ปัจจุบันค่าใช้จ่ายน้ำมัน กิโลละ ประมาณ 2-2.7บาท/กม.(แล้วแต่วัน)
ติดแก๊ส+น้ำมันรวมค่าใช้จ่ายจะประมาณเท่าไหร่ครับ
พลัส ออโต้ สนใจทำต้องทำอะไรก่อนไปติดต้งครับรถเดิมๆเลย (ลงโปร 3.2 และวิ่งมา70,000 กว่ากม.)
ปัจจุบันค่าใช้จ่ายน้ำมัน กิโลละ ประมาณ 2-2.7บาท/กม.(แล้วแต่วัน)
ติดแก๊ส+น้ำมันรวมค่าใช้จ่ายจะประมาณเท่าไหร่ครับ
พลัส ออโต้ สนใจทำต้องทำอะไรก่อนไปติดต้งครับรถเดิมๆเลย (ลงโปร 3.2 และวิ่งมา70,000 กว่ากม.)
ถ้าขับขี่ในแบบเดิมๆที่เคยใช้อยู่ ในเมืองรถติดบ้างมันจะบวกกิโลเพิ่มขึ้นอีก 4-5กิโลเมตร/ลิตร ถ้าเดินทางรถไม่ติดจะเพิ่มจากเดิม 6-10 กิโลเมตร/ลิตร โดยมีค่าใช้จ่ายแก๊สประมาณกิโลเมตรละ 40-50 สตางค์ จะมากน้อยต่างกันขึ้นอยู่กับโหลดของรถ ขนาดซีซีของเครื่องยนต์ และวิธีการขับขี่ของผู้ใช้รถ ส่วนกำลังเครื่องยนต์ที่ได้เพิ่มขึ้นประมาณ 20+ แรงม้า เป็นของแถม เปรียบเสมือนรถท่านพ่วงกล่องทั้งหลายที่ขายกันอยู่ในปัจจุบันครับ แต่จะสวนทางกันตรงที่ ใช้ร่วมแก๊สจะไม่มีควันให้เห็น แล้วยิ่งวิ่งความเร็วสูงๆก็ยังคงความประหยัดระดับ 15 กิโลเมตร/ลิตร ส่วนพ่วงกล่อง แรงเหมือนกัน มีควัน ยิ่งใช้ความเร็วเข็มน้ำมันจะวิ่งสวนทางกับความเร็วที่ได้ครับ
ก่อนติดตั้งก็ไม่ต้องทำอะไรมากครับ ถ้าล้างมาก่อนได้ก็ดี เวลามุดเข้าด้านล่างจะได้ไม่เปื้อนมากครับ
อ.ต้น ของผมน้ำมันหมดถังไฟโชว์ได้ 954 กม.เติมแก๊สไป 440 บาท ส่วนน้ำมันไม่เติมเต็มถังเพราะตังไม่ค่อยมี เลยเติมแค่ 500 บาท แต่ก็พอใจกับความประหยัดที่ได้ ที่แต่ก่อนวิ่งได้ 650 กม.และถังเเรกยังสนุกกับอัตราเร่ง กดแล้วมาเร็ว ยอมรับว่าห้ามใจไม่อยู่จริงๆ
อย่างที่ อ.ต้น ว่าคนที่ติดแก๊สแล้วพฤติกรรมการขับขี่จะเปลี่ยนไป 99% ห้ามใจไม่อยู่ ครับบบ มันเท้า..ขึ้น ระแวงมากขึ้น แต่ประหยัดขึ้นครับบบบ
กิโลเมตร/น้ำมัน 1 ถังก็ใช้ได้ครับ ประมาณ 15-16 โลลิตรครับ ไฟโชว์แล้วเติมเต็มแบบเขย่าจะได้ประมาณ 62 ลิตร ถ้าไม่เขย่าจะประมาณ 59-60 ลิตรครับ ส่วนแก๊สเขาเติมไปได้ไงครับ ถังแค่ 36 ลิตร แต่คิดราคาที่เติมมันเกินไปเยอะเลยนะ เอาอัตราการกินแก๊สแบบเปะๆหน่อยครับ จะได้ปรับทิศทางให้ได้ความคุ้มให้มากกว่านี้ครับ
คิดแบบนี้ใช่มั๊ยครับ
น้ำมันลิตรละ 27 บาท
อัตราสิ้นเปลือง 10 กม./ลิตร
ก็คือ 27/10 = 2.7 บาท / กม.
ติดตั้งแก๊สอัตราสิ้นเปลืองดีขึ้นเป็น 15 กม./ลิตร
ก็คือ 27/15 = 1.8 บาท/กม.
บวกค่าแก๊สเพิ่ม .50 บาท/กม. = 2.3 บาท/กม.
แตกต่างกันไม่มากแต่ได้ความแรงและวิ่งทางไกลจะประหยัดขึ้นอีกใช่มั๊ยครับ
แล้วถ้าหากใส่กล่อง e-save หรือ airrotec ประมาณนี้จำไม่ได้
ที่ช่วยในการประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นจากการจ่ายน้ำมันให้น้อยลง
ตัวละ 8000 บาทตัวนี้ช่วยได้มั๊ยครับเห็นเค้าเครมว่ารถติดแก๊สร่วม
ติดของเค้าแล้วจะประหยัดขึ้นอีกเพราะคิดๆดูน่าจะสมเหตุสมผล
เพราะรถเราเผาไหม้น้ำมันไม่หมดอยู่แล้วแต่ไม่แน่ใจลดไปจะพอกับการเผาไหม้มั๊ย
กลัวเครื่องมีปัญหาเมื่อใช้ไปนานๆ
คิดค่าใช้จ่ายน้ำมันถูกต้องแล้วครับ แต่ความประหยัดหลังใช้ร่วม LPG 15 โลลิตรมันเป็นเลสต่ำสุดครับ ซึ่งสูงสุดทำได้ถึง 22-24 โลลิตรเท่าที่มีผู้ใช้จริงรายงานเอาไว้ ดังนั้นต้องหาค่ากลางๆก็จะประมาณ 18 โลลิตรมาคิดค่าใช้จ่าย จะได้ที่ 1.50 บาท/กิโลเมตร ส่วนแก๊สจะประมาณ 40-55 สตางค์ตามขนาดซีซีรถหรือวิธีการขับขี่ของผู้ใช้รถ ค่าใช้จ่ายรวมแล้วจะประมาณ 1.9-2.15 บาท/กิโลเมตร ซึ่งมีค่าใช้จ่ายถูกลงประมาณ 50-60 สตางค์/กิโลเมตรจากเดิมยิ่งราคาน้ำมันขยับสูงขึ้นมากเท่าไร ความประหยัดก็จะเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนครับ
ส่วนความแรงที่เพิ่มขึ้นขับขี่สบายขึ้น รอบมาไว กดแซงได้ดังใจ ไม่รู้จะคิดเป็นตัวเงินอย่างไรครับ เพราะเท่าที่มีผู้เทียบแล้ว ผลการใช้ร่วมดีเซลแรงเทียบเท่ากล่องพ่วงที่มีขายกันในปัจจุบัน แต่มีข้อดีกว่ามาก ความสะอาดของเครื่องยนต์ เสียงการทำงานที่เงียบลง และยังยืดระยะการใช้งานของอุปกรณ์ในการทำงานของเครื่องได้อีกเกือบเท่าตัว เหล่านี้ถ้าคิดเป็นตัวเงินแล้ว มันคงตัดสินใจไม่ยากครับ
ส่วนอุปกรณ์ต่างๆที่เพิ่มความประหยัดนั้นให้พิจารณาให้มากๆครับ มันคุ้มกับราคาที่เสียไปไหม แล้วมันได้ตามที่เขาบอกไว้ไหมครับ ยกตัวอย่างเมื่อสองปีก่อนมีเพื่อนที่ไปติดแก๊สร่วมดีเซลระบบหัวฉีดและมีชุดอุ่นน้ำมันดีเซลมาด้วยแบบที่แจ้งว่าจดลิขสิทธิ์ไว้แล้วแถวๆฝั่งธน (ไม่เอ่ยชื่อ) โทรมาคุยแล้วให้ผมแก้ไขระบบการทำงานให้ครับ
ข้อมูลเบื่องต้น น้ำมัน 1 ถังวิ่งได้ 950 โลส่วนแก๊สเติมเต็มถัง 58 ลิตร 2 ถัง ครับ ฟิลลิ่งการขับขี่เจ้าของบอกเคลียดมาก วิทยุในรถเปิดฟังไม่ได้เพราะต้องคอยฟังเสียงเครื่องยนต์ตลอดว่าดังแกร๊กหรือไม่ จะได้ยกคันเร่งทัน ขึ้นเขาไม่ต้องพูดถึงครับแกร๊กตลอด
หลังจากแก้ไขจากผมไปแล้วโดยรื้อระบบเดิมของเขาออกหมดเหลือเพียงถังแก๊สกับท่อแก๊สเท่านั้น จูนเสร็จเจ้าของรถดีใจมาก การขับขี่เหมือนรถเดิมๆแต่แรงกว่ามาก อัตราความประหยัดน้ำมัน 1 ถังได้ประมาณ 950 โลเท่าเดิม แต่แก๊สใช้แค่เติมเต็มถัง 58 ลิตรแค่ครั้งเดียวครับ อันนี้ยกตัวอย่างจากประสบการณ์จริงให้ดูครับ
การหาข้อมูลให้มากๆเป็นสิ่งที่ดีครับ แต่อย่าเชื่อเลยทีเดียว คิดให้มากเปรียบเทียบให้เยอะๆ บางครั้งราคาที่แพง ชื่อที่ฟังแล้วเทคโนโลยีสูง ไม่ได้บ่งบอกถึงคำว่า ดี ปลอดภัยและประหยัด ดังโฆษณา...........ซิบอกไฮ
ผมไปขอใบรับรองจากวิศวะกรมาแล้วครับ เพื่อทำการต่อประกันภัย ตอนแรกอู่ที่ไปติดต่อพูดกั๊กๆว่า (ถ้าอุปกรณ์ไม่ได้มาตรฐาน คงต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม) แต่ในที่สุดผมก็ไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม แถมอู่ก็ไม่มีการท้วงติงไดๆ ออกใบรับรองมาแต่โดยดีครับ (จะติดตรงค่าใช้จ่าย อาจจะแพงหน่อย แต่โทรไปเช็คหลายๆที่แล้ว ก็นี่แหละถูกสุดแล้วครับ สำหรับแถวๆ ที่ทำงานอ่ะครับ )
โดยส่วนตัวมั่นใจกับฝึมือของ อ.ต้นอยู่แล้วครับ ปรึกษาได้ทุกเรื่อง...(แต่เรื่องเงินนี่ไม่แน่ใจ....เพราะยังไม่ได้คุยเลย 555) ปัจจุบัน 6 หมื่นโลแล้วครับไม่มีปัญหาไดๆ ความประหยัดยังทำได้อยู่ที่ 18 โลลิตร เหมือนเดิม....
ผ่างๆๆ
ครึ่งหลัง ปิดระบบแก้สนะครับ
วิ่งตามแนวชายคลองครับ
ที่คิดมากคือยังอยากใช้คันเดิมอยู่
แต่คนรอบข้างให้หาเบนซินติดแก๊สมาใช้ดีกว่า
เพราะประหยัดได้เยอะกว่าและระบบนี้มันมีมานานแล้ว
แต่ผมไม่ชอบรถเตี้ยขับไม่ทันใจเบรดบ่อยเพราะถนนเมืองไทยไม่อำนวย
มกราคมตัดสินใจอีกทีครับรอเงินก้อนสิ้นปีก่อน
ขอบคุณมากครับสำหรับคำปรึกษา
หวังว่าคงได้ใช้บริการนะครับ อ.ต้น
ความเห็นส่วนตัวผมถ้าจะซื้อรถเบนซินมาติดแก๊สใช้งาน ถ้าใช้งาน/วันมากๆ เช่นเป็นเซลหรือขับส่งของวันละอย่างต่ำ 300 โล อันนี้เห็นด้วยครับ ถ้าพังขึ้นมาก็เปลี่ยนเครื่องใหม่ไม่ต้องซ่อม แต่ถ้าซื้อมาใช้ยาวเป็น 10 ปีผมไม่เห็นด้วยครับ
เหตุผลที่ว่าเครื่องยนต์เบนซินโอกาศมีปัญหาจุกจิกมากกว่าดีเซลมาก เช่นหัวเทียน สายหัวเทียน ระบบไฟ และบ้านเรามีฝนตกมากกว่าฤดูอื่น ทั้งความชื้นและสภาพถนนที่มีน้ำมีสัดส่วนอยู่มาก ยิ่งถ้าใช้แก๊ส 100 % ด้วยแล้ว อายุการใช้งานของวัสดุที่เกี่ยวข้องกับเครื่องยนต์จะน้อยลงกว่าเดิมมากครับ ปัญหาเรื่องบ่าวาวเป็นสำคัญ ผมเคยอยู่ใกล้โรงกลึง ทุกวันเขาจะมีงานทำบ่าและเปลี่ยนวาวกับใสฝาสูบอยู่เป็นประจำครับ
ส่วนดีเซลคอมมอนเรียวปัจจุบัน เท่าที่ทราบมามีอายุการใช้งานเป็นล้านกิโลเมตรครับ ซึ่งเครื่องยนต์ดีเซลลุยน้ำท่วมครึ่งคันยังไปได้ ปัญหาจุกจิกก็น้อยกว่าเบนซิน ยิ่งปัจจุบันผมพยายามพัฒนาใช้พลังงานร่วมให้เกิดความคุ้มค่าหรือประหยัดให้มากที่สุด เพื่อที่จะได้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้สำหรับผู้ใช้รถ ซึ่งปัจจุบันรถเบนซินติดแก๊สก็มีค่าใช้จ่าย/กิโลเมตรประมาณ 1.50 บาท เครื่องประมาณ 1500-1800 ซีซี แต่ถ้า 2000-3000 ซีซี ก็จะเกิน 2 บาท/กิโล
ถ้าเราลงทุนซื้อรถใหม่ประมาณ 6-7 แสนเพื่อมาติดแก๊สหวังว่าจะประหยัดแต่ใช้รถน้อย สู้เราเอาเงินประมาณไม่เกิน 2 หมื่นมาปรับปรุงดีเซลคันที่มีอยู่มาใช้พลังงานร่วมจะเป็นการลงทุนที่น้อยที่สุดครับ เพราะปัจจุบันเท่าที่มีข้อมูลในกระทู้ค่าใช้จ่าย/กิโลเมตรจะประมาณ 2.10 บาท และที่ประหยัดสุดทำได้น้อยกว่า 1.59 บาท/กิโลเมตร ณ.ราคาแก๊สและน้ำมันในปัจจุบันครับ
ถามอีกทีครับ ของ อ.ต้น set เปิดที่กี่รอบครับ
แต่ไม่ได้คุมด้วย ecu ถูกมั้ยครับ
มีจุดที่ต้องดูแลพิเศษ เหมือนรถแก้สทั่วไปรึเปล่าครับ
อย่างพวกกรองแก้ส , เช็ครั่ว
ผมสนใจต้องกำเงินไปเท่าไรมีทอนครับ รถ plus เหมือนกันครับ
เริ่มทำงานประมาณ 1100-1200 รอบ มีกล่องคุมครับแต่ไม่ได้เรียกว่า ECU กล่องของผมมันคุมการจ่ายแก๊สและปรับลดสัดส่วนของดีเซลเพื่อให้เหมาะสมในทุกย่านความเร็ว ซึ่งสามารถจ่ายแก๊สได้ตลอดแม้แต่ในความเร็วรอบที่เกิน 3500 รอบ พูดง่ายๆยัน 4500 รอบจนกล่องตัดน้ำมันครับ
ไม่ต้องดูแลอะไรเป็นพิเศษครับ จุดเข้าท่อแก๊สเดือนละครั้งก็ยังได้ แต่ส่วนใหญ่เมื่อขันแน่นดีแล้วมันไม่รั่วง่ายๆหรอกครับ แต่ดูบ้างเป็นบางครั้งได้ก็ดี ส่วนกรองแก๊สลืมมันไปได้เลย เท่าที่เคยถอดดูหลังจากใช้งานมา 3 ปีกว่า สภาพก็ยังดีอยู่ และที่ระยะกิโลมากสุดที่ถอดดูคือ 168000 กิโลเมตรในระยะเวลา 1 ปีของรถที่ใช้ส่งของ ก็ยังสามารถใช้งานได้ดีอยู่ แต่สีเริ่มคล้ำๆ หมดกังวนไปได้ครับ
ส่วนตัวก็ไม่ชอบเบนซินติดแก๊สอยู่แล้วครับ
คงต้องพยายามเปลี่ยนวิธีการขับของตัวเอง
เพราะยิ่งแรงยิ่งขับมัน...ยิ่งชอบ
ปาเจโร่ สปอร์ต 2.5 อัตราสิ้นเปลืองหลังติดแก๊สเป็นงัยบ้างครับ
ถ้าเปลี่ยนรถคงเปลี่ยนเป็นรุ่นใหญ่ (ชอบเท่..แรง...มัน...ลุย...นั่งได้เยอะๆ )
ในขณะนี้มี 1 ท่านดูกระทู้อยู่. (0 สมาชิกและ 1 ผู้เยี่ยมชม)
Bookmarks