ boost สัญญาณเสียง และการผ่านวงจรกรองต่ำ ซึ่งต้องใช้ พลังมากมาย ซึ่งจะทำให้เกิดความร้อน heat มากกว่า amps โดยทั่วไป มีทาง หลายทางที่จะแก้ไขระบบเสียงสเตริโอซึ่ง รถยนต์ส่วนมาก โดยทั่วไปการฟังเพลง คุณสามารถใช้ช่องสัญญาณ 2 ช่อง amp สำหรับการฟังลำโพงทั่วไปได้ 2 ตัวหรือกับ subwoofer หรือถ้าเราใช้power amp แบบ ช่องสัญญาณ 4 ช่อง amp จะขับลำโพงได้ 4 ตัว sub 2 ตัว หรือลำโพง 2 ตัวและ sub 1 ตัว
http://www.thaitritonclub.com/forum/attachment.php?attachmentid=16107&stc=1&d=1218356373
ถ้าคุณวางแผน ที่จะติดตั้งsubwoofer เข้ากับระบบของคุณให้เลือกpower ampที่มีวงจร bass boost circuit และมีส่วนของ a built-in low-pass filter. เพื่อให้สามารถทำการปรับแต่งและเพิ่ม เติมเสียง bass ได้อย่างง่ายดาย ด้วยวงจร lowpass ทำการกรองเสียง bass ส่งสัญญาณความถี่ต่ำเข้าลำโพง sub โดยตรงทำให้เราได้ยินเสียงbass ที่ชัดเจนมากขึ้น หรือถ้าหากว่ายังจะต้องการเสียง bass ที่มากขึ้นอีก ก็คงต้องหา power amp ที่สามารถให้กำลังได้มากว่าเดิมและสามารถขับเสียงย่านความถี่ต่ำได้ดีนั่นก็คือ poweramp แบบ class D ซึ่ง จะให้กำลังขับมากกว่า power amp แบบ class AB ทั่วไป แต่อย่าลืมว่า ถ้ามีกำลังขยายมากขึ้นการติดตั้งก็ต้องระวังมากขึ้นด้วย เพราะว่าจะเกิดความร้อนขึ้นตาม มาที่ตัว power amp ฉะนั้นคงต้องหาตำแหน่งที่ติดตั้ง ให้สามารถระบายอากาศได้ดียิ่งขึ้นด้วยนครับ
หากpower ampที่คุณเลือกมีวงจร high-pass filter ก็จะสามารถตัดแบ่งย่านความถี่ให้กับลำโพงได้อีกชุดหนึ่งด้วยเพื่อลด ความเพี้ยนที่เกิดจากการที่ลำโพงต้องตอบสนองความถี่ตลอดย่านโดยเฉพาะย่านควาถี่ต่ำซึ่งตัวลำโพงขนาด6 นิ้วหรือ5 นิ้วทั่วไปนั้น ไม่สามารถที่จะตอบสนองได้ครบอยู่แล้ว และหากไม่มีวงจรกรองความถี่สูงเข้ามาช่วย ก็อาจจะทำให้ลำโพงทำงานหนักเกิน ไปและเกิด distortion. ขึ้นได้อันจะสร้างความเสียหายให้กับตัว speaker และ power amp ตามมาถ้าหากคุณต้องการที่จะใช้ Power amp หลายตัวผมแนะนำให้หา pre amp ที่สามารถจ่ายสัญญาณ out put ได้หลาย output เพื่อที่จะทำการต่อเข้ากับ power amp แต่ละตัว ได้อย่างอิสละจากกัน
http://www.thaitritonclub.com/forum/attachment.php?attachmentid=16108&stc=1&d=1218356373
เอาละครับหวังว่าคราวนี้จะเป็นทางเลือกและเป็นความรู้ไม่มากก็น้อยสำหรับคนที่ยังไม่ค่อยรู้เรื่องของระบบเครื่องเสียง หรือการเลือกซื้อเลือกหา power amp เข้ามาไว้ในระบบ คราวหน้า ผมจะมาแนะนำเทคนิคการติดตั้ง power ampและการเลือกใช้ สาย power รับรองว่า ครั้งหน้า จะสนุกกว่านี้แน่นอง ฉบับนี้ ขอลาไปพร้อมกับความอลหม่านเช่นเคย ฉบับนี้ขอบายไปก่อนครับ เครื่องบินจะออกแล้ว
http://www.thaitritonclub.com/forum/attachment.php?attachmentid=16106&stc=1&d=1218356373
------------------------
ขอขอบคุณบทความจาก: http://www.caraudiomagonline.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=132507&Ntype=1
สิ่งแรกที่ต้องมองก็คือ
http://www.thaitritonclub.com/forum/attachment.php?attachmentid=16109&stc=1&d=1218356373
ถ้าคุณใช้ Power amp ของคุณ สำหรับการขับ ลำโพง subwoofer ซึ่ง ถูกออกแบบ (specifically) มาสำหรับการขับความถี่ต่ำเพื่อที่จะทำการ boost สัญญาณเสียง และการผ่านวงจรกรองต่ำ ซึ่งต้องใช้ พลังมากมาย ซึ่งจะทำให้เกิดความร้อน heat มากกว่า amps โดยทั่วไป มีทาง หลายทางที่จะแก้ไขระบบเสียงสเตริโอซึ่ง รถยนต์ส่วนมาก โดยทั่วไปการฟังเพลง คุณสามารถใช้ช่องสัญญาณ 2 ช่อง amp สำหรับการฟังลำโพงทั่วไปได้ 2 ตัวหรือกับ subwoofer หรือถ้าเราใช้power amp แบบ ช่องสัญญาณ 4 ช่อง amp จะขับลำโพงได้ 4 ตัว sub 2 ตัว หรือลำโพง 2 ตัวและ sub 1 ตัว
http://www.thaitritonclub.com/forum/attachment.php?attachmentid=16107&stc=1&d=1218356373
ถ้าคุณวางแผน ที่จะติดตั้งsubwoofer เข้ากับระบบของคุณให้เลือกpower ampที่มีวงจร bass boost circuit และมีส่วนของ a built-in low-pass filter. เพื่อให้สามารถทำการปรับแต่งและเพิ่ม เติมเสียง bass ได้อย่างง่ายดาย ด้วยวงจร lowpass ทำการกรองเสียง bass ส่งสัญญาณความถี่ต่ำเข้าลำโพง sub โดยตรงทำให้เราได้ยินเสียงbass ที่ชัดเจนมากขึ้น หรือถ้าหากว่ายังจะต้องการเสียง bass ที่มากขึ้นอีก ก็คงต้องหา power amp ที่สามารถให้กำลังได้มากว่าเดิมและสามารถขับเสียงย่านความถี่ต่ำได้ดีนั่นก็คือ poweramp แบบ class D ซึ่ง จะให้กำลังขับมากกว่า power amp แบบ class AB ทั่วไป แต่อย่าลืมว่า ถ้ามีกำลังขยายมากขึ้นการติดตั้งก็ต้องระวังมากขึ้นด้วย เพราะว่าจะเกิดความร้อนขึ้นตาม มาที่ตัว power amp ฉะนั้นคงต้องหาตำแหน่งที่ติดตั้ง ให้สามารถระบายอากาศได้ดียิ่งขึ้นด้วยนครับ
หากpower ampที่คุณเลือกมีวงจร high-pass filter ก็จะสามารถตัดแบ่งย่านความถี่ให้กับลำโพงได้อีกชุดหนึ่งด้วยเพื่อลด ความเพี้ยนที่เกิดจากการที่ลำโพงต้องตอบสนองความถี่ตลอดย่านโดยเฉพาะย่านควาถี่ต่ำซึ่งตัวลำโพงขนาด6 นิ้วหรือ5 นิ้วทั่วไปนั้น ไม่สามารถที่จะตอบสนองได้ครบอยู่แล้ว และหากไม่มีวงจรกรองความถี่สูงเข้ามาช่วย ก็อาจจะทำให้ลำโพงทำงานหนักเกิน ไปและเกิด distortion. ขึ้นได้อันจะสร้างความเสียหายให้กับตัว speaker และ power amp ตามมาถ้าหากคุณต้องการที่จะใช้ Power amp หลายตัวผมแนะนำให้หา pre amp ที่สามารถจ่ายสัญญาณ out put ได้หลาย output เพื่อที่จะทำการต่อเข้ากับ power amp แต่ละตัว ได้อย่างอิสละจากกัน
http://www.thaitritonclub.com/forum/attachment.php?attachmentid=16108&stc=1&d=1218356373
เอาละครับหวังว่าคราวนี้จะเป็นทางเลือกและเป็นความรู้ไม่มากก็น้อยสำหรับคนที่ยังไม่ค่อยรู้เรื่องของระบบเครื่องเสียง หรือการเลือกซื้อเลือกหา power amp เข้ามาไว้ในระบบ คราวหน้า ผมจะมาแนะนำเทคนิคการติดตั้ง power ampและการเลือกใช้ สาย power รับรองว่า ครั้งหน้า จะสนุกกว่านี้แน่นอง ฉบับนี้ ขอลาไปพร้อมกับความอลหม่านเช่นเคย ฉบับนี้ขอบายไปก่อนครับ เครื่องบินจะออกแล้ว
http://www.thaitritonclub.com/forum/attachment.php?attachmentid=16106&stc=1&d=1218356373
------------------------
ขอขอบคุณบทความจาก: http://www.caraudiomagonline.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=132507&Ntype=1