กับคำถามทั้งหน้าไมค์และหลังไมค์เข้ากันมาเป็นประจำ ผมไม่ใช่กูรูนะครับ
แต่จะเอาทฤษฎี และการใช้งานจริง มาเล่าสู่กันฟัง
กับการวัดระดับน้ำมันเกียออโต้
1 ต้องบอกก่อนเลยครับว่า เราจะวัดก็ต่อเมื่อ รถจอดอยู่ในพื้นที่เรียบ ไม่ลาดเอียง และต้องสตาร์ทเครื่องยนต์ไว้เท่านั้นถึงจะดึงก้านวัดระดับขึ้นมาดูเพื่อที่ลูกทอร์คมันจะหมุนปั่นน้ำมันเกียเข้าไประบบทุกสว่นของเกียร์ครับ
2 เมื่อดึงก้านวัดขึ้นมาแล้ว ให้ดูสี(ดำ-ใสอมชมพู) และกลิ่น(ปกติ-เหม็นใหม้)ครับ ดูเสร็จแล้วเอาผ้าเช็ดและ เสียบก้านวัดกลับลงไปจนสุดแล้วดึงขึ้นมาใหม่เพื่อดูระดับน้ำมันเกียร์ครับ
จากภาพก้านวัดระดับน้ำมันเกียร์เราในรถไทรทัน จะมีร่องมาร์คทั้งหมด 3 ร่อง คือ cool hot ล่าง และ hotบน
ตามทฤษฎีแล้ว หากเราสาร์ทรถในตอนเช้า เข้าเกีย เดินหน้า ถอยหลังให้ครบทุกเกียร์แล้วจอดรถ ดึงก้านวัดมาเช็ค มันต้องอยู่ในระดับ cool ถึง hot ล่าง หมายถึง ร่องล่างสุดกับร่องที่สองนั่นเอง
และหากเราวัดในขณะที่อุฯภูมิน้ำมันเกียอยู่ที่ราวๆ 80 องศา หรืออุณภูมิใช้งานปกติ หรือขับรถมาแล้วอย่างน้อย 15 กิโลเมตรขึ้นไป แล้วดึงก้านวัดขึ้นมาเช็ค ต้องอยู่ในระดับ hot ล่าง และ hotบน นั่นคือ ร่องที่ 2 และ 3 นั่นเองครับ
เนื่องจากน้ำมันเกียร์เมื่อมีการใช้งานจะเกิดอุณหภูมิที่สูงมากขึ้น และจะมีการขยายตัวขึ้นทำให้เวลาเครื่องร้อนเราจึงวัดระดับได้สูงกว่าเวลาเครื่องเย็นเท่านั้นเองครับ
และถ้ามันเกิน hot บนไปเยอะตามกูรูและช่างเทคนิคต่างๆว่าไว้คือ มันจะไปแทนที่ที่มันไม่ควรอยู่ เกิดฟองออากาศ ระบบโซลินอย ชุดคลัทต่างๆอาจเกิดความเสียหายหรืออายุการใช้งานสั้นลง(นี่ละมั้ง ทำไมบางคัน ไม่ถึงแสนโลพัง บางคันสามแสนแล้วยังนิ่งๆ นอกเหนือจากพวกตีนบ้าพลังนะครับ)
จบนะครับเรื่องทฤษฎี
ทีนี้มาที่ ชีวิตจริง
ไทรทันเกียออโต้ผมทั้งสอง คัน เช็คตอนเครื่องร้อน มันเกินร่องที่สาม คือ hot บนไปราวๆ 1-1.5 เซ็น ตั้งแต่ออกจาก ศูนย์ ป้ายแดงๆเลยทีเดียวแต่ก็ใช้งานทั้งสองคันมา ไม่เห็นมันเป็นอะไร
ไอ้คำว่าไม่เห็นมันเป็นอะไรมันมีสองอย่างคือ
****มันไม่เป็นอะไรจริงๆ
****กับมันเป็นแต่เราไม่รู้(เกียร์เราจะพังวันไหนไม่รู้ สมมติว่าพังที่ 2 แสนโลวันนั้นเราอาจบอกกับตัวเองว่าคุ้มแล้ว แต่ ถ้าระดับน้ำมันเกียอยู่ในระดับมันอาจใช้ได้ถึง 3 แสนโลก็ได้)
ถ้าคิดว่าโรงงานมันเติมมาถูกและดีแล้ว แต่เกินร่องวัดระดับ และคู่มือบอก มิตซู เมิงจะทำก้านวัดมาทำไมว๊า
Bookmarks