ขออนุญาตก๊อบข้อความมาเพื่อประชาสัมพันธ์
เริ่มแรกต้องเกริ่นก่อนว่า เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ได้มีการจัดแถลงข่าวเกี่ยวกับ รัฐบาลได้สนับสนุนในการสร้างภาพยนตร์ "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" อย่างเป็นทางการ เพื่อปลูกจิตสำนึกให้คนไทยเกิดความรักชาติ สามัคคี และกระตุ้นให้เกิดความภาคภูมิใจในชาติไทยเราเอง (ไปหนุนชาติไหนอยู่ก็รีบๆกลับมาได้แล้ว) โดยผู้ที่มาเปิดงานก็เห็นจะไม่พ้น นายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมด้วย ม.จ. ชาตรีเฉลิม ยุคล และ ดร.สุเนตร ชุตินธรานนท์ ผู้กำกับและผู้เขียนบท โดยทั้ง 2 เป็นหัวเรือใหญ่ในการค้นหาข้อเท็จจริงจากพงศาวดาร "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" และเป็นที่มาที่ทำให้มีถึงภาคที่4 (อ่านได้ที่ด้านล่าง)
เอาหละ!! ถ้าอั้นไว้นานกว่านี้ คงลงแดงตายกันพอดี โดยม.จ. ชาตรีเฉลิม ยุคล หรือ ท่านมุ๊ย นั้นกล่าวกับสื่อชัดเจนเลยว่า "ทั้งภาค 3และ4 นั้นได้ดำเนินการถ่ายทำไปพร้อมกัน แล้วเสร็จไปกว่า 60% แล้ว โดยเฉพาะภาค 3 นั้นถ่ายทำไปราว 80% เรียกได้ว่าเหลือเพียงไม่กี่ฉากเท่านั้น รับรองว่าจะนำออกฉายในช่วงปลายปีนี้แน่นอน!!" และจากที่สอบถามเพิ่มเติมก็ได้ความแค่ว่า ยังไม่สามารถระบุวันที่แน่นอนได้ แต่คาดว่าคงจะได้ชมกันแบบปลายๆปีจริงๆ (แป๊กเรื่องวันที่ฉายแน่นอนกันไป แต่เอาหนะปีนี้ได้ดูแน่)
และอีก 2-3 คำถามที่คาใจตั้งแต่แรกเห็นคือ "ทำไมถึงมีภาคที่ 4?" "แล้วภาคที่ 4 มันจะเป็นยังไง??" คำตอบคือ ท่านมุ๊ย และ ดร.สุเนตร เห็นพ้องต้องกันว่า "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" จริงแล้วไม่ได้จบที่การรบยุทธหัตถี เพราะมันเป็นเพียงการรบชนะเพียงครั้งหนึ่งเท่านั้น แต่มันยังมีเหตุการณ์หลังจากนั้นอีกมากมาย เช่นการประหารพระสุพรรณกัลยา องค์เชลย จากความแค้นของพระเจ้านันทบุเรงที่สูญเสียบุตรชาย หรือพระมหาอุปราชาไปในศึกยุทธหัตถี และความกระด้างกระเดื่องของประเทศราชที่ขึ้นกับหงสา หลังจากที่พระนเรศได้ชัย รวมถึงการยาตราทัพของพระนเรศ เพื่อไปปราบพระเจ้านันทบุเรงที่เมืองตองอู... ซึ่งนอกจากฉากเหตุการณ์หลังจากศึกยุทธหัตถีแล้ว ยังมีอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้มีภาคที่ 4 คือ เพื่อให้ได้ความครบถ้วนจากบันทึกพงศาวดาร ท่านมุ๊ย และ ดร.สุเนตร จึงต้องทำงานกันอย่างหนักมาก เพื่อให้ได้รายละเอียดเช่น การออกกุศโลบายศึกหรือที่เราเรียกว่าทำค่ายกลหรือกับดัก และเรื่องกลพยุหะ “ฉนาง” ที่แฝงความพลิกแพลงอัศจรรย์ ด้วยการประสานกับกองทหาร "ทด" ที่ใช้ดาบดั้งและหอกใหญ่เป็นพิชัยยุทธ เพื่อล้มทัพม้าและล้อมจับพระนเรศโดยเฉพาะ อีกทั้งยังมีฉาก "การรบทางน้ำ" ในตอนที่พระนเรศตามจับ "พระยาจีนจันตุ" จารชนชาวจีนที่ "เจ้ากรุงละแวก" ส่งมาแผงตัวในกรุงศรีอยุธยาเพื่อสืบข่าว เรียกได้ว่ามีทั้งฉาก "รบ" และฉาก "รัก" เพิ่มขึ้นมาเพียบ (โอ้มายก๊อด!!) ทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นการ "พื้นอดีตตำนานพงศวดาร" มากกว่าการเป็นแค่ "หนังสงครามกู้ชาติ" ไป
ม.จ. ชาตรีเฉลิม ยุคล ยังกล่าวอีกว่า "เรื่องเงินทุนในการสร้างหนังเรื่องนี้ ผมไม่ทราบเลย เพราะไม่ได้ดูแลเรื่องนั้น แต่รับรองว่าไม่มีภาค 5 แน่นอน เพราะแค่ฉากยุทธหัตถีที่มีความยาวประมาณครึ่งชม. ยังใช้เวลาถ่ายทำนานถึง 6 เดือนทีเดียว แต่ถ้าอยากติดตามหนังของผมอีกก็ คงต้องติดตามเอาที่เรื่อง เพชรพระอุมาแทน ส่วนมันจะมีกี่ภาคนั้น? ยังไม่แน่นอน แต่กะไว้ว่าจะมีแค่ 3 ภาคก็พอ"
"อิสรภาพยากยิ่ง จะชิงคืนมา
แต่ยิ่งยากกว่า หากจะรักษาไว้"
ข้อความนี้ได้มาจาก http://blog.fukduk.tv
Bookmarks