King_lampang
18-07-2013, 10:55
213495
ฉันเดินเล่นอยู่ในห้าง ขณะที่เดินผ่านแคชเชียร์แผนกตุ๊กตา ก็ได้ยินพนักงานพูดกับเด็กชายตัวน้อยๆว่า "เงินไม่ครบนะจ๊ะ ไปหาเงินให้ครบก่อนแล้วค่อยมาซื้อใหม่" เด็กชายตอบว่า "ช่วยลองนับใหม่อีกทีได้เปล่าครับ" แคชเชียร์ก็ลองนับดู ซึ่งก็ไม่ครบเหมือนเดิม จึงบอกเด็กน้อยว่า "เงินมันไม่ครบจ๊ะ ไว้มีครบค่อยมาใหม่นะจ๊ะ" เด็กน้อยยังคงถือตุ๊กตาไว้ "ฉันจึงเข้าไปถามเด็กน้อยว่าหนูอยากได้มากเลยเหรอ" เด็กน้อยตอบกลับมาว่า "พี่สาวผม เค้าชอบและอยากได้ตุ๊กตาตัวนี้มากครับ" "ผมต้องการให้เป็นของขวัญวันเกิดพี่ ผมจะเอาไปให้แม่ เพราะแม่สามารถเอาไปให้พี่เค้าได้" เด็กน้อยแววตาเต็มไปด้วยความโศรกเศร้า และพูดต่อว่า "พี่สาวผม เค้าไปอยู่กับพระเจ้าแล้ว..." "พ่อผมบอกว่า แม่ ก็กำลังจะตามไปเร็วๆนี้ ผมเลยตั้งใจจะฝากแม่ผมไปให้พี่" ฉันฟังแล้วหัวใจแทบหยุดเต้น เด็กน้อยมองมาที่ฉัน และพูดต่อ "ผมบอกพ่อว่า อย่าเพิ่งให้แม่ไปจนกว่าผมจะกลับมาจากห้าง" จากนั้นเด็กน้อยให้ดูรูปๆหนึ่ง เป็นรูปของเขากับพี่สาวกำลังหัวเราะกันอย่างมีความสุข แล้วเล่าต่อว่า "ผมอยากเอารูปนี้ ฝากให้แม่ไปด้วย เอาไปให้พี่สาวผม เค้าจะได้ไม่ลืมผม" "ผมไม่อยากให้แม่จากไปเลย แต่พ่อบอกว่าแม่ต้องไปหาพี่" พูดจบเด็กน้อยก็ก้มมองตุ๊กตาด้วยใบหน้าน้ำตาไหลนอง ทุกอย่างนิ่งเงียบสนิท ครั้งตั้งสติได้ ฉันก็ควักกระเป๋าสตางค์ และถามแคชเชียร์ว่า "ยังขาดอีกเท่าไหร่ค่ะ" แล้วฉันก็จ่ายส่วนที่ขาดให้ เด็กน้อยพูดขึ้นมาว่า "ขอบคุณพระเจ้า" เด็กน้อยมาหน้าฉันแล้วเล่าให้ฟังว่า "เมื่อคืน ผมวิงวอนขอจากพระเจ้าให้มีเงินซื้อตุ๊กตานี้เพื่อที่จะฝากให้แม่ไปให้พี่สาวผม และผมยังขอดอกกุหลาบสีขาว ซึ่งแม่ผมชอบมากไว้ด้วย ผมรู้สึกได้ พระเจ้าบอกให้ผมมาที่นี่ แต่ผมไม่ได้ถามอะไรมากไปกว่านั้น"
หลังจากเดินห้างเสร็จ ในหัวฉันคิดวนไปวนมาแต่เรื่องเด็กน้อย และก็นึกขึ้นได้ถึงข่าวในหนังสือพิมพ์ของสองวันก่อน เป็นข่าวอุบัติเหตุรถบรรทุกชนกับรถเก๋ง ในรถเก๋งเด็กหญิงตายในที่เกิดเหตุ และคุณแม่อาการหนัก ส่วนฝ่ายรถบรรทุกบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน ตรวจสอบแล้ว คนขับรถบรรทุกเมาแล้วขับ ซึ่งตอนนี้ คุณพ่อของเด็กหญิงที่ตาย อยู่ที่โรงพยาบาลดูอาการของ แม่เด็กหญิงที่ตาย และตัดสินใจ จะให้หมอ ถอดสายช่วยชีวิตออก เนื่องจากอาการหนักมากๆ ไม่สามารถรักษาได้ ทำได้แค่เพียงรั้งชีวิตไว้ให้ได้นานที่สุด ซึ่งคนไข้ จะทรมานมาก ฉันก็เริ่มคิดว่า คนในข่าวนี้ ใช่ครอบครัวของเด็กน้อยในวันนี้รึเปล่า
สองวันหลังจากนั้น ฉันก็เห็นข่าวว่า คุณแม่คนนั้น ได้เสียชีวิตแล้ว ด้วยความคาใจ ว่าใช่ครอบครัวของเด็กน้อยในวันนั้นรึเปล่า ฉันจึงลองหาข้อมูลของผู้ตาย สอบถามจากคนละแวกนั้นว่าผู้ตายทำพิธีศพที่ไหน และฉันก็ตามไปจนเจอ
สิ่งที่ฉันพบจากหลุมฝังศพผู้หญิงในข่าวก็คือ รูปภาพประดับบนโลงศพ เป็นรูปเธอยืนถือช่อกุหลาบสีขาวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างมีความสุข , รูปภาพของเด็กชายกับเด็กหญิง กำลังหัวเราะกันอย่างร่าเริง และ ตุ๊กตาหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับตัวที่เด็กน้อยซื้อไปในวันนั้น ฉันเดินออกจากสถานที่นั้น ด้วยความรู้สึกเหมือนมีใครมาบีบหัวใจไว้ และไม่อยากจะเชื่อ ว่าเด็กน้อยคนนั้นจะเป็นลูกของเธอจริงๆ ได้แต่คิดถึงความรักของเด็กน้อยที่มีต่อแม่ และพี่สาวของเขา และสิ่งที่ทำลายทุกอย่างของเด็กน้อยผู้นี้ คือ ความเห็นแก่ตัว ของผู้ที่ เมาแล้วขับ มันทำลายทุกอย่างไปจากเขา
ถ้าดื่มได้โปรด อย่าขับเลย
ตอนนี้คุณมีทางเลือก 2 ทาง
1 ช่วยกันส่งต่อเรื่องนี้ หรือ
2 ไม่ต้องสนใจ
**** เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่ประเทศอังกฤษ ****
ฉันเดินเล่นอยู่ในห้าง ขณะที่เดินผ่านแคชเชียร์แผนกตุ๊กตา ก็ได้ยินพนักงานพูดกับเด็กชายตัวน้อยๆว่า "เงินไม่ครบนะจ๊ะ ไปหาเงินให้ครบก่อนแล้วค่อยมาซื้อใหม่" เด็กชายตอบว่า "ช่วยลองนับใหม่อีกทีได้เปล่าครับ" แคชเชียร์ก็ลองนับดู ซึ่งก็ไม่ครบเหมือนเดิม จึงบอกเด็กน้อยว่า "เงินมันไม่ครบจ๊ะ ไว้มีครบค่อยมาใหม่นะจ๊ะ" เด็กน้อยยังคงถือตุ๊กตาไว้ "ฉันจึงเข้าไปถามเด็กน้อยว่าหนูอยากได้มากเลยเหรอ" เด็กน้อยตอบกลับมาว่า "พี่สาวผม เค้าชอบและอยากได้ตุ๊กตาตัวนี้มากครับ" "ผมต้องการให้เป็นของขวัญวันเกิดพี่ ผมจะเอาไปให้แม่ เพราะแม่สามารถเอาไปให้พี่เค้าได้" เด็กน้อยแววตาเต็มไปด้วยความโศรกเศร้า และพูดต่อว่า "พี่สาวผม เค้าไปอยู่กับพระเจ้าแล้ว..." "พ่อผมบอกว่า แม่ ก็กำลังจะตามไปเร็วๆนี้ ผมเลยตั้งใจจะฝากแม่ผมไปให้พี่" ฉันฟังแล้วหัวใจแทบหยุดเต้น เด็กน้อยมองมาที่ฉัน และพูดต่อ "ผมบอกพ่อว่า อย่าเพิ่งให้แม่ไปจนกว่าผมจะกลับมาจากห้าง" จากนั้นเด็กน้อยให้ดูรูปๆหนึ่ง เป็นรูปของเขากับพี่สาวกำลังหัวเราะกันอย่างมีความสุข แล้วเล่าต่อว่า "ผมอยากเอารูปนี้ ฝากให้แม่ไปด้วย เอาไปให้พี่สาวผม เค้าจะได้ไม่ลืมผม" "ผมไม่อยากให้แม่จากไปเลย แต่พ่อบอกว่าแม่ต้องไปหาพี่" พูดจบเด็กน้อยก็ก้มมองตุ๊กตาด้วยใบหน้าน้ำตาไหลนอง ทุกอย่างนิ่งเงียบสนิท ครั้งตั้งสติได้ ฉันก็ควักกระเป๋าสตางค์ และถามแคชเชียร์ว่า "ยังขาดอีกเท่าไหร่ค่ะ" แล้วฉันก็จ่ายส่วนที่ขาดให้ เด็กน้อยพูดขึ้นมาว่า "ขอบคุณพระเจ้า" เด็กน้อยมาหน้าฉันแล้วเล่าให้ฟังว่า "เมื่อคืน ผมวิงวอนขอจากพระเจ้าให้มีเงินซื้อตุ๊กตานี้เพื่อที่จะฝากให้แม่ไปให้พี่สาวผม และผมยังขอดอกกุหลาบสีขาว ซึ่งแม่ผมชอบมากไว้ด้วย ผมรู้สึกได้ พระเจ้าบอกให้ผมมาที่นี่ แต่ผมไม่ได้ถามอะไรมากไปกว่านั้น"
หลังจากเดินห้างเสร็จ ในหัวฉันคิดวนไปวนมาแต่เรื่องเด็กน้อย และก็นึกขึ้นได้ถึงข่าวในหนังสือพิมพ์ของสองวันก่อน เป็นข่าวอุบัติเหตุรถบรรทุกชนกับรถเก๋ง ในรถเก๋งเด็กหญิงตายในที่เกิดเหตุ และคุณแม่อาการหนัก ส่วนฝ่ายรถบรรทุกบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน ตรวจสอบแล้ว คนขับรถบรรทุกเมาแล้วขับ ซึ่งตอนนี้ คุณพ่อของเด็กหญิงที่ตาย อยู่ที่โรงพยาบาลดูอาการของ แม่เด็กหญิงที่ตาย และตัดสินใจ จะให้หมอ ถอดสายช่วยชีวิตออก เนื่องจากอาการหนักมากๆ ไม่สามารถรักษาได้ ทำได้แค่เพียงรั้งชีวิตไว้ให้ได้นานที่สุด ซึ่งคนไข้ จะทรมานมาก ฉันก็เริ่มคิดว่า คนในข่าวนี้ ใช่ครอบครัวของเด็กน้อยในวันนี้รึเปล่า
สองวันหลังจากนั้น ฉันก็เห็นข่าวว่า คุณแม่คนนั้น ได้เสียชีวิตแล้ว ด้วยความคาใจ ว่าใช่ครอบครัวของเด็กน้อยในวันนั้นรึเปล่า ฉันจึงลองหาข้อมูลของผู้ตาย สอบถามจากคนละแวกนั้นว่าผู้ตายทำพิธีศพที่ไหน และฉันก็ตามไปจนเจอ
สิ่งที่ฉันพบจากหลุมฝังศพผู้หญิงในข่าวก็คือ รูปภาพประดับบนโลงศพ เป็นรูปเธอยืนถือช่อกุหลาบสีขาวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างมีความสุข , รูปภาพของเด็กชายกับเด็กหญิง กำลังหัวเราะกันอย่างร่าเริง และ ตุ๊กตาหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับตัวที่เด็กน้อยซื้อไปในวันนั้น ฉันเดินออกจากสถานที่นั้น ด้วยความรู้สึกเหมือนมีใครมาบีบหัวใจไว้ และไม่อยากจะเชื่อ ว่าเด็กน้อยคนนั้นจะเป็นลูกของเธอจริงๆ ได้แต่คิดถึงความรักของเด็กน้อยที่มีต่อแม่ และพี่สาวของเขา และสิ่งที่ทำลายทุกอย่างของเด็กน้อยผู้นี้ คือ ความเห็นแก่ตัว ของผู้ที่ เมาแล้วขับ มันทำลายทุกอย่างไปจากเขา
ถ้าดื่มได้โปรด อย่าขับเลย
ตอนนี้คุณมีทางเลือก 2 ทาง
1 ช่วยกันส่งต่อเรื่องนี้ หรือ
2 ไม่ต้องสนใจ
**** เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่ประเทศอังกฤษ ****