taykover1
16-12-2014, 06:10
เรื่องมีอยู่ว่าผมใช้ triton plus 4d ใช้งานที่ จ.นราธิวาส (เป็นทหาร) รถใช้งานมาปีกว่าๆ
รถคั้นนี้มีประกันภัยชั้น 1 ของเมืองไทยประกันภัย วงเงินคุ้มครองสูงสุด 700,000 บาท ตามที่ระบุไว้ให้หน้าตารางกรมธรรม์
เกินเหตุเนื่องจากรถจอดอยู่ในโรงจอดรถแล้วโดน กองไม้ที่กองไว้ข้างๆล้มใส่ จนรถเกิดความเสียหายเป็นรอยหลายจุด
ขณะนั้นเป็นเวลา 20 00 (สองทุ่ม) ผมก็เก็บไม้ทั้งหมดที่ล้มมาโดนรถออก เพราะถ้ารอโทรเรียกประกัน คงไม่มีใครมา
เพราะเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยและผมไม่สามารถรอประกันจนถึงเช้าได้ (ผมคิดว่าคงไม่มีใครรอประกันมาถ่ายรูปและปล่อยให้กองไม้ล้มใส่รถอยู่แบบนั้น)
ผมคิดว่าจะรอจนถึงชุดพักแล้วจะขึ้นมาเคลมที่สัตหีบ
ประเด็นมีอยู่ว่า ที่สัตหีบผมโทรเรียกประกันมาออกใบเคลมเพื่อจะได้นำรถเข้าซ่อม ประกันบอกว่ารถผมมีรอยทั้งหมด 6 จุด เสียค่า เอ็กเซฟ ทั้งหมด 6,000 บาทเนื่องจากต้องทำทั้งหมด 6 ชิ้น
ผมไม่อยากเชื่อเลยครับนี้คือประกันชั้น 1 ของเมืองไทยประกันภัย
เสียเงินซื้อประกันไป 19,000 กว่าบาท แล้วยังต้องมาเสียเงินเพื่อเคลมประกันอีก 6000
ก็เลยต่อรองไปครับ จนท ที่มาทำเคลมก็ไม่ยอมลดให้จนผมต้องขอคุยกับหัวหน้าเค้าก็บอกว่าเป็นการเคลมแบบไม่มีคู่กรณี
ต้องเสียค่า เอ็กเซฟ แต่ผมว่ามั้นแพงเกินไป (เพราะประกันเก่าที่ผมเคยทำ(วิริยะ)เก็บสีรอบคันเสียแค่ 2000 เท่านั้น)
ผมก็เลยขอเขียนเรื่องร้องเรียนถึงบริษัท เมืองไทยประกันภัยครับ ตอนนี้รอตอบรับอยู่ครับ เหตุการณ์แจ้งเคลมนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15/12/2557
ตอนนี้รอการตอบรับจากบริษัทครับแล้วจะรายงานความคืบหน้าต่อไป
*********************************
16/12/2557
1.โทรไปที่เบอร์ส่วนกลางของประกันเมืองไทย แล้วก็ยังไม่ได้ข้อสรุป พนักงานบอกเพียงแต่ว่ารอบริษัทพิจารณา
2.ผมจึงโทรไปปรึกษากับโบกเกอร์หรือตัวแทนขายประกันเมืองไทย(ซื้อประกันที่ระยอง ตรงข้ามสนามกีฬา)
คนที่ขายประกันให้ผมดูแลดีมากครับรีบติดต่อประสานงานอย่างรวดเร็ว นำเรื่องของผมบอกผู้จัดการให้ไปคุยกับบริษัท
ความคืบหน้าต่อเนื่อง
17/12/2557
คนที่ขายประกันโทรมาหาผม
หลังจากที่ได้ร้องเรียนไป สรุปผมต้องเสียค่า เอ็กเซฟ 2,000 บาท จากตอนแรก 6,000 บาท
เวลา 13.00 ผมสามารถนำรถเข้าอู่ทำสีได้(ติดต่อเรื่องเอกสารและเข้าคิวรอนำรถเข้าเก็บสีต่อไปครับ)
*******************************
สรุปเหตุการณ์นี้ สำหรับประกันเมืองไทย
หากว่าเราต้องการจะเคลมรถ ในกรณีที่เป็นการเคลมแห้ง(เคลมแบบไม่มีคู่กรณี)
ให้เราติดต่อไปที่ตัวแทนจำหน่ายประกันของเรา แล้วคุยเรื่องแจ้งเคลมกับทางนั้นก่อนการเคลมจะเคลมง่ายขึ้นครับ
ผมมีความรู้สึกว่า ตัวแทนขายประกันหรือโบกเกอร์ จะมีอำนาจการต่อรองกับบริษัทมากกว่าลูกค้าอย่างเรา
และไม่ควรโทรไปเบอร์ส่วนกลางก่อนครับ(กรณีเคลมแห้ง) เพราะพวกที่ออกมาทำเคลมข้างนอกจะใช้เลห์เหลี่ยมให้เราจะให้เราจ่ายเงิน ค่า เอ็กเซฟ แบบที่ผมโดน
จากเหตุการณ์จริงนำมาเล่าสู่กันฟังครับ
รถคั้นนี้มีประกันภัยชั้น 1 ของเมืองไทยประกันภัย วงเงินคุ้มครองสูงสุด 700,000 บาท ตามที่ระบุไว้ให้หน้าตารางกรมธรรม์
เกินเหตุเนื่องจากรถจอดอยู่ในโรงจอดรถแล้วโดน กองไม้ที่กองไว้ข้างๆล้มใส่ จนรถเกิดความเสียหายเป็นรอยหลายจุด
ขณะนั้นเป็นเวลา 20 00 (สองทุ่ม) ผมก็เก็บไม้ทั้งหมดที่ล้มมาโดนรถออก เพราะถ้ารอโทรเรียกประกัน คงไม่มีใครมา
เพราะเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยและผมไม่สามารถรอประกันจนถึงเช้าได้ (ผมคิดว่าคงไม่มีใครรอประกันมาถ่ายรูปและปล่อยให้กองไม้ล้มใส่รถอยู่แบบนั้น)
ผมคิดว่าจะรอจนถึงชุดพักแล้วจะขึ้นมาเคลมที่สัตหีบ
ประเด็นมีอยู่ว่า ที่สัตหีบผมโทรเรียกประกันมาออกใบเคลมเพื่อจะได้นำรถเข้าซ่อม ประกันบอกว่ารถผมมีรอยทั้งหมด 6 จุด เสียค่า เอ็กเซฟ ทั้งหมด 6,000 บาทเนื่องจากต้องทำทั้งหมด 6 ชิ้น
ผมไม่อยากเชื่อเลยครับนี้คือประกันชั้น 1 ของเมืองไทยประกันภัย
เสียเงินซื้อประกันไป 19,000 กว่าบาท แล้วยังต้องมาเสียเงินเพื่อเคลมประกันอีก 6000
ก็เลยต่อรองไปครับ จนท ที่มาทำเคลมก็ไม่ยอมลดให้จนผมต้องขอคุยกับหัวหน้าเค้าก็บอกว่าเป็นการเคลมแบบไม่มีคู่กรณี
ต้องเสียค่า เอ็กเซฟ แต่ผมว่ามั้นแพงเกินไป (เพราะประกันเก่าที่ผมเคยทำ(วิริยะ)เก็บสีรอบคันเสียแค่ 2000 เท่านั้น)
ผมก็เลยขอเขียนเรื่องร้องเรียนถึงบริษัท เมืองไทยประกันภัยครับ ตอนนี้รอตอบรับอยู่ครับ เหตุการณ์แจ้งเคลมนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15/12/2557
ตอนนี้รอการตอบรับจากบริษัทครับแล้วจะรายงานความคืบหน้าต่อไป
*********************************
16/12/2557
1.โทรไปที่เบอร์ส่วนกลางของประกันเมืองไทย แล้วก็ยังไม่ได้ข้อสรุป พนักงานบอกเพียงแต่ว่ารอบริษัทพิจารณา
2.ผมจึงโทรไปปรึกษากับโบกเกอร์หรือตัวแทนขายประกันเมืองไทย(ซื้อประกันที่ระยอง ตรงข้ามสนามกีฬา)
คนที่ขายประกันให้ผมดูแลดีมากครับรีบติดต่อประสานงานอย่างรวดเร็ว นำเรื่องของผมบอกผู้จัดการให้ไปคุยกับบริษัท
ความคืบหน้าต่อเนื่อง
17/12/2557
คนที่ขายประกันโทรมาหาผม
หลังจากที่ได้ร้องเรียนไป สรุปผมต้องเสียค่า เอ็กเซฟ 2,000 บาท จากตอนแรก 6,000 บาท
เวลา 13.00 ผมสามารถนำรถเข้าอู่ทำสีได้(ติดต่อเรื่องเอกสารและเข้าคิวรอนำรถเข้าเก็บสีต่อไปครับ)
*******************************
สรุปเหตุการณ์นี้ สำหรับประกันเมืองไทย
หากว่าเราต้องการจะเคลมรถ ในกรณีที่เป็นการเคลมแห้ง(เคลมแบบไม่มีคู่กรณี)
ให้เราติดต่อไปที่ตัวแทนจำหน่ายประกันของเรา แล้วคุยเรื่องแจ้งเคลมกับทางนั้นก่อนการเคลมจะเคลมง่ายขึ้นครับ
ผมมีความรู้สึกว่า ตัวแทนขายประกันหรือโบกเกอร์ จะมีอำนาจการต่อรองกับบริษัทมากกว่าลูกค้าอย่างเรา
และไม่ควรโทรไปเบอร์ส่วนกลางก่อนครับ(กรณีเคลมแห้ง) เพราะพวกที่ออกมาทำเคลมข้างนอกจะใช้เลห์เหลี่ยมให้เราจะให้เราจ่ายเงิน ค่า เอ็กเซฟ แบบที่ผมโดน
จากเหตุการณ์จริงนำมาเล่าสู่กันฟังครับ