ปิงปอง
13-08-2013, 16:12
ความเดิม http://www.thaitritonclub.com/forum/showthread.php?t=55749
ต้องขออภัยด้วยค่ะที่ update ช้าเนื่องจากติดธุระอยู่หลายวัน แต่ยังไงก็ต้องเข้ามารายงานผลให้ทราบค่ะ...
Update ผลการเจรจาที่สคบ.รอบ 2 เมื่อวันที่ 8 สค.ที่ผ่านมาค่ะ อืมผลออกมาก็คงเป็นที่น่าพอใจ ...แต่ฝ่ายที่พอใจน่าจะเป็นฝ่ายผู้ผลิตเสียมากกว่าน่ะค่ะ... นั่นหมายความว่าปัญหาข้อบกพร่องชำรุดของรถเราไม่เข้าข่ายที่จะเปลี่ยนหรือคืนรถได้
โดยคณะกรรมการที่มีซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์1ท่าน ตัวแทนจากอู่กลาง1ท่าน ตัวแทนฝ่ายกฎหมาย1ท่าน ตัวแทนจากสภาอุตสาหกรรม1ท่าน และนอกนั้นเป็นคณะอนุกรรมการอีกประมาณ4ท่าน(จำไม่ได้ว่ามาจากไหนบ้างค่ะ) เริ่มแรกคณะกรรมการได้บอกถึงกฎเกณฑ์ที่จะเข้าข่ายสามารถเปลี่ยนรถได้ และความเป็นไปได้ที่จะชนะในกรณีที่ต้องขึ้นศาล อันได้แก่ความบกพร่องชำรุดของรถยนต์ที่มีผลต่อความปลอดภัยของชีวิต เน้นน่ะว่าต้องต่อชีวิตเท่านั้นต่อจิตใจหรือต่ออย่างอื่น...เหตุผลไม่เพียงพอค่ะ..ต่อชีวิตก็เข้าข่าย4ข้อนี้คือ
1.ระบบเบรกคือเหยียบเบรกแล้วรถไม่หยุด 2.การที่เราเลี้ยวรถ30องศาแต่รถกลับเลี้ยวไป 40องศา 3.สั่งให้เลี่ยวขวาแล้วไม่เลี้ยว และ4.รถเร่งแซงไม่ขึ้นขณะแซง ถ้ารถชำรุดเข้าข่าย4ข้อนี้ สามารถฟ้องขอเปลี่ยนคันได้แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราอาจจะต้องยอมให้ทางศูนย์ได้ทำการซ่อมและแก้ไขเป็นอันดับแรกเสียก่อน หากแก้ไขไม่ได้ก็เข้าข่ายที่ผู้ผลิตจะต้องเปลี่ยนรถคันใหม่ให้
แต่สำหรับปัญหาข้อบกพร่องชำรุดอย่างอื่นที่ไม่มีความรุนแรงต่อความปลอดภัยของชีวิต แม้ว่ามันจะเกิดขึ้นกับรถของท่านหลายจุดก็ตาม ท่านก็คงต้องทำใจยอมรับสภาพให้ศูนย์ซ่อมและทำการแก้ไขเปลี่ยนอุปกรณ์ที่บกพร่องชำรุดออกไป เช่น สีเพี้ยน น้ำมันเครื่องรั่ว น้ำมันเกียร์ซึม เสียงดังตามจุดต่างๆ เป็นต้น
และแม้ว่ารถของท่านจะถูกรื้อไปกี่รอบท่านก็ต้องทำใจยอมรับมันให้ได้(ประมาณว่าดวงผู้ซื้อไม่ดีเอง)อีกทั้งการรื้อหลายรอบก็ไม่ได้มีผลต่อประสิทธิภาพการใช้งานของรถ(ผู้เชี่ยวชาญบอกมา) สำหรับเหตุผลที่คณะกรรมการจะฟังคือปัญหาความชำรุดบกพร่องที่เกิดขึ้นแล้ว ห้ามคาดการณ์ ห้ามเอาปัญหาที่คิดว่าจะเกิดหรือสิ่งที่ท่านกลัวว่าจะเกิดในวันข้างหน้ามาพูดเพราะคณะกรรมการจะไม่รับฟัง เช่น ท่านอ้างว่ารถของท่านมีความชำรุดบกพร่องหลายจุดตั้งแต่ซื้อมา ดังนั้นท่านจึงยื่นขอเปลี่ยนรถเพราะกลัวว่าในอนาคตจะมีปัญหาอื่นๆเกิดตามมา เหตุผลนี้ฟังไม่ขึ้นเพราะปัญหามันยังไม่ได้เกิดขึ้น และเนื่องจากรถไม่ได้เป็นสินค้าควบคุณคุณภาพดังนั้นอาจจะมีความชำรุดบกพร่องเกิดขึ้นได้ ซึ่งท่านก็ต้องทำใจยอมรับให้ได้เช่นกัน
เอาง่ายๆถ้ารถของท่านยังอยู่ในประกันท่านก็ต้องยอมให้ศูนย์ซ่อมไปเถอะ ยอมเสียเวลาหน่อยถึงแม่ว่าบริษัทผู้ผลิตจะยอมรับว่ามันเป็นความบกพร่องจากกระบวนการผลิตก็ตาม แต่ถ้าความบกพร่องนั้นไม่ร้ายแรงต่อชีวิตยังไงท่านก็ต้องจำใจยอมรับการซ่อมไปแต่โดยดี ซ่อมเสร็จท่านก็เอามาใช้งานแล้วดูว่ามันจะบกพร่องตรงไหนอีก เก็บหลักฐานทุกอย่างไว้ ถ้าท่านเห็นว่ามันเยอะเกินกว่าที่จะรับได้ท่านก็ร้องเรียนไปทีเดียวเลย มีหลายคนเคยบอกไว้ว่าถ้าฟ้องที่สคบ.ท่านต้องหาหลักฐานมาพิสูจน์ให้ได้ว่าบริษัทผู้ผลิตนั้นผิดจริง และใช้เวลาในการดำเนินเรื่องค่อนข้างนานเพราะต้องรอตามคิว แต่ถ้าท่านฟ้องศาลผู้บริโภคเองบริษัทผู้ผลิตจะต้องเป็นฝ่ายหาหลักฐานมาพิสูจน์ว่าเค้าไม่ผิดและเรื่องจะจบเร็วกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ว่าจะฟ้องที่ไหนก็ต้องดูที่เหตุผลในเรื่องความปลอดต่อชีวิตเป็นหลัก
สรุปการร้องเรียนครั้งนี้สิ่งที่ได้มาคือประสบการณ์และข้อเรียกร้องเล็กๆน้อยๆที่บริษัทผู้ผลิตเสนอมาตั้งแต่เริ่มแรกซึ่งมาตอนนี้ก็ต้องทำใจยอมรับเพราะความชำรุดบกพร่องของเราไม่เข้าข่ายที่จะได้เปลี่ยนรถ ขึ้นศาลไปน้ำหนักก็คงไม่มากพอ คงต้องทำใจยอมรับสภาพให้ศูนย์ทำการซ่อมไปและซ่อมเสร็จแล้วเอามาใช้เพื่อดูว่าจะมีปัญหาใหญ่ๆเกิดขึ้นอีกหรือไม่ ถ้ามีก็ไปเริ่มร้องเรียนกันใหม่กล่าวคือต้องรอให้มีปัญหาเกิดขึ้นเสียก่อน
สำหรับข้อเรียกร้องที่เราได้รับคือบริษัทผู้ผลิตจะทำการเปลี่ยนและแก้ไขในส่วนที่ชำรุดบกพร่องให้ มีรถให้ใช้ระหว่างซ่อม ยืดเวลารับประกันออกไป เรื่องการเปลี่ยนเครื่องยนต์ที่เราขอเปลี่ยนไปบริษัทไม่ยอมเพราะยังไม่มีปัญหาเกิดขึ้น (เหตุผลที่ขอเปลี่ยนเครื่องยนต์เพราะรถถูกรื้อหลายรอบ พบไฟerror code อีกทั้งรถมีความบกพร่องหลายจุดตั้งแต่เริ่มแรก เราก็กังวลว่าต่อไปอาจจะมีปัญหาอื่นๆเกิดตามมาอีก...ประเด็นนี้ฟังไม่ขึ้นเพราะห้ามมองไปถึงอนาคตให้มองเฉพาะปัจจุบันนี้ และผู้เชี่ยวชาญที่เป็นคนกลางก็ยืนยันว่าแม้รถจะถูกรื้อหลายรอบยังไงก็ไม่มีผลต่อประสิทธิภาพของรถ เพราะรถถูกออกแบบมาให้สามารถถอดรื้อได้หลายๆรอบ..แต่หารู้ไม่ว่าการรื้อแต่ละครั้งก็กระทบจิตใจเจ้าของรถน่าดูเหมือนกัน ประมาณว่าใครไม่เจอกับตัวก็ไม่รู้หรอก สำหรับหลักฐานหรือข้อมูลของบริษัทผู้ผลิตรายอื่นๆที่มีการเปลี่ยนรถให้ลูกค้า ไม่สามารถนำมาใช้อ้างอิงที่นี่ีได้
แต่อย่าเพิ่งหมดกำลังใจค่ะสำหรับคนอื่นๆที่กำลังเจอปัญหาเรื่องรถป้ายแดงโอกาสที่ท่านจะได้เปลี่ยนรถมันอาจจะไม่ใช่เรื่องยากเสมอไป เท่าที่เคยหาข้อมูลมามีบริษัทรถบางค่ายแม้ปัญหาที่ลูกค้าป้ายแดงเจอจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ร้ายแรงแต่เค้าก็ยินดีเปลี่ยนรถหรือรับรถคืนในกรณีที่ออกรถไปได้ไม่นาน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกความรับผิดชอบของบริษัทผู้ผลิตรถที่แต่ละค่ายมีไม่เหมือนกันและความใส่ใจต่อความรู้สึกของลูกค้าที่บริษัทผู้ผลิตพึงจะมี...และที่สำคัญอาจจะขึ้นอยู่กับดวงของแต่ละคนด้วยกระมั้ง...
ตบท้ายด้วยการขอบ่นสักหน่อย....ในฐานะผู้บริโภคมีมุมมองว่ายังไงผู้บริโภคก็ยังเป็นผู้เสียเปรียบผู้ผลิตอยู่วันยังค่ำ ทั้งในเรื่องอำนาจต่อรองหรือชั้นเชิงในการต่อรอง ข้อเรียกร้องที่ผู้บริโภคจะได้รับยังไงก็ไม่คุ้มค่าเลยกับเงิน เวลา และความรู้สึกที่เสียไป ซื้อรถมาก็จ่ายให้เต็มราคาแต่กลับได้สินค้าไม่มีคุณภาพมาอยู่ในมือ แม้บริษัทจะอ้างเป็นหนึ่งในพันหรือหนึ่งในหมื่นก็เถอะ หรือแม้ว่าบริษัทผู้ผลิตจะยอมรับว่ารถของคุณมีปัญหาจากกระบวนการผลิตจริงมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรคุณได้เลย เรียกว่าผู้บริโภคคงต้องยอมรับสภาพของสินค้าที่ได้นั้นแต่โดยดีหรือถูกมัดมือชกให้ยอมรับสภาพนั้นๆไป.....หรือจะได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญให้คุณทำใจเพราะดวงของคุณมันไม่ดีเอง...
...:37 3: :37 3::37 3:
...สุดท้ายนี้ขอขอบพระคุณทุกกำลังใจที่มีให้มาโดยตลอดค่ะ....
ต้องขออภัยด้วยค่ะที่ update ช้าเนื่องจากติดธุระอยู่หลายวัน แต่ยังไงก็ต้องเข้ามารายงานผลให้ทราบค่ะ...
Update ผลการเจรจาที่สคบ.รอบ 2 เมื่อวันที่ 8 สค.ที่ผ่านมาค่ะ อืมผลออกมาก็คงเป็นที่น่าพอใจ ...แต่ฝ่ายที่พอใจน่าจะเป็นฝ่ายผู้ผลิตเสียมากกว่าน่ะค่ะ... นั่นหมายความว่าปัญหาข้อบกพร่องชำรุดของรถเราไม่เข้าข่ายที่จะเปลี่ยนหรือคืนรถได้
โดยคณะกรรมการที่มีซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์1ท่าน ตัวแทนจากอู่กลาง1ท่าน ตัวแทนฝ่ายกฎหมาย1ท่าน ตัวแทนจากสภาอุตสาหกรรม1ท่าน และนอกนั้นเป็นคณะอนุกรรมการอีกประมาณ4ท่าน(จำไม่ได้ว่ามาจากไหนบ้างค่ะ) เริ่มแรกคณะกรรมการได้บอกถึงกฎเกณฑ์ที่จะเข้าข่ายสามารถเปลี่ยนรถได้ และความเป็นไปได้ที่จะชนะในกรณีที่ต้องขึ้นศาล อันได้แก่ความบกพร่องชำรุดของรถยนต์ที่มีผลต่อความปลอดภัยของชีวิต เน้นน่ะว่าต้องต่อชีวิตเท่านั้นต่อจิตใจหรือต่ออย่างอื่น...เหตุผลไม่เพียงพอค่ะ..ต่อชีวิตก็เข้าข่าย4ข้อนี้คือ
1.ระบบเบรกคือเหยียบเบรกแล้วรถไม่หยุด 2.การที่เราเลี้ยวรถ30องศาแต่รถกลับเลี้ยวไป 40องศา 3.สั่งให้เลี่ยวขวาแล้วไม่เลี้ยว และ4.รถเร่งแซงไม่ขึ้นขณะแซง ถ้ารถชำรุดเข้าข่าย4ข้อนี้ สามารถฟ้องขอเปลี่ยนคันได้แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราอาจจะต้องยอมให้ทางศูนย์ได้ทำการซ่อมและแก้ไขเป็นอันดับแรกเสียก่อน หากแก้ไขไม่ได้ก็เข้าข่ายที่ผู้ผลิตจะต้องเปลี่ยนรถคันใหม่ให้
แต่สำหรับปัญหาข้อบกพร่องชำรุดอย่างอื่นที่ไม่มีความรุนแรงต่อความปลอดภัยของชีวิต แม้ว่ามันจะเกิดขึ้นกับรถของท่านหลายจุดก็ตาม ท่านก็คงต้องทำใจยอมรับสภาพให้ศูนย์ซ่อมและทำการแก้ไขเปลี่ยนอุปกรณ์ที่บกพร่องชำรุดออกไป เช่น สีเพี้ยน น้ำมันเครื่องรั่ว น้ำมันเกียร์ซึม เสียงดังตามจุดต่างๆ เป็นต้น
และแม้ว่ารถของท่านจะถูกรื้อไปกี่รอบท่านก็ต้องทำใจยอมรับมันให้ได้(ประมาณว่าดวงผู้ซื้อไม่ดีเอง)อีกทั้งการรื้อหลายรอบก็ไม่ได้มีผลต่อประสิทธิภาพการใช้งานของรถ(ผู้เชี่ยวชาญบอกมา) สำหรับเหตุผลที่คณะกรรมการจะฟังคือปัญหาความชำรุดบกพร่องที่เกิดขึ้นแล้ว ห้ามคาดการณ์ ห้ามเอาปัญหาที่คิดว่าจะเกิดหรือสิ่งที่ท่านกลัวว่าจะเกิดในวันข้างหน้ามาพูดเพราะคณะกรรมการจะไม่รับฟัง เช่น ท่านอ้างว่ารถของท่านมีความชำรุดบกพร่องหลายจุดตั้งแต่ซื้อมา ดังนั้นท่านจึงยื่นขอเปลี่ยนรถเพราะกลัวว่าในอนาคตจะมีปัญหาอื่นๆเกิดตามมา เหตุผลนี้ฟังไม่ขึ้นเพราะปัญหามันยังไม่ได้เกิดขึ้น และเนื่องจากรถไม่ได้เป็นสินค้าควบคุณคุณภาพดังนั้นอาจจะมีความชำรุดบกพร่องเกิดขึ้นได้ ซึ่งท่านก็ต้องทำใจยอมรับให้ได้เช่นกัน
เอาง่ายๆถ้ารถของท่านยังอยู่ในประกันท่านก็ต้องยอมให้ศูนย์ซ่อมไปเถอะ ยอมเสียเวลาหน่อยถึงแม่ว่าบริษัทผู้ผลิตจะยอมรับว่ามันเป็นความบกพร่องจากกระบวนการผลิตก็ตาม แต่ถ้าความบกพร่องนั้นไม่ร้ายแรงต่อชีวิตยังไงท่านก็ต้องจำใจยอมรับการซ่อมไปแต่โดยดี ซ่อมเสร็จท่านก็เอามาใช้งานแล้วดูว่ามันจะบกพร่องตรงไหนอีก เก็บหลักฐานทุกอย่างไว้ ถ้าท่านเห็นว่ามันเยอะเกินกว่าที่จะรับได้ท่านก็ร้องเรียนไปทีเดียวเลย มีหลายคนเคยบอกไว้ว่าถ้าฟ้องที่สคบ.ท่านต้องหาหลักฐานมาพิสูจน์ให้ได้ว่าบริษัทผู้ผลิตนั้นผิดจริง และใช้เวลาในการดำเนินเรื่องค่อนข้างนานเพราะต้องรอตามคิว แต่ถ้าท่านฟ้องศาลผู้บริโภคเองบริษัทผู้ผลิตจะต้องเป็นฝ่ายหาหลักฐานมาพิสูจน์ว่าเค้าไม่ผิดและเรื่องจะจบเร็วกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ว่าจะฟ้องที่ไหนก็ต้องดูที่เหตุผลในเรื่องความปลอดต่อชีวิตเป็นหลัก
สรุปการร้องเรียนครั้งนี้สิ่งที่ได้มาคือประสบการณ์และข้อเรียกร้องเล็กๆน้อยๆที่บริษัทผู้ผลิตเสนอมาตั้งแต่เริ่มแรกซึ่งมาตอนนี้ก็ต้องทำใจยอมรับเพราะความชำรุดบกพร่องของเราไม่เข้าข่ายที่จะได้เปลี่ยนรถ ขึ้นศาลไปน้ำหนักก็คงไม่มากพอ คงต้องทำใจยอมรับสภาพให้ศูนย์ทำการซ่อมไปและซ่อมเสร็จแล้วเอามาใช้เพื่อดูว่าจะมีปัญหาใหญ่ๆเกิดขึ้นอีกหรือไม่ ถ้ามีก็ไปเริ่มร้องเรียนกันใหม่กล่าวคือต้องรอให้มีปัญหาเกิดขึ้นเสียก่อน
สำหรับข้อเรียกร้องที่เราได้รับคือบริษัทผู้ผลิตจะทำการเปลี่ยนและแก้ไขในส่วนที่ชำรุดบกพร่องให้ มีรถให้ใช้ระหว่างซ่อม ยืดเวลารับประกันออกไป เรื่องการเปลี่ยนเครื่องยนต์ที่เราขอเปลี่ยนไปบริษัทไม่ยอมเพราะยังไม่มีปัญหาเกิดขึ้น (เหตุผลที่ขอเปลี่ยนเครื่องยนต์เพราะรถถูกรื้อหลายรอบ พบไฟerror code อีกทั้งรถมีความบกพร่องหลายจุดตั้งแต่เริ่มแรก เราก็กังวลว่าต่อไปอาจจะมีปัญหาอื่นๆเกิดตามมาอีก...ประเด็นนี้ฟังไม่ขึ้นเพราะห้ามมองไปถึงอนาคตให้มองเฉพาะปัจจุบันนี้ และผู้เชี่ยวชาญที่เป็นคนกลางก็ยืนยันว่าแม้รถจะถูกรื้อหลายรอบยังไงก็ไม่มีผลต่อประสิทธิภาพของรถ เพราะรถถูกออกแบบมาให้สามารถถอดรื้อได้หลายๆรอบ..แต่หารู้ไม่ว่าการรื้อแต่ละครั้งก็กระทบจิตใจเจ้าของรถน่าดูเหมือนกัน ประมาณว่าใครไม่เจอกับตัวก็ไม่รู้หรอก สำหรับหลักฐานหรือข้อมูลของบริษัทผู้ผลิตรายอื่นๆที่มีการเปลี่ยนรถให้ลูกค้า ไม่สามารถนำมาใช้อ้างอิงที่นี่ีได้
แต่อย่าเพิ่งหมดกำลังใจค่ะสำหรับคนอื่นๆที่กำลังเจอปัญหาเรื่องรถป้ายแดงโอกาสที่ท่านจะได้เปลี่ยนรถมันอาจจะไม่ใช่เรื่องยากเสมอไป เท่าที่เคยหาข้อมูลมามีบริษัทรถบางค่ายแม้ปัญหาที่ลูกค้าป้ายแดงเจอจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ร้ายแรงแต่เค้าก็ยินดีเปลี่ยนรถหรือรับรถคืนในกรณีที่ออกรถไปได้ไม่นาน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกความรับผิดชอบของบริษัทผู้ผลิตรถที่แต่ละค่ายมีไม่เหมือนกันและความใส่ใจต่อความรู้สึกของลูกค้าที่บริษัทผู้ผลิตพึงจะมี...และที่สำคัญอาจจะขึ้นอยู่กับดวงของแต่ละคนด้วยกระมั้ง...
ตบท้ายด้วยการขอบ่นสักหน่อย....ในฐานะผู้บริโภคมีมุมมองว่ายังไงผู้บริโภคก็ยังเป็นผู้เสียเปรียบผู้ผลิตอยู่วันยังค่ำ ทั้งในเรื่องอำนาจต่อรองหรือชั้นเชิงในการต่อรอง ข้อเรียกร้องที่ผู้บริโภคจะได้รับยังไงก็ไม่คุ้มค่าเลยกับเงิน เวลา และความรู้สึกที่เสียไป ซื้อรถมาก็จ่ายให้เต็มราคาแต่กลับได้สินค้าไม่มีคุณภาพมาอยู่ในมือ แม้บริษัทจะอ้างเป็นหนึ่งในพันหรือหนึ่งในหมื่นก็เถอะ หรือแม้ว่าบริษัทผู้ผลิตจะยอมรับว่ารถของคุณมีปัญหาจากกระบวนการผลิตจริงมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรคุณได้เลย เรียกว่าผู้บริโภคคงต้องยอมรับสภาพของสินค้าที่ได้นั้นแต่โดยดีหรือถูกมัดมือชกให้ยอมรับสภาพนั้นๆไป.....หรือจะได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญให้คุณทำใจเพราะดวงของคุณมันไม่ดีเอง...
...:37 3: :37 3::37 3:
...สุดท้ายนี้ขอขอบพระคุณทุกกำลังใจที่มีให้มาโดยตลอดค่ะ....