เสียดายคับ ไม่มีโอกาสได้โดนใบสั่งแบบคนอื่น ๆ
ขับเกิน 80 ไม่ได้คับ ไฟ ถังน้ำมันโชว์ตลอดเวลา
เสียดายคับ ไม่มีโอกาสได้โดนใบสั่งแบบคนอื่น ๆ
ขับเกิน 80 ไม่ได้คับ ไฟ ถังน้ำมันโชว์ตลอดเวลา
คงต้องหารถกะป้อมาวิ่งแทนละรับพี่น้อง5555
วันก่อนกลับจากอ.ปายเห็นกล้องตั้งถ่ายอยู่ข้างทางก่อนลำปาง จุดที่จับความเร็วบ่อยๆ ชัดเจนเต็มๆเลย แต่โชคดีที่ขับรถตู้ป้ายแดงไปงานนี้รอดไป
วิ่ง 80 มานานแล้วครับ เฉาได้ใจ 50 กม.ประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที เอาเป็นว่า 80-90 แล้วแต่สะดวกดีกว่าครับงานนี้ แต่ผมเคยโดนกล้องจับ ขับ 90 นี่แหละ ตำรวจบอกว่ากล้องจับได้ 119 เซ็งเลยครับขอบอก เหอะๆ แต่ถ้าทาง 2 เลนส์ ขับแซง 150+ ไม่โดนน๊ะครับ (จริงๆแล้วแซงยาวผิดกฏหมายน๊ะครับ ยกเว้นกรณีสุดวิสัย โผล่ออกไปเจอพ่วง 3 คันซ้อน) เพราะผมถูกโบกสอบถามมาแล้ว เส้น 101 - สุรินทร์ (เจอตำรวจดีครับโชคดีไป เราก็แค่ทำตามหน้าที่ พลเมืองดีคือเปิดกระจกจอดรถสวัดดีและยื่นใบขับพูดคุย และรับฟังข้อกล่าวหา อถิบายเหตุผลถ้าเราไม่ผิดจริง ถ้ากรณีผิดจริงก็ขอให้พี่ๆแกช่วยเราสักหน่อย เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา เพราะต่างคนต่างมีหน้าที่และความรับผิดชอบต่างกัน เจอตำรวจดีๆ เราขับตามกฏหมาย รับรองไม่โดนจับแน่นอนครับ แทบจะไม่ถูกโบก ขอบอก อิอิ) เรื่องของเรื่อง ถ้าขับแซง 80-90 สงสัยจะโดนรถที่สวนมาชนตายซะเปล่าว ไม่งั้นก็ไม่ได้แซงสักที แซงแบบ แรงๆ อย่างน้อยก็พ้นแน่นอนครับ แถมแก้ง่วงได้อีกครับ ข้อเสีย กินน้ำมันครับ ได้แค่ 15+ เองครับ แต่ถ้าขับ 80-85 เรื่อยๆ(ในกณี 2 เลนส์ขึ้นไป) ประหยัดได้ 18+ แน่นอนครับ แล้วแต่สถาณการณ์น๊ะครับ ควรใช้วิจรณญาณด้วยตัวเองเป็นที่ตั้ง ยังไงก็ขอให้ขับขี่ปลอดภัยกันทุกคนน๊ะครับสู้ๆครับ
เราขับเลนขวาไม่ผิดกฎหมายครับ ไม่จำเป็นต้องชิดซ้าย ตาม พ.ร.บ.จราจร มาตรา 34
ยกเว้นขับในลักษณะกีดขวางทางจราจร
เคยโดนเรียกจับขับชิดขวาไม่เข้าเลนซ้าย ผมก็อ้าง ม.34 ม.35 ตำรวจเลยไม่กล้าจับ ต้องยอมปล่อยไปแต่โดยดี แต่ยังไว้เชิงว่าเราขับเร็วอีก เวงกาม
เครื่องตรวจจับความเร็ว อัตโนมัติ การทำงานของเครื่องตรวจจับความเร็วด้วยแสงเลเซอร์นี้สามารถใช้งานได้ทั้งระบบควบคุมเองและระบบอัตโนมัติ โดยเมื่อรถที่ใช้ความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนดผ่านจุดตรวจกล้องก็จะทำการถ่ายภาพโดยอัตโนมัติ จากนั้นความเร็วและภาพรถ จะถูกส่งมาจัดเก็บและแสดงที่ชุดประมวลผลพร้อมแสดง วัน เดือน ปี เวลา สถานที่ จากนั้นข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งต่อมายังศูนย์อำนวยการตำรวจทางหลวงเพื่อที่จะตรวจสอบทะเบียนรถ และ ออกใบสั่งส่งไปยังที่อยู่ของผู้ครอบครองรถตามทะเบียน ต่อไป และหากผู้ได้รับใบสั่งไม่ไปชำระค่าปรับภายในเวลา 7 วัน กองบังคับการตำรวจทางหลวงจะส่งข้อมูลไปยังกรมการขนส่ง เพื่ออายัดการต่อทะเบียนรถด้วย สำหรับความเม่นยำของเครื่องเป็นไปตามมาตรฐานขององค์กร International Association of Chiefs of Police (The IACP) ทั้งยังประสานสำนักมาตรวิทยาแห่งชาติ เพื่อทำการคาริเบธเครื่องเป็นประจำทุกปีและก่อนที่จะนำไปตรวจจับตามจุดต่างๆ ก็จะมีการทดสอบก่อนทุกครั้งด้วยจึงมั่นใจได้ว่าเครื่องจะสามารถตรวจจับได้อ ย่างแม่นยำ เส้นทางที่ตั้งกล้องตรวจจับความเร็วอัตโนมัตินี้
มีอยู่หลายจุดทั่วประเทศ ได้แก่
1. เส้นทางสายพหลโยธิน ช่วงรังสิต ถึง สระบุรี 2 จุด
2. เส้นทางสายมิตรภาพ ระหว่าง สระบุรี ถึง นครราชสีมา 2 จุด
3. เส้นทางสายมิตรภาพ ระหว่าง นครราชสีมา ถึง ขอนแก่น 2 จุด
4. เส้นทางสายเอเชีย ระหว่าง อยุธยา ถึ ง นครสวรรค์ 1 จุด
5. เส้นทางสายเอเชีย ระหว่าง นครสวรรค์ ถึง ตาก 1 จุด
6. เส้นทางสายเอเชีย ระหว่าง ตาก ถึง เชียงใหม่ 1 จุด
7. เส้นทางสายกรุงเทพ นครปฐม วังมะนาว 1 จุด
8. เส้นทางสายกรุงเทพ วังมะนาว 1 จุด
9. เส้นทางสาย วังมะนาว ถึง หัวหิน 1 จุด
10. เส้นทางสายเพชรเกษม ( เลี่ยงเมือง ) ชะอำ ถึง ปราณบุรี 1 จุด
11. เส้นทางสายเพชรเกษม ประจวบคีรีขันธ์ ถึง ชุมพร 1 จุด
12. เส้นทางสายเพชรเกษม ชุมพรถึง สุราษฎร์ธานี 1 จุด
13. เส้นทางสายบางนา - ตราด ระหว่าง กรุงเทพ ถึง บางปะกง 1 จุด
14. เส้นทางสายสุขุมวิท ระหว่าง ชลบุรี ถึง พัทยา 1 จุด
15. เส้นทางสายมอเตอร์เวย์ ชลบุรี ถึง ระยอง 2 จุด
16. และเส้นทางสายสุขุมวิท ระหว่าง ระยอง ถึง จันทบุรี 1 จุด
ซึ่งตำรวจทางหลวงจะทำการสุ่มเปลี่ยนจุดตรวจทุกครั้งที่มีการติดตั้งด้วย หลังจากตำรวจทางหลวงจึงได้จัดหาเครื่องตรว จจับความเร็วด้วยแสงเลเซอร์ จำนวน 45 ชุด แจกจ่ายให้กับสถานีตำรวจทางหลวงกองกำกับการ และกองบังคับการตำรวจทางหลวงทั่วประเทศได้ใช้ติดตั้งเพื่อปรามบรรดาตีนผีเหล่านี้ โดยข้อมูลจากหน่วยตรวจจับความเร็วไฮ – เทคทั่วประเทศที่ถูกส่งมายังศูนย์อำนวยการตำรวจทางหลวงพบว่าเพียงแค่ 3 เดือนแรกที่มีการติดตั้งเครื่องก็ได้จ่ายใบสั่งให้ผู้ที่ขับรถเร็วเกินกำหนดไปแล้วจำนวนมากถึง 42,304 ราย ซึ่งจะนำไปสู่การปรามผู้ขับรถเร็วได้ในอนาคต โดยตำรวจทางหลวงยังได้มีแผนที่ จะติดตั้งเครื่องตรวจจับความเร็วเพิ่มอีก 45 ชุด เพื่อให้แต่ละหน่วยงานมี 2 ชุดคลอบคลุมพื้นที่การใช้งานในอนาคตด้วย หลักฐานที่แสดงให้เห็นประสิทธิภาพของเครื่องตรวจจับความเร็วอัตโนมัติ คือ ใบสั่งที่ส่งให้ทางไปรษณีย์
เพื่อเป็นการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ควรขับรถด้วยความเร็วตามกฎหมายกำหนด
บนทางหลวง ในเขตเทศบาล
รถเก๋งหรือรถปิกอัพ ใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 80 กม./ชม.
รถบรรทุกหรือรถโดยสาร ไม่เกิน 60 กม./ชม.
บนทางหลวง นอกเขตเทศบาล
ให้รถเก๋งหรือปิกอัพ ใช้ความเร็วไม่เกิน 90 กม./ชม.
รถบรรทุกหรือรถโดยสาร ไม่เกิน 80 กม./ชม. และ< /SPAN>
บนมอเตอร์เวย์
รถเก๋งหรือปิกอัพ ไม่เกิน 120 กม./ชม.
รถบรรทุกหรือรถโดยสาร ไม่เกิน 100 กม./ชม.
ทั้งนี้ในเชิงเทคนิค ได้รับการพิสูจน์และยืนยันจากทั่วโลก การขับขี่รถที่ ความเร็วไม่เกิน 90 กม./ชม.
นอกจากช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ 15-20% ยังช่วยลดการตายบนถนนได้ 12-24% แต่ความเร็วดังกล่าว ไม่สามารถลดอุบัติเหตุได้ หากทุกคน ประมาท เมามายขณะขับรถ และการไม่ร่วมมือกันปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อมูลจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลและสำนักงานนโยบาย
รถผมอยู่ในเกณท์555555555555555555
ขอบคุณคับท่าน
แล้วผมคนหนึ่งยังสงสัยว่า แล้วรถพวกบัส เมล์ ทัวร์ต่างๆผมเห็นมันวิ่งเร็วกว่ารถเราซะอีก มันไม่โดนแทบทุกจุดทุกวันเลยเหรอครับ หรือมันมีนอก มีนัย เหมือนการเมืองในบ้านเราในปัจจุบันกันแน่หนอ เซงๆๆๆ ไอ้พวกเอารัดเอาเปรียบ
ตำรวจมีของเล่นกินตังค์อีกและ ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
ม.34 ม.35 เนี่ย ปัจจุบันผมว่าน่าจะปรับปรุงแก้ไขได้แล้วนะครับ ทุกวันนี้รถ 4*4 วิ่งกันเยอะแยะ แล้วก็ทำความเร็วได้ไม่ต่างจากรถประเภทอื่นเลย แต่น้ำหนักครับ น้ำหนักเป็นตัวทำให้ไม่สามารถวิ่งขวาตามความเร็วที่กฏหมายกำหนดได้
ไม่รู้ว่ารถตู้หรู ๆ หรือรถยุโรปคันใหญ่ ๆ มีน้ำหนักเท่าไรถึงได้วิ่งขวาได้แถมเร็วกว่ากฏหมายกำหนดได้
เฮ้อ อ่อนใจอีกครั้ง
เครื่องมือเหล่านี้ในประเทศอื่น ๆ ที่พัฒนาแล้ว เรียกว่าคาริเบต ถูกแล้วครับ เพราะคาริเบตมันจะไปหาค่าที่มาตรฐาน แต่ของบ้านเราน่าจะเรียกว่าปรับจูนนะครับ ปรับให้อ่อน/แก่ หรือสูง/ต่ำ ได้ตามใจท่านครับ ผมเข้าใจถูกหรือเปล่าไม่รู้
เคยโดนแล้วคับเยียบ 130+ โดนไป 400 ส่วนใหญ่จะจับมากในช่วงเทศกาลครับ
ได้รับใบสั่งพร้อมจ่ายค่าปรับเรียบร้อยแล้วค่ะป๋า ไม่ทันซะแล้วใบสั่งมาถึงบ้านเลย อิอิ
ในขณะนี้มี 1 ท่านดูกระทู้อยู่. (0 สมาชิกและ 1 ผู้เยี่ยมชม)
Bookmarks