PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : ใช้ 2d cng อยู่ครับ จะเปลี่ยนเป็น lpg ดีไหม



thinnawac
14-03-2014, 03:15
ตามหัวข้อเลยครับ อยู่แถวนครนายก ปราจีนบุรีครับ คือ มีปั้มน้อย วิ่งน้ำมันไปเติมเจอแก๊สหมด รอคิวนานบางครั้งเกินครึ่ง ช.ม. รอจนถึงคิวแล้วแก๊สหมดก็มี ช่วงปีที่แล้วไปเที่ยว ภูทับเบิก ไม่มีปั้ม ngv เติมน้ำมันไป 3000 บาท แถบอ้วกครับ

เลยอยากถามน้าๆครับ จะเปลี่ยนเป็น LPG จะดีไหม หรือ ?(นึกไม่ออกครับ)

Torgaszaa
14-03-2014, 05:59
ติดlpg เพิ่มอีกระบบ เป็น3ระบบ น้ำมัน/lpg/ngv

bestcrv
14-03-2014, 07:45
ถ้าการใช้งานในชีวิตประจำวันมีแก๊สให้เติมปกติดีชีวิตมีสุขก็อย่าไปเปลี่ยนไปเพิ่มมันเลยครับ ถ้ายังไม่หมดระยะประกันเสียดายเกิดเครื่องมีปัญหา แต่ถ้าหมดแล้วก็จัดไปโลด ส่วนเรื่องเที่ยวงนี้ก็คิดซะว่ามีเงินก็เที่ยวไม่มีเงินก็นอนอยู่บ้านสบายๆดีกว่า(เพราะไม่มีเงินเติมน้ำมัน) ผมก็คือผู้หนึ่งที่เบื่อมากกับ Ngv แต่ทนมันไปก่อนหมดประกันเมื่อไหรทิ้งมันแน่ NGV!

exnamebank
14-03-2014, 10:55
ผมเปลียนมาแล้วด้วเหตุผลเดียวกับน้าเลย^_^ ไม่ลอง E85มั่งหละครับ ติดถูกกว่า กินอยู่ประมาณ โลละ2.5บาท ถ้าใช้สลับกับ CNGโลละบาท ผมว่าหน้าจะได้ตัวเลขดีกว่า Lpg ที่ตกโลละประมาณ 1.8บาท

Torgaszaa
14-03-2014, 11:04
ผมเปลียนมาแล้วด้วเหตุผลเดียวกับน้าเลย^_^ ไม่ลอง E85มั่งหละครับ ติดถูกกว่า กินอยู่ประมาณ โลละ2.5บาท ถ้าใช้สลับกับ CNGโลละบาท ผมว่าหน้าจะได้ตัวเลขดีกว่า Lpg ที่ตกโลละประมาณ 1.8บาท
ใช่ครับลองคบ อี85 ดูก่อน ที่ผมไม่อยากให้ยกcngลงเพราะเสียดายครับ ราคาซื้อ 6-70000 เวลาขาย หมื่นนึง แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ติด lpg เพิ่มเข้าไป ผมใช้อยู่น้ำมันเติม อี85 วิ่งในเมืองสบายๆ cng วิ่งตจวหรือเวลาเร่งด่วน lpg ครับ

jirachart B
14-03-2014, 19:38
ไปติดถังเพิ่ม 60+70 ลิตร scg 36,500 บาท จบ แหล่มเลย ตอนแรกผมกะจะขายรถทิ้งแล้ว

thinnawac
14-03-2014, 21:54
ขอบคุณน้าทุกคนมากครับ ถ้าไปคบ e85 นี่ต้องเสียค่าเสียหายอีกเท่าไรครับ แล้วมีผลเสียอะไรรึป่าวครับ

bhuriwaj
14-03-2014, 22:33
ผมติดเพิ่ม 2 ถัง เพราะแถวบ้านมีปั๊มที่เติมง่ายๆได้ทุกวันครับ แปลว่าผมจะวิ่งได้ราวๆ 300 กม ทุกวัน ที่เหลือก็น้ำมัน ลงใต้ก็พอรอได้ครับถ้าวางแผนการเดินทาง ผมว่าอย่าเพิ่งยกลง ให้ลองคบ e85 ครับ มีหลายเจ้าลองทำการบ้านดูครับ ราวๆ 7-8000 บาทมั๊งครับ

Leoguitarthai
18-03-2014, 13:53
ผมคนหนึ่งครับที่ตัดสินใจเลือก LPG ปั้มเยอะทั่วประเทศ ไม่ต้องรอ ไม่เสียเวลา ไม่เสียอารมตอน Gas หมด เสียอย่างเดียว LPG แพงกว่า NGV แนะน E85 คับ

joey1081900
18-03-2014, 14:56
ถ้าชีวิตประจำวัน ใช้ngv ได้แบบไม่เหนื่อยรอมาก ก็จัด e85 เพื่อเดินทางไกลดีกว่าครับ เพราะติด lpg ก็ไม่ได้ประหยัดเท่า ngv แต่ถ้าเดินทางไกลบ่อยไป lpg โลด ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมากอย่าง ngv และประหยัดกว่า e85

Filmilia
18-03-2014, 16:06
ถ้า E85 ลองของน้า Torgaszaa (http://www.thaitritonclub.com/forum/member.php?u=49397) ดูครับผมติดมาแล้วแจ่มว้าวครับ วิ่งดีกว่าเดิมเยอะ

SM-TRITON
18-03-2014, 16:18
ตามหัวข้อเลยครับ อยู่แถวนครนายก ปราจีนบุรีครับ คือ มีปั้มน้อย วิ่งน้ำมันไปเติมเจอแก๊สหมด รอคิวนานบางครั้งเกินครึ่ง ช.ม. รอจนถึงคิวแล้วแก๊สหมดก็มี ช่วงปีที่แล้วไปเที่ยว ภูทับเบิก ไม่มีปั้ม ngv เติมน้ำมันไป 3000 บาท แถบอ้วกครับ

เลยอยากถามน้าๆครับ จะเปลี่ยนเป็น LPG จะดีไหม หรือ ?(นึกไม่ออกครับ)



เปลียนเลยครับ LPG ดีแน่นอนครับ เติมง่าย แรงกว่า ngv เห็นๆ
ให้ใช้ หม้อต้ม tomasetto at13 380 HP แรงครับปรับจูนแก็ส
ให้สูงกว่าน้ำมันนิดๆ รับรองไม่อยากใช้น้ำมันเลย

thinnawac
20-03-2014, 12:45
เปลียนเลยครับ LPG ดีแน่นอนครับ เติมง่าย แรงกว่า ngv เห็นๆ
ให้ใช้ หม้อต้ม tomasetto at13 380 HP แรงครับปรับจูนแก็ส
ให้สูงกว่าน้ำมันนิดๆ รับรองไม่อยากใช้น้ำมันเลย

อัตราสินเปลืองเป็นอย่างไรบ้างครับ น้า

exnamebank
20-03-2014, 17:27
ขอบคุณน้าทุกคนมากครับ ถ้าไปคบ e85 นี่ต้องเสียค่าเสียหายอีกเท่าไรครับ แล้วมีผลเสียอะไรรึป่าวครับ

กล่อง E85 ถ้าของน้า Torgaszaa อยู่ที่ประมาณ 4500 ถ้าตามตลาดก็แล้วแต่ยี่ห้อครับ
ถ้าอย่ากแรง+ได้ใช้ E85ด้วยต้อง กล่องtap+กล่องE85 แรงกว่า LPGไม่ติดกล่องอย่างเห็นได้ชัดแน่ๆครับ

SM-TRITON
20-03-2014, 20:34
อัตราสินเปลืองเป็นอย่างไรบ้างครับ น้า


จูนแบบน้ำมัน ก็ไม่ประหยัดครับ triton กินน้ำมันอยู่แล้ว
แต่ได้ความแรงเหมือนน้ำมันครับก็ ok แล้ว ล้อ
BF 265/70/16


หม้อต้ม tomasetto at13 380 HP
แต่ได้
Steady Flow
ควบคุมการไหลของแก๊สได้สม่ำเสมอ

Steady Pressure
ควบคุมแรงดันแก๊สได้สม่ำเสมอ
จูนดีแล้วไม่มีเพี้ยนไม่ต้องจูนบ่อยเร่งทันใจแรงไม่มีตก

รองรับได้ถึง 380 แรงม้า
เหมาะกับรถรุ่นใหม่ที่ต้องการขับนุ่มแต่แรงเหลือเฟือ

lar1
20-03-2014, 22:30
กล่อง e85 ครับ อย่างน้้อยเครื่องเราก็ได้กินน้ำมันมากกว่า lpg เพียวๆครับ

SM-TRITON
21-03-2014, 08:11
SOURCE: http://www.facebook.com/VsrPerformancePbMotor (http://www.facebook.com/VsrPerformancePbMotor)
เชื่อว่าหลายๆคนยังมีข้อกังขาและสงสัยเกี่ยวกับน้ำมัน E85 กันอยู่บ้างไม่มากก็น้อย บางคนอยากจะเติมใช้แต่ก็กลัวว่า
จะมีปัญหาตามมาเพราะคิดว่ารถที่ใช้อยู่ไม่ได้ทำมารองรับ วันนี้เลยจะขอสรุปข้อมูลตามประสบการณ์และเท่าที่ได้ค้นคว้ามานะครับ

E85 มีคุณสมบัติกัดกร่อนสูงจริงหรือ
ข้อนี้จริง แต่ไม่ได้เยอะอย่างที่คิดครับ แม้แต่น้ำมันเบนซินเองก็กัดด้วยเหมือนกัน
(ลองเทใส่มือดูก็คงจะพอทราบว่าการกัดกร่อนนี้เป็นยังไงและผู้ผลิตรถยนต์ก็ทราบถึงปัญหานี้มาตั้งแต่เริ่มมีการเปลี่ยนมาใช้น้ำมันไร้สารตะกั่วในท้องตลาด จึงมีการเปลี่ยนไปใช้วัสดุที่ทนต่อการกัดกร่อนของเบนซินไร้สารตะกั่วนี้ได้มาตั้งแต่ต้นปี 90 แล้ว (ยุคเดียวกับที่เริ่มเปลี่ยนมาเป็นเครื่องยนต์ระบบหัวฉีด)ดังนั้นปัญหาจริงๆของ E85 ไม่ใช่เรื่องของคุณสมบัติการกัดกร่อน แต่กลับเป็นคุณสมบัติดูดความชื้นของแอลกอฮอล์ต่างหาก ซึ่งถ้าเราปล่อยเอธานอลทิ้งไว้นานๆ ตัวมันก็จะเริ่มดูดความชื้นสะสมเอาไว้เรื่อยๆ และถ้าหากภาชนะที่บรรจุนั้นเป็นเหล็ก ผลที่ได้ก็คือสนิมนั่นเอง
แน่นอนครับว่าผู้ผลิตก็ทราบถึงเรื่องนี้ และก็ได้เปลี่ยนจากท่อน้ำมันที่เคยเป็นเหล็กล้วนตอนสมัยเครื่องคาร์บูฯเป็นท่ออลูมิเนียม ถังเหล็กก็มีการชุบสารกันสนิมเคลือบไว้ด้านใน หรืออย่างช่วง 10 ปีที่ผ่านมาก็ใช้เป็นถังและท่อน้ำมันพลาสติกแทนแล้ว นอกจากนี้ก็ยังเป็นถังระบบปิด กันอากาศและความชื้นเข้าออกเอาไว้อีกด้วย โดยรวมแล้วก็พอจะพูดได้ว่า รถที่เป็นเครื่องหัวฉีดมาจากโรงงานนั้นมีความพร้อมที่จะใช้ E85 ได้เกิน 90% อยู่แล้ว

ในส่วนของยางกับเอธานอลนั้น ความเสียหายจะเป็นคนละสาเหตุกับเหล็ก กล่าวคือไม่ใช่ความเสียหายจากการกัดกร่อนหรือสนิม แต่เกิดจากคุณสมบัติความ "แห้ง" ของแอลกอฮอล์ซึ่งทำให้เนื้อยางกรอบและแตกร้าวได้ แต่โชคดีที่ความเสียหายที่ว่านี้จะเกิดเฉพาะกับยางธรรมชาติเท่านั้นครับ ส่วนยางที่นำมาใช้ในการผลิตรถยนต์ในช่วงเวลาเดียวกับที่กล่าวมาข้างต้นนั้น เปลี่ยนเป็นยางผสมหรือยางสังเคราะห์ซึ่งจะไม่มีการแตกตัวในลักษณะอย่างที่ว่าแทนไปแล้ว ดังนั้นหากสำรวจแล้วว่าท่อยางที่ใช้งานยังอยู่ในสภาพที่ดี ก็สามารถเติม E85 ได้เลย (ต่อให้ไม่ได้คิดจะเติมใช้ ถ้าเห็นท่อน้ำมันเบนซินเริ่มมีรอยแตกแล้วก็เปลี่ยนเถอะครับ)

มีบทความจากเวปนอกเขียนไว้ว่่า หนึ่งในเหตุผลที่ยังต้องมีการผสมน้ำมันเบนซินเอาไว้ 15% ก็เพราะต้องการอาศัยความ "มัน" มาเป็นตัวช่วยกันไม่ให้ท่อยางแห้งเกินไป แต่ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นเหตุผลในการทำ Denatured Alcohol* มากกว่า

เติมแล้วทำให้ปั๊มติ๊กพังหรือกรองตันหรือเปล่า?
- อย่างที่เขียนไปในคำตอบแรก ถ้าหากเป็นปั๊มติ๊กที่มีชิ้นส่วนเป็นเหล็ก และมีการปล่อยทิ้งไว้นานก็จะทำให้ปั๊มเป็นสนิมได้จริง ถ้าเป็นรถที่มีอายุมากๆ ผ่านการใช้งานมานาน พอเติม E85 ใส่ลงไป จะทำให้คราบจำพวกสารหล่อลื่นหรือสารเติมแต่งอื่นๆที่ผสมมากับน้ำมันเบนซินที่เกาะอยู่ในถังละลายออกมา ซึ่งอาจจะทำให้กรองเบนซินหรือปั๊มติ๊กอุดตันได้ถ้าหากมีประมาณเยอะพอ ซึ่งตรงนี้ส่วนตัวยังไม่เคยเจอ บางคันอายุเกิน 15 ปีแล้วก็ยังเติมใช้ได้ปกติดี ตรงนี้อาจจะใช้วิธีเปลี่ยนกรองเบนซินหลังจากใช้งานไปสักพักแล้วก็น่าจะหมดปัญหา

เติม E85 ทำให้เครื่องพังได้ใหม?
- ถ้าเป็นรถที่ไม่ได้ทำมารองรับ E85 แล้วเผลอเติมไปสักถังก็ไม่ต้องตกใจครับ แค่ถ่ายออก (อย่าถ่ายทิ้งนะครับ เอามาให้ที่ PB Motor ใช้ก็ได้ http://www.siamspeed.com/Smileys/default/tongue.gif ) แล้วเติมน้ำมันปกติลงไปก็จบครับ แต่ถ้าฝืนใช้ไปนานๆโดยไม่มีการใส่อุปกรณ์ปรับส่วนผสมใดๆเลย ก็อาจจะทำให้เครื่องพังจากส่วนผสมบางได้ครับ ซึ่งยังไงก็ไม่ใช่พังในทันทีแน่นอน

เติม E85 แล้ววิ่งได้ระยะทางน้อยลงรึเปล่า?
- จริงครับ แต่น้อยลงประมาณ 10-15% เท่านั้น เทียบกับราคาน้ำมันที่ถูกกว่าเกือบครึ่งก็ยังถือว่าประหยัดได้มากกว่าพอสมควร ถ้าหากราคาน้ำมันต่างกันไม่เกิน 20% ก็คงไม่คุ้มที่จะเติมครับ

E85 มีพลังงานน้อยกว่าเบนซิน ทำให้รถแรงน้อยกว่าเดิมหรือเปล่า?
- จริงอยู่ที่พลังงานจาก E85 น้อยกว่าน้ำมันเบนซิน "เมื่อเทียบจากการเผาไหม้ในปริมาณที่เท่ากัน" แต่ด้วยคุณสมบัติที่ทำให้ต้องเพิ่มปริมาณการจ่าย E85 สำหรับการเผาไหม้ให้มากขึ้นกลับกลายเป็นข้อดีที่ทำให้อุณหภูมิในการเผาไหม้ของ E85 มีความเย็นมากกว่าและเผาไหม้ได้นานกว่า แทนที่จะเป็นการระเบิดแบบรุนแรงในระยะเวลาสั้นๆ ก็กลายเป็นการระเบิดที่ยาวตลอดการเคลื่อนที่ลงของลูกสูบ ส่งผลให้มีแรงบิดที่ต่อเนื่องกว่า เครื่องยนต์เดินเรียบกว่าอย่างชัดเจน

ข้อสรุปในการตัดสินใจสำหรับคนที่คิดจะใช้ E85 นะครับ
- รถที่ต้องการจะเติม มีชิ้นส่วนของระบบน้ำมันที่ยังอยู่ในสภาพที่ดี ไม่แตกร้าว ถังน้ำมันยังคงความเป็นระบบปิดอยู่
- ต้องการใช้น้ำมันที่มีค่าออกเทนสูงสำหรับเครื่องยนต์ที่ต้องการสมรรถนะ หรือต้องการใช้น้ำมันราคาถูกเพื่อความประหยัด
- อาศัยอยู่ใกล้หรือเส้นทางที่ใข้ประจำมีปั๊มน้ำมันที่มี E85 จำหน่าย ถ้าต้องขับไปเติมไกลๆ อาจจะไม่คุ้มเท่าไหร่
- ใช้รถเป็นประจำ ไม่ได้จอดทิ้งไว้นานเป็นเดือน
- ต้องมีการติดตั้งอุปกรณ์ในการปรับส่วนผสมเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นชุดคิทสำเร็จ กล่องพ่วง หรือกล่อง standalone

vayu
21-03-2014, 09:18
SOURCE: http://www.facebook.com/VsrPerformancePbMotor (http://www.facebook.com/VsrPerformancePbMotor)
เชื่อว่าหลายๆคนยังมีข้อกังขาและสงสัยเกี่ยวกับน้ำมัน E85 กันอยู่บ้างไม่มากก็น้อย บางคนอยากจะเติมใช้แต่ก็กลัวว่า
จะมีปัญหาตามมาเพราะคิดว่ารถที่ใช้อยู่ไม่ได้ทำมารองรับ วันนี้เลยจะขอสรุปข้อมูลตามประสบการณ์และเท่าที่ได้ค้นคว้ามานะครับ
E85 มีคุณสมบัติกัดกร่อนสูงจริงหรือ
ข้อนี้จริง แต่ไม่ได้เยอะอย่างที่คิดครับ แม้แต่น้ำมันเบนซินเองก็กัดด้วยเหมือนกัน
(ลองเทใส่มือดูก็คงจะพอทราบว่าการกัดกร่อนนี้เป็นยังไงและผู้ผลิตรถยนต์ก็ทราบถึงปัญหานี้มาตั้งแต่เริ่มมีการเปลี่ยนมาใช้น้ำมันไร้สารตะกั่วในท้องตลาด จึงมีการเปลี่ยนไปใช้วัสดุที่ทนต่อการกัดกร่อนของเบนซินไร้สารตะกั่วนี้ได้มาตั้งแต่ต้นปี 90 แล้ว (ยุคเดียวกับที่เริ่มเปลี่ยนมาเป็นเครื่องยนต์ระบบหัวฉีด)ดังนั้นปัญหาจริงๆของ E85 ไม่ใช่เรื่องของคุณสมบัติการกัดกร่อน แต่กลับเป็นคุณสมบัติดูดความชื้นของแอลกอฮอล์ต่างหาก ซึ่งถ้าเราปล่อยเอธานอลทิ้งไว้นานๆ ตัวมันก็จะเริ่มดูดความชื้นสะสมเอาไว้เรื่อยๆ และถ้าหากภาชนะที่บรรจุนั้นเป็นเหล็ก ผลที่ได้ก็คือสนิมนั่นเอง
แน่นอนครับว่าผู้ผลิตก็ทราบถึงเรื่องนี้ และก็ได้เปลี่ยนจากท่อน้ำมันที่เคยเป็นเหล็กล้วนตอนสมัยเครื่องคาร์บูฯเป็นท่ออลูมิเนียม ถังเหล็กก็มีการชุบสารกันสนิมเคลือบไว้ด้านใน หรืออย่างช่วง 10 ปีที่ผ่านมาก็ใช้เป็นถังและท่อน้ำมันพลาสติกแทนแล้ว นอกจากนี้ก็ยังเป็นถังระบบปิด กันอากาศและความชื้นเข้าออกเอาไว้อีกด้วย โดยรวมแล้วก็พอจะพูดได้ว่า รถที่เป็นเครื่องหัวฉีดมาจากโรงงานนั้นมีความพร้อมที่จะใช้ E85 ได้เกิน 90% อยู่แล้ว

ในส่วนของยางกับเอธานอลนั้น ความเสียหายจะเป็นคนละสาเหตุกับเหล็ก กล่าวคือไม่ใช่ความเสียหายจากการกัดกร่อนหรือสนิม แต่เกิดจากคุณสมบัติความ "แห้ง" ของแอลกอฮอล์ซึ่งทำให้เนื้อยางกรอบและแตกร้าวได้ แต่โชคดีที่ความเสียหายที่ว่านี้จะเกิดเฉพาะกับยางธรรมชาติเท่านั้นครับ ส่วนยางที่นำมาใช้ในการผลิตรถยนต์ในช่วงเวลาเดียวกับที่กล่าวมาข้างต้นนั้น เปลี่ยนเป็นยางผสมหรือยางสังเคราะห์ซึ่งจะไม่มีการแตกตัวในลักษณะอย่างที่ว่าแทนไปแล้ว ดังนั้นหากสำรวจแล้วว่าท่อยางที่ใช้งานยังอยู่ในสภาพที่ดี ก็สามารถเติม E85 ได้เลย (ต่อให้ไม่ได้คิดจะเติมใช้ ถ้าเห็นท่อน้ำมันเบนซินเริ่มมีรอยแตกแล้วก็เปลี่ยนเถอะครับ)

มีบทความจากเวปนอกเขียนไว้ว่่า หนึ่งในเหตุผลที่ยังต้องมีการผสมน้ำมันเบนซินเอาไว้ 15% ก็เพราะต้องการอาศัยความ "มัน" มาเป็นตัวช่วยกันไม่ให้ท่อยางแห้งเกินไป แต่ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นเหตุผลในการทำ Denatured Alcohol* มากกว่า

เติมแล้วทำให้ปั๊มติ๊กพังหรือกรองตันหรือเปล่า?
- อย่างที่เขียนไปในคำตอบแรก ถ้าหากเป็นปั๊มติ๊กที่มีชิ้นส่วนเป็นเหล็ก และมีการปล่อยทิ้งไว้นานก็จะทำให้ปั๊มเป็นสนิมได้จริง ถ้าเป็นรถที่มีอายุมากๆ ผ่านการใช้งานมานาน พอเติม E85 ใส่ลงไป จะทำให้คราบจำพวกสารหล่อลื่นหรือสารเติมแต่งอื่นๆที่ผสมมากับน้ำมันเบนซินที่เกาะอยู่ในถังละลายออกมา ซึ่งอาจจะทำให้กรองเบนซินหรือปั๊มติ๊กอุดตันได้ถ้าหากมีประมาณเยอะพอ ซึ่งตรงนี้ส่วนตัวยังไม่เคยเจอ บางคันอายุเกิน 15 ปีแล้วก็ยังเติมใช้ได้ปกติดี ตรงนี้อาจจะใช้วิธีเปลี่ยนกรองเบนซินหลังจากใช้งานไปสักพักแล้วก็น่าจะหมดปัญหา

เติม E85 ทำให้เครื่องพังได้ใหม?
- ถ้าเป็นรถที่ไม่ได้ทำมารองรับ E85 แล้วเผลอเติมไปสักถังก็ไม่ต้องตกใจครับ แค่ถ่ายออก (อย่าถ่ายทิ้งนะครับ เอามาให้ที่ PB Motor ใช้ก็ได้ http://www.siamspeed.com/Smileys/default/tongue.gif ) แล้วเติมน้ำมันปกติลงไปก็จบครับ แต่ถ้าฝืนใช้ไปนานๆโดยไม่มีการใส่อุปกรณ์ปรับส่วนผสมใดๆเลย ก็อาจจะทำให้เครื่องพังจากส่วนผสมบางได้ครับ ซึ่งยังไงก็ไม่ใช่พังในทันทีแน่นอน

เติม E85 แล้ววิ่งได้ระยะทางน้อยลงรึเปล่า?
- จริงครับ แต่น้อยลงประมาณ 10-15% เท่านั้น เทียบกับราคาน้ำมันที่ถูกกว่าเกือบครึ่งก็ยังถือว่าประหยัดได้มากกว่าพอสมควร ถ้าหากราคาน้ำมันต่างกันไม่เกิน 20% ก็คงไม่คุ้มที่จะเติมครับ

E85 มีพลังงานน้อยกว่าเบนซิน ทำให้รถแรงน้อยกว่าเดิมหรือเปล่า?
- จริงอยู่ที่พลังงานจาก E85 น้อยกว่าน้ำมันเบนซิน "เมื่อเทียบจากการเผาไหม้ในปริมาณที่เท่ากัน" แต่ด้วยคุณสมบัติที่ทำให้ต้องเพิ่มปริมาณการจ่าย E85 สำหรับการเผาไหม้ให้มากขึ้นกลับกลายเป็นข้อดีที่ทำให้อุณหภูมิในการเผาไหม้ของ E85 มีความเย็นมากกว่าและเผาไหม้ได้นานกว่า แทนที่จะเป็นการระเบิดแบบรุนแรงในระยะเวลาสั้นๆ ก็กลายเป็นการระเบิดที่ยาวตลอดการเคลื่อนที่ลงของลูกสูบ ส่งผลให้มีแรงบิดที่ต่อเนื่องกว่า เครื่องยนต์เดินเรียบกว่าอย่างชัดเจน

ข้อสรุปในการตัดสินใจสำหรับคนที่คิดจะใช้ E85 นะครับ
- รถที่ต้องการจะเติม มีชิ้นส่วนของระบบน้ำมันที่ยังอยู่ในสภาพที่ดี ไม่แตกร้าว ถังน้ำมันยังคงความเป็นระบบปิดอยู่
- ต้องการใช้น้ำมันที่มีค่าออกเทนสูงสำหรับเครื่องยนต์ที่ต้องการสมรรถนะ หรือต้องการใช้น้ำมันราคาถูกเพื่อความประหยัด
- อาศัยอยู่ใกล้หรือเส้นทางที่ใข้ประจำมีปั๊มน้ำมันที่มี E85 จำหน่าย ถ้าต้องขับไปเติมไกลๆ อาจจะไม่คุ้มเท่าไหร่
- ใช้รถเป็นประจำ ไม่ได้จอดทิ้งไว้นานเป็นเดือน
- ต้องมีการติดตั้งอุปกรณ์ในการปรับส่วนผสมเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นชุดคิทสำเร็จ กล่องพ่วง หรือกล่อง standalone



ขอบคุณครับ

thinnawac
24-03-2014, 20:37
SOURCE: http://www.facebook.com/VsrPerformancePbMotor (http://www.facebook.com/VsrPerformancePbMotor)
เชื่อว่าหลายๆคนยังมีข้อกังขาและสงสัยเกี่ยวกับน้ำมัน E85 กันอยู่บ้างไม่มากก็น้อย บางคนอยากจะเติมใช้แต่ก็กลัวว่า
จะมีปัญหาตามมาเพราะคิดว่ารถที่ใช้อยู่ไม่ได้ทำมารองรับ วันนี้เลยจะขอสรุปข้อมูลตามประสบการณ์และเท่าที่ได้ค้นคว้ามานะครับ
E85 มีคุณสมบัติกัดกร่อนสูงจริงหรือ
ข้อนี้จริง แต่ไม่ได้เยอะอย่างที่คิดครับ แม้แต่น้ำมันเบนซินเองก็กัดด้วยเหมือนกัน
(ลองเทใส่มือดูก็คงจะพอทราบว่าการกัดกร่อนนี้เป็นยังไงและผู้ผลิตรถยนต์ก็ทราบถึงปัญหานี้มาตั้งแต่เริ่มมีการเปลี่ยนมาใช้น้ำมันไร้สารตะกั่วในท้องตลาด จึงมีการเปลี่ยนไปใช้วัสดุที่ทนต่อการกัดกร่อนของเบนซินไร้สารตะกั่วนี้ได้มาตั้งแต่ต้นปี 90 แล้ว (ยุคเดียวกับที่เริ่มเปลี่ยนมาเป็นเครื่องยนต์ระบบหัวฉีด)ดังนั้นปัญหาจริงๆของ E85 ไม่ใช่เรื่องของคุณสมบัติการกัดกร่อน แต่กลับเป็นคุณสมบัติดูดความชื้นของแอลกอฮอล์ต่างหาก ซึ่งถ้าเราปล่อยเอธานอลทิ้งไว้นานๆ ตัวมันก็จะเริ่มดูดความชื้นสะสมเอาไว้เรื่อยๆ และถ้าหากภาชนะที่บรรจุนั้นเป็นเหล็ก ผลที่ได้ก็คือสนิมนั่นเอง
แน่นอนครับว่าผู้ผลิตก็ทราบถึงเรื่องนี้ และก็ได้เปลี่ยนจากท่อน้ำมันที่เคยเป็นเหล็กล้วนตอนสมัยเครื่องคาร์บูฯเป็นท่ออลูมิเนียม ถังเหล็กก็มีการชุบสารกันสนิมเคลือบไว้ด้านใน หรืออย่างช่วง 10 ปีที่ผ่านมาก็ใช้เป็นถังและท่อน้ำมันพลาสติกแทนแล้ว นอกจากนี้ก็ยังเป็นถังระบบปิด กันอากาศและความชื้นเข้าออกเอาไว้อีกด้วย โดยรวมแล้วก็พอจะพูดได้ว่า รถที่เป็นเครื่องหัวฉีดมาจากโรงงานนั้นมีความพร้อมที่จะใช้ E85 ได้เกิน 90% อยู่แล้ว

ในส่วนของยางกับเอธานอลนั้น ความเสียหายจะเป็นคนละสาเหตุกับเหล็ก กล่าวคือไม่ใช่ความเสียหายจากการกัดกร่อนหรือสนิม แต่เกิดจากคุณสมบัติความ "แห้ง" ของแอลกอฮอล์ซึ่งทำให้เนื้อยางกรอบและแตกร้าวได้ แต่โชคดีที่ความเสียหายที่ว่านี้จะเกิดเฉพาะกับยางธรรมชาติเท่านั้นครับ ส่วนยางที่นำมาใช้ในการผลิตรถยนต์ในช่วงเวลาเดียวกับที่กล่าวมาข้างต้นนั้น เปลี่ยนเป็นยางผสมหรือยางสังเคราะห์ซึ่งจะไม่มีการแตกตัวในลักษณะอย่างที่ว่าแทนไปแล้ว ดังนั้นหากสำรวจแล้วว่าท่อยางที่ใช้งานยังอยู่ในสภาพที่ดี ก็สามารถเติม E85 ได้เลย (ต่อให้ไม่ได้คิดจะเติมใช้ ถ้าเห็นท่อน้ำมันเบนซินเริ่มมีรอยแตกแล้วก็เปลี่ยนเถอะครับ)

มีบทความจากเวปนอกเขียนไว้ว่่า หนึ่งในเหตุผลที่ยังต้องมีการผสมน้ำมันเบนซินเอาไว้ 15% ก็เพราะต้องการอาศัยความ "มัน" มาเป็นตัวช่วยกันไม่ให้ท่อยางแห้งเกินไป แต่ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นเหตุผลในการทำ Denatured Alcohol* มากกว่า

เติมแล้วทำให้ปั๊มติ๊กพังหรือกรองตันหรือเปล่า?
- อย่างที่เขียนไปในคำตอบแรก ถ้าหากเป็นปั๊มติ๊กที่มีชิ้นส่วนเป็นเหล็ก และมีการปล่อยทิ้งไว้นานก็จะทำให้ปั๊มเป็นสนิมได้จริง ถ้าเป็นรถที่มีอายุมากๆ ผ่านการใช้งานมานาน พอเติม E85 ใส่ลงไป จะทำให้คราบจำพวกสารหล่อลื่นหรือสารเติมแต่งอื่นๆที่ผสมมากับน้ำมันเบนซินที่เกาะอยู่ในถังละลายออกมา ซึ่งอาจจะทำให้กรองเบนซินหรือปั๊มติ๊กอุดตันได้ถ้าหากมีประมาณเยอะพอ ซึ่งตรงนี้ส่วนตัวยังไม่เคยเจอ บางคันอายุเกิน 15 ปีแล้วก็ยังเติมใช้ได้ปกติดี ตรงนี้อาจจะใช้วิธีเปลี่ยนกรองเบนซินหลังจากใช้งานไปสักพักแล้วก็น่าจะหมดปัญหา

เติม E85 ทำให้เครื่องพังได้ใหม?
- ถ้าเป็นรถที่ไม่ได้ทำมารองรับ E85 แล้วเผลอเติมไปสักถังก็ไม่ต้องตกใจครับ แค่ถ่ายออก (อย่าถ่ายทิ้งนะครับ เอามาให้ที่ PB Motor ใช้ก็ได้ http://www.siamspeed.com/Smileys/default/tongue.gif ) แล้วเติมน้ำมันปกติลงไปก็จบครับ แต่ถ้าฝืนใช้ไปนานๆโดยไม่มีการใส่อุปกรณ์ปรับส่วนผสมใดๆเลย ก็อาจจะทำให้เครื่องพังจากส่วนผสมบางได้ครับ ซึ่งยังไงก็ไม่ใช่พังในทันทีแน่นอน

เติม E85 แล้ววิ่งได้ระยะทางน้อยลงรึเปล่า?
- จริงครับ แต่น้อยลงประมาณ 10-15% เท่านั้น เทียบกับราคาน้ำมันที่ถูกกว่าเกือบครึ่งก็ยังถือว่าประหยัดได้มากกว่าพอสมควร ถ้าหากราคาน้ำมันต่างกันไม่เกิน 20% ก็คงไม่คุ้มที่จะเติมครับ

E85 มีพลังงานน้อยกว่าเบนซิน ทำให้รถแรงน้อยกว่าเดิมหรือเปล่า?
- จริงอยู่ที่พลังงานจาก E85 น้อยกว่าน้ำมันเบนซิน "เมื่อเทียบจากการเผาไหม้ในปริมาณที่เท่ากัน" แต่ด้วยคุณสมบัติที่ทำให้ต้องเพิ่มปริมาณการจ่าย E85 สำหรับการเผาไหม้ให้มากขึ้นกลับกลายเป็นข้อดีที่ทำให้อุณหภูมิในการเผาไหม้ของ E85 มีความเย็นมากกว่าและเผาไหม้ได้นานกว่า แทนที่จะเป็นการระเบิดแบบรุนแรงในระยะเวลาสั้นๆ ก็กลายเป็นการระเบิดที่ยาวตลอดการเคลื่อนที่ลงของลูกสูบ ส่งผลให้มีแรงบิดที่ต่อเนื่องกว่า เครื่องยนต์เดินเรียบกว่าอย่างชัดเจน

ข้อสรุปในการตัดสินใจสำหรับคนที่คิดจะใช้ E85 นะครับ
- รถที่ต้องการจะเติม มีชิ้นส่วนของระบบน้ำมันที่ยังอยู่ในสภาพที่ดี ไม่แตกร้าว ถังน้ำมันยังคงความเป็นระบบปิดอยู่
- ต้องการใช้น้ำมันที่มีค่าออกเทนสูงสำหรับเครื่องยนต์ที่ต้องการสมรรถนะ หรือต้องการใช้น้ำมันราคาถูกเพื่อความประหยัด
- อาศัยอยู่ใกล้หรือเส้นทางที่ใข้ประจำมีปั๊มน้ำมันที่มี E85 จำหน่าย ถ้าต้องขับไปเติมไกลๆ อาจจะไม่คุ้มเท่าไหร่
- ใช้รถเป็นประจำ ไม่ได้จอดทิ้งไว้นานเป็นเดือน
- ต้องมีการติดตั้งอุปกรณ์ในการปรับส่วนผสมเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นชุดคิทสำเร็จ กล่องพ่วง หรือกล่อง standalone



ขอบคุณครับ ความรู้เยอะเลย