วันที่15 ว่าจะไปเที่ยวลาวออกทางหนองคายแต่ไม่มีข้อมูลเลยค่ะ ขอข้อมูลจากน้าๆที่เคยไปมาแล้วด้วยค่ะ
วันที่15 ว่าจะไปเที่ยวลาวออกทางหนองคายแต่ไม่มีข้อมูลเลยค่ะ ขอข้อมูลจากน้าๆที่เคยไปมาแล้วด้วยค่ะ
ไปขอบัตรผ่านแดนเอา แถวๆนั้น อยู่ลาวได้มีทั้งแบบวันเดียว หรือสามวัน จำไม่ค่อยได้ละ ลองหาข้อมูลจาก google เพียบ
คิดถึงเหมือนกันไม่ได้ไปสิบกว่าปีแล้ว
สิรวิทย์ ครับ 089-1211448 โทรมาคุยได้ครับ
ผมเป็นเขยลาวครับ พอรู้เรื่องอยู่มั่งครับ
ถ้ามี Passport ก็ไปขอวีซ่า หน้าด่านได้เลยครับ
ถ้าไม่มีก็ไปทำบัตรผ่านแดนเอาครับ 150 บาทมั้งครับ ถ้ามีรูปอยู่แล้วก็เอาไปด้วยก็ดีจะได้ถูกอีกหน่อย และอย่าลืมพกบัตรประชาชนไปด้วยละครับ
ตอนนี้เงินบาทถูกครับ 240-250 กีบ / 1 บาท (เพราะเค้าดูตามเงิน $ )
ขอบคุณมากค่ะคุณ sirawitr แล้วจะโทรไปรบกวนค่ะ
ไปเหมือนกันครับ 13-15 ค้างคืนที่ฝั่งนู้น
น้าๆเอารถเข้าไปด้วยมั๊ยคะ
คุณsirawitrครับ ผมไม่อยากรู้เรื่องไปเที่ยวลาวหรอกครับ แต่ที่อยากรู้คือเรื่อง " เขยลาว" นี่แระ อิอิอิอิอิ เคยไปมาทีนึงครับนั่งรถเมล์ข้ามแดนไป พอตรวจบัตรผ่านแดนเสร็จ (ไอ้เจ้าหน้าที่ลาวที่ตรวจบัตรมีแซวแฟนผมด้วย ยังมึนเลย ไม่อยากด่ามันเดี๋ยวติดคุกลิง) เสร็จแล้วก็ไปขึ้นรถเมล์ของลาวครับไปลงเวียงจันทร์ พยายามขึ้นรถเมล์นะครับ มันจะมีพวกรถรับจ้างถ้าเห็นคนไทย เขาจะเรียก500ไว้ก่อนเลย ผมนั่งรถเมล์ไปกะแฟน พอไปถึงก็ไม่รู้กี่บาทคำนวนไม่ทัน คนขับเลยหยิบจากมือไป20บาท เดินเล่นแถวนั้นพักนึงไม่รู้จะไปไหน งง เลยจ้างสกายแลป200บาทพาขับวนเมือง แล้วก็ไปซื้อของปลอดภาษีแล้วก็กลับครับ สาวลาวสวยๆก็เยอะนะครับ อิอิ แอบเหล่ตอนแฟนเผลอ
เขยลาว นี่ผมคิดว่ามันมีที่มาจากเบียร์ลาวครับ เนื่องจากภาษาลาวเวลาเขียนคำว่าเบียร์ลาว จะเขียนว่า เบยลาว แต่ด้วยรูปลักษณ์ ของตัว บ.ใบไม้ ของลาวเนี่ยมันคล้าย ข.ไข่ บ้านเราครับ เวลาไปสั่งเบียร์ลาวกิน คนไทยเลยบอก เขยลาวขวด เบียร์ลาวอร่อยครับรสชาดดี แต่กินแล้วต้องคืนขวดเนี่ยซิ ขวดแตกมีเคือง
เมีย (ไทย) = เมย (ลาว) ครับ
ถ้ามีเล่มแล้วก็ง่ายมากครับ ที่หนองคายมีบริการทำหนังสือข้ามครับแต่จะแพงหน่อยนะครับ คร่าวๆ คือต้องเอาเล่มไปทำพาสพอร์ตรถก่อนครับ เล่มสีม่วงๆ ง่ายครับถ้ามีเล่ม
แต่ถ้าติดไฟแนนท์อยู่ก็แล้วแต่ข้อบังคับของแต่ละไฟแนนท์ครับ เท่าที่เคยข้ามมาก็ของ Toyota lising ครับบริการดีมากครับ อันนี้เขาดีจริง ถ้ายังไม่มีก็ต้องขอหนังสือมอบอำนาจจากไฟแนนท์เอารถข้าม + ยืมเล่มไปทำพาสพอร์ตรถ ประมาณนี้อ่ะครับ และก็เอกสารตามที่ไฟแนนท์กำหนด
คริคริ....ได้รู้หนึ่งคำแล้ว เวลาเป็นเขยลาวเมากลับไทยไม่ได้แน่
เขยลาวเนี่ยคือเบียร์ลาวเหรอคะ นึกว่ามีแฟนเป็นคนฝั่งลาวซะอีก
เขยลาว
สาวลาว
ผมมีเรื่องหนึ่ง อ่านแล้วระวังไว้บ้างก็ดีนะครับ
FW: ไปเที่ยวลาว..ระวัง!!! ยาเสียสาว..เป็นคุณจะตัดสินใจยังไง
ไปอ่านเจอในพันธุ์ทิพย์ น่ากลัวมาก..ไปเที่ยวลาวหรือปท.แถวๆนี้ให้ระวังตัวดีๆ
เรื่องยาวหน่อย..แต่เป็นอุทธาหรณ์ที่ดี เมื่อต้นกพ.52 นี้เอง
เป็นคุณจะตัดสินใจยังไงกับเรื่องที่จะอ่านต่อไปนี้...
1.ช่วย...เป็น hero แต่อาจถูกทำร้าย หรือเรื่องไม่คาดฝัน..หรือไม่เกิดอะไรเลย
2.อยากช่วยแต่ก็ไม่ช่วย..ด้วยเหตุผลต่างๆ....
3.เฉยๆ..ไม่ใช่เรื่อง
อ่านดู...
credit... คุณสินธร จากพันธุ์ทิพย์
เข้าไปพิมพ์ขออนุญาตมาโพสไว้ที่คห. 216
ตามลิ้งค์นี้
http://www.pantip.com/cafe/blueplane.../E7503620.html
..... "ปกติผมเป็นคนพิมพ์ช้า แต่การพิมพ์ข้อความโพสกระทู้ไม่ว่าตั้งเองหรือตอบยาวๆที่ห้องอื่นๆ ผมก็พิมพ์สดๆแม้เป็นเรื่องยากกว่านี้เยอะ
โดยไม่ต้องร่างก่อน และไม่เคยใช้เวลานานขนาดนี้ ( ประมาณ 7 ชั่วโมงครึ่ง) แต่เที่ยวนี้ผมพิมพ์ไปต้องหยุดเป็นระยะ นั่งนึกลำดับเหตุการณ์ก่อนหลัง
รวมทั้งการตัดสินใจของตนเองว่าที่ทำไปถูกต้องหรือไม่ ทั้งๆที่เหตุการณ์นั้นเป็นช่วงระยะเวลาแค่สั้นๆ “โดยเฉพาะช่วงที่แน่ใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
จนถึงผมตัดสินใจสุดท้าย ช่วงเวลานั้นน่าจะประมาณ 15-20 นาที” (ในตอนนั้นผมไม่มีนาฬิกา) แต่ผมมีความรู้สึกว่าตอนนั้นยาวนานมาก
เหตุการณ์เกิดตอน 1day trip ที่วังเวียง
ผมซื้อความสบายหวังว่าจะได้รับประสบการณ์ที่ดีมีความปลอดภัย ไม่ต้องดิ้นรน หนึ่งวันจะประกอบด้วย นั่งห่วงยางลอดถ้ำน้ำ เลี้ยงอาหารกลางวันมีข้าวผัด
บาบีคิว กล้วยน้ำว้าสองใบ มีน้ำดื่มให้หนึ่งขวดใหญ่ พายเรือคะยัค กระโดดน้ำ และพายเรือคะยัคต่อหรือล่องห่วงยางถึงวังเวียง แล้วแต่เวลา
1day trip ผมซื้อในราคา 90000 กีบโดยไม่ต่อราคา(เข้าใจว่าต่อได้)ในคืนวันที่ 4 กพ.ที่ไปถึงวังเวียง เช้าวันต่อมา 5 กพ. คนของทัวร์มารับยังที่พัก 9.30 น. พาขึ้นรถบรรทุกตะเวนรับนักท่องเที่ยวตามที่พักหรือสำนักงานขายทัวร์รวมกันไปด้วยรถบรรทุกสองคัน ช่วงที่รับคนญี่ปุ่นขึ้นรถ ได้ยินชาวลาวคุยกันว่า
ผู้หญิงญี่ปุ่นสวยด้วยแล้วก็หังเราะกัน (ภาษาลาว แต่พอฟังออก) ทั้งหมดรวมกันประมาณ 24-27 คน ผมจำไม่ได้แน่นอน
ใน trip นี้มีผมเป็นคนไทยคนเดียว นอกนั้น ผู้ชายชาวอินโดฯ 1 คน ชายชาวเกาหลีหนึ่งคนมากับผู้หญิงชาวลาว(คาดว่าเป็นผู้หญิงกลางคืน)
สาวญี่ปุ่น 4 คน นอกนั้นฝรั่งทั้งนั้นหลายชาติหลายภาษา......(ขอข้ามมันยาว)
.
.
"เรื่องผิดปกติคือเมื่อไกด์เรียกนักท่องเที่ยวไปต่อ ผมเดินขึ้นไปก่อน ส่วนคนอื่นๆก็เก็บข้าวของทยอยตามมา ช่วงที่รอคนอื่นผมก็ยืนคุยกับไกด์ชาวลาว
สะดุดตรงคำพูดที่ว่า
“ไกด์ : พี่มาคนเดียวหรือ กลับพรุ่งนี้หรือป่าว ค่ำนี้ค้างแถวสไลด์เดอร์เช้าเขาจะไปส่งที่พัก
ผม : มีอะไรหรือ ถึงให้ค้างที่นั่น
ไกด์ : ผู้หญิงญี่ปุ่น 4 คน ไม่มีผู้ชายมาด้วย เดี๋ยวผมจัดให้พี่หนึ่งคน (สาวญี่ปุ่นมากันสี่คนยังเด็กทั้งหมดเรียนหนังสืออยู่ เพราะได้ทักทายกันบ้างนิดหน่อย)
ผม : พยักหน้า แต่ไม่พูดอะไร (ในตอนนั้นรู้สึกได้ทันทีว่าผิดปกติ ไกด์มีสิทธิ มีอำนาจสั่งคนญี่ปุ่นได้ขนาดนั้นหรือ และ“จัดให้” ที่ว่าหมายถึงอะไร)”
.....เสร็จจากถ้ำช้างไกด์ก็เรียกขึ้นรถ รถขับพากลับไปทางที่จะเข้าวังเวียงประมาณ 5 กิโลฯ เพื่อเอาเรือคะยัคลงลำน้ำชอง
ไกด์ก็อธิบายการพายเรือให้นักท่องเที่ยวฟัง แล้วก็จัดให้นักท่องเที่ยว ใครจะพายคนเดียว ใครจะพายสองคน ช่วงนี้ไกด์จัดให้คนญี่ปุ่นหนึ่งคน
ลงเรือคะยัคไปกับผม ผมปฏิเสธบอกพายเรือไม่เป็น ขอไปกับไกด์ดีกว่า.....(ขอข้าม)
....หันไปเจอกลุ่มไกด์กำลังก่อไฟในเตาถ่านปิ้งปลาที่จับในลำน้ำชองกินกับข้าวเหนียว ไกด์กวักมือเรียกผม ผมก็เดินเข้าไป ไกด์ชวนให้กินด้วย
ผมบอกอิ่มกินไม่ไหว ไกด์จึงล้วงขวดเหล้าออกมา ยี่ห้อเหล้าไม่คุ้นเข้าใจเองว่าเป็นเหล้าท้องถิ่นของลาวชวนผมกินด้วย ผมบอกกินเหล้าไม่เป็น
ผมนั่งคุยกับไกด์ได้สักพัก เหล้าเหลือครึ่งขวด ไกด์ล้วงกระเป๋าสะพายดึงของออกมาสองซอง ฉีกแล้วเทลงขวดเหล้าที่เหลือครึ่งขวด
(ผมเห็นแบบนั้นนึกย้อนกลับไปถึงคำพูดของไกด์ทันที “ผู้หญิงญี่ปุ่นสวยด้วย”ตอนเพิ่งขึ้นรถในวังเวียง กับ “พี่มาคนเดียว ค่ำนี้พักที่นี่
เดี๋ยวผมจัดคนญี่ปุ่นให้หนึ่งคน”)
ซองแบบนั้นผมเคยเห็นเมื่อตอนที่ไปแม่สายข้ามไปท่าขี้เหล็ก คนที่เคยไปคงนึกภาพออกถึงคนพม่าสะพายตะกร้าห้อยคอขายไวอะกร้าและสินค้าอื่นๆ
รวมทั้งซองแบบนี้ด้วย บนซองจะมีภาพพิมพ์รูปผู้หญิง ผมบอกไกด์ปวดถ่ายเบาลุกเดินออกมา แล้วเดินไปหาที่ถ่ายเบา ในความคิดตอนนั้น
เริ่มแน่ใจแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่มันอาชญากรรมแล้ว ผมจะจัดการกับเหตุการณ์นี้อย่างไร
เมื่อถ่ายเบาเสร็จ ผมเดินไปดูตรงที่กระโดดน้ำ ซึ่งคนญี่ปุ่นสี่คนกระโดดน้ำแล้วมายืนอยู่แถวนั้น ผมยืนและครุ่นคิดในใจจะเอาไงดี จะบอกคนญี่ปุ่นดีหรือไม่
ผมมายืนตรงนี้หลังจากถ่ายเบาประมาณไม่ถึงนาที หนึ่งคนในคณะไกด์ก็เดินมาพร้อมขวดเหล้า ผมไม่ได้หันไปมอง ตาน่ะมองคนกระโดดน้ำ
แต่หางตามองไปทั่ว สมองก็คิดเริ่มเครียด
ไกด์รินเหล้าใส่แก้วใสใบเล็กๆให้คนญี่ปุ่นกิน เขาก็กินแฮะ ชิมนิดหน่อย ไกด์กวักมือแสดงท่ากินให้หมด
คนญี่ปุ่นก็ว่าง่ายกินหมดแก้ว จนครบ 4 คน
ผมเข้าใจว่า คนญี่ปุ่นคงนึกว่านั่นเป็นส่วนหนึ่งของบริการใน trip อาจจะประกอบกับอาการสนุกสนาน ตื่นเต้น เหนื่อย ระคนกันไป ที่สำคัญยังเด็กด้วย
ผมยืนอยู่ข้างๆห่างไม่เกินสองเมตรเห็นเหตุการณ์นั้น ไม่สบายใจเลย
สักพักหลังจากคนญี่ปุ่นกินเหล้าครบทั้ง 4 คน ไกด์เรียกกลับแล้ว (เร็วกว่าเวลาตาม trip หนึ่งชั่วโมง) ระหว่างทางเดินจากที่กระโดดน้ำถึงเรือคะยัค ไกด์เดินมาคุยกับผมบอก จะแยกกรุ๊ปทัวร์ออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกเขากับเพื่อนอีกคนจะพานักท่องเที่ยวพายเรือคะยัคกลับเข้าวังเวียงจบ trip แล้วแยกคนญี่ปุ่น 4 คนกับผมออกไปที่สไลด์เดอร์ โดยมีหนุ่มเกาหลีกับสาวกลางคืนชาวลาวและคณะไกด์ที่เหลืออีก 4 คนอยู่ด้วย โดยไกด์บอกผมว่าไปส่งนักท่องเที่ยวกลับแล้วเดี๋ยวจะกลับมา
ตามโปรแกรมทัวร์ สไลด์เดอร์ไม่อยู่ในรายการ trip นี้ และคนที่เคยไปคงนึกภาพออกแถวสไลด์เดอร์มีร้านขายเหล้าเบียร์มีดนตรี และละแวกนั้นมีบังกะโลหรือจะเรียกกระท่อมเป็นหลังๆ ก็แล้วแต่จะเรียก คนไม่เยอะ ไม่เหมือนแถวกระโดดน้ำ
ระหว่างพายเรือคะยัคจากจุดกระโดดน้ำถึงสไลด์เดอร์น่าจะประมาณไม่เกิน 10 นาที ผมนั่งมาในเรือกับไกด์เหมือนเดิม ถึงไลด์เดอร์ ไกด์พายเรือจะเข้าฝั่งส่งผม
แล้วค่อยพานักท่องเที่ยวฝรั่งอื่นๆกลับวังเวียง พอเรือใกล้ฝั่งผมหันไปบอกไกด์ผมเหนื่อยมาก เพลียและเจ็บตัวจากที่ขาผมขูดกับเตียงนอนของที่พักเป็นแผล
เมื่อโดนน้ำแล้วผมกลัวไม่สะอาดจะรีบกลับไปทำแผล แล้วผมไม่ชอบคนญี่ปุ่นชอบคนไทยมากกว่า
เขาตอบกลับมาว่าเที่ยวนี้ไม่มีคนไทย อาทิตย์ที่แล้วสิคนไทย
ผมได้ยินแบบนั้นก็ทำเฉยๆ บอกไปอีกว่าผมกลับดีกว่า (ช่วงนั้นผมไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องอื่น คิดอยู่แต่เรื่องจะทำอย่างไรดี เอาไงดี รวมเวลาตั้งแต่ที่แน่ใจว่า
จะเกิดเหตุอะไรคือเห็นฉีกซองใส่ขวดเหล้าจนถึงสไลด์เดอร์น่าจะประมาณ 15-20 นาที ) ไกด์จึงตะโกนบอกเพื่อนให้ชวนหนุ่มอินโดฯอยู่ด้วย
หนุ่มอินโดฯก็เลือกที่จะอยู่
ที่ผมตัดสินใจกลับเข้าวังเวียง นึกอยู่ว่า นี่ต่างถิ่น ไกด์ 6 คนและอาจมากกว่า ส่วนผมคนเดียว เครื่องมือสื่อสารก็ไม่มี ผมตัดสินใจนิ่งเฉย
ปล่อยให้เหตุการณ์ดำเนินไปโดยที่ไม่ได้ทำอะไร ฉีกตัวเองออกจากเหตุการณ์
เมื่อกลับถึงที่พักก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมานั่งสั่งข้าวกินที่รีสอร์ท ระหว่างกินไปก็ย้อนนึกถึงเหตุการณ์ ลำดับเหตุการณ์ ยิ่งนึกก็ยิ่งไม่สบายใจ
ใจอยากกลับเมืองไทยเดี๋ยวนั้น แต่ความจริงกลับไม่ได้หรอก ไปไม่ทันด่านปิดแน่ คืนนั้นผมนอนไม่หลับเกือบตลอดคืน ทั้งๆที่เหนื่อย เพลีย
ปวดเมื่อยไปหมด นึกถึงแต่เหตุการณ์และการตัดสินใจของตนเอง ผมยอมรับนอนน้ำตาไหลบนที่นอน ทั้งๆที่เด็กสาวชาวญี่ปุ่นไม่เกี่ยวข้องกับผม
ไม่ใช่ญาติพี่น้องผมเลย
พูดถึงระยะเวลาของเหตุการณ์สั้นๆ 15-20 นาทีตอนนั้น แต่ในความรู้สึกผมมันช่างยาวนานมากเหลือเกิน คิด เลือกที่จะตัดสินใจกลับไป-มาหลายตลบ
เสมือนหนึ่งสับสนด้วย เครียดด้วย แล้วกับเด็กสาวชาวญี่ปุ่นทั้ง 4 คน คืนนั้นคงเป็นคืนที่ยาวนานมากกว่าผมหลายร้อยหลายพันเท่า
ตอนที่คิดกลับไป-มาหลายตลบนั้นมีหลายหนทางเหลือเกิน
- ชนเลยดีไม๊
- เลือกอยู่ต่อที่สไลด์เดอร์ดีไม๊
- เจรจากับไกด์ดีไม๊
- สุดท้ายผมตัดสินใจก่อนเรือถึงฝั่งที่สไลด์เดอร์ว่ากลับเมืองวังเวียง พร้อมทั้งนึกในใจพี่ขอโทษด้วยที่ไม่ได้ช่วยน้องเลย
ที่ผมตัดสินใจกลับวังเวียง เนื่องจากคิดว่าผมไม่ใช่ตัวละครในไดฮาร์ดหรือแรมโบ้ อยู่กลางเขาสายน้ำชอง ต่างถิ่น ใกล้ค่ำแล้ว เครื่องมือสื่อสารก็ไม่มี
หากชนผมคงไม่ได้กลับเมืองไทย
อย่างหนึ่งคือ ตอนนั้นผมนึกถึงข้อความที่คุณป้อมโพสไว้ในนี้ว่า “ที่ลาวให้ระวังคนดีมากกว่าคนร้าย”
ถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่สบายใจกับเหตุการณ์ครั้งนี้ แม้เหตุการณ์ไม่ได้เกิดผลร้ายต่อผม เพียงถูกไกด์พยายามดึงให้เข้าไปมีส่วนร่วม
ทำไมผมไม่โวยวายตรงกระโดดน้ำ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวฝรั่งเป็นร้อยเต็มไปหมด
ทำไมผมกลับถึงเมืองวังเวียงไม่เล่าให้เจ้าของรีสอร์ตฟัง
ทำไมผมไม่ไปแจ้งความกับตำรวจลาว
ทั้งสามกรณีผมบอกได้เลยว่าตอนนั้นนึกไม่ออก
ผมไปลาวเที่ยวนี้ ตั้งใจไปไหว้พระทำบุญ ตักบาตรข้าวเหนียว แต่กลับมาด้วยความไม่สบายใจ พบเห็นเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์
ไม่รู้ว่าตัวเองไปได้บุญหรือได้บาปกลับมา ไม่รู้ว่าตนเองเลือกหนทางถูกหรือไม่ ไม่รู้ว่าตนเองตัดสินใจถูกหรือไม่ ผมนิ่งเฉยไม่ทำอะไร
ทั้งๆที่คาดได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเด็กสาวชาวญี่ปุ่นทั้ง 4 คน
ผมได้แต่กลับมาเตือนคนไทยด้วยกัน ไปเที่ยวลาว ผู้หญิงไปกันเอง ใช่ว่าปลอดภัย หากแต่อันตรายมาก!!!
'ยาเสียสาว' ผลิตจากจีน
ระบาดตลาดชายแดนไทย-ลาว
บางรายแฝงมากับคนขี่จักรยานขายของเร่
มีทั้งชนิดน้ำและผง ออกฤทธิ์ภายใน 10 นาที
หลังจากมีข่าวการแพร่ระบาดของยาเสียสาวในรูปแบบของกาแฟผงและน้ำส้มนั้น
ล่าสุด จากการตรวจสอบไปตามแนวตะเข็บชายแดนที่ติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน
ตั้งแต่ด่านท่าขี้เหล็ก และแถบ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ
ไปจนถึงแถบชายแดนไทย-ลาว ที่ จ.นครพนม และ จ.หนองคาย พบว่า ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ได้เริ่มมี'ยาเสียสาว'เข้ามาขายตามร้านค้า แต่ยังอยู่ในลักษณะปกปิด
หรือรู้กันเฉพาะกลุ่ม ยาเสียสาวที่นิยมทางแถบชายแดนมีอยู่สองแบบ คือ
แบบน้ำใสบรรจุขวดแก้วขนาดเล็ก ลักษณะไม่มีรส ไม่มีสี และไม่มีกลิ่น ราคาขวดละ 250 บาท
.....ส่วนอีกชนิดเป็นผงสีขาวละเอียด บรรจุอยู่ในซองที่มีภาพถ่ายหญิงโป๊เปลือย มีตัวอักษรจีนระบุว่า
ใช้สำหรับผู้หญิง ปริมาณสุทธิซองละ 2,000 มิลลิกรัม
สามารถละลายในของเหลวทุกชนิดได้ดีในชั่วพริบตา ราคากล่องละ 1,000 บาท
ข้างในบรรจุ 4 ซอง ตกราคาซองละ 250 บาทเช่นกัน
ซึ่งยาทั้งสองประเภทมีพ่อค้าที่นำยาไวอากร้าจากประเทศจีนนำเข้ามาขาย
และกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ยาประเภทนี้นิยมใช้ในหมู่นักเที่ยว
ซึ่งหลังจากที่ให้เหยื่ อกินยาเข้าไปแล้วจะออกฤทธิ์เร็วมาก เพียงไม่ถึง 10 นาที
ก็จะสังเกตมีอาการผิดปกติ ผู้หญิงหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด และตัวร้อนผ่าว '
ที่น่ากลัว คือ ยาชนิดนี้ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น หากเอาไปหยอดใส่น้ำเปล่าให้เด็กสาวกินก็จะอันตรายมาก
เพราะเด็กจะไม่รู้เลยว่าในน้ำแก้วนั้นมีส่วนผสมของยาปลุกเซ็กส์
จึงฝากให้เพื่อนๆเตือนบุตรหลานอย่ารับเครื่องดื่มจากคนแปลกหน้า
หรือเพื่อนชาย เพราะไม่จำเป็นต้องถูกมอมเหล้า แม้แต่น้ำเปล่าก็อาจทำให้เสียสาวได้
นี่ก็สาวประเภทสองลาวครับ
ที่สำคัญบัตรประชาชน ไปทำบัตรผ่านแดนในบริเวณศาลากลางครับ ค่าทำเนียม 60 บาท หรือถ้าให้บริษัทนำเที่ยวทำให้ก็ได้ 120 บาท ต้องระบุในใบผ่านแดนด้วยนะครับว่าจะนอนค้างคืนหรือไม่ มีปัญหาโทรปรึษาได้ครับ 0873542081
ลูกสาวน่ารักมากครับ น้า sirawitr
ในขณะนี้มี 1 ท่านดูกระทู้อยู่. (0 สมาชิกและ 1 ผู้เยี่ยมชม)
Bookmarks