ข่าวสารช่วงเช้าวันที่ 1 พฤษจิกายน 2555
2013 Lexus LS
เปิดตัว LS ใหม่ปรับโฉมใหญ่ พร้อมรุ่นไฮไลท์จากแผนก Lexus F
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมกับ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์
ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เปิดตัวรถหรู เลกซัส ตระกูล LS ใหม่ รุ่นปี 2013 ที่ได้รับการปรับปรุงรายละเอียดใหม่มากกว่า 3,000 จุด โดยมี 5 ทางเลือกรุ่นคือ LS460, LS460L แบบ 4 - 5 ที่นั่ง, LS600hL พลังไฮบริด และพิเศษสุดกับรุ่น LS460 F Sport ซึ่งเป็นการเปิดตัวเวอร์ชั่น F จากแผนก Lexus F เป็นครั้งแรกในไลน์ LS Series ระดับราคาตั้งแต่ 9.85 - 13.58 ล้านบาท
LS Series พัฒนาขึ้นภายใต้ปรัชญา 'การแสวงหาความสมบูรณ์แบบ' หรือ 'The Pirsuit of Perfection' โดยตลอดทั้ง 4 เจนเนอเรชั่น LS มียอดจำหน่ายทั่วโลกแล้วกว่า 7.3 แสนคัน
การออกแบบภายนอก
การปรับโฉมใหญ่ครั้งนี้ อยู่บนพื้นฐานของ LS เจนเนอเรชั่น 4 รหัส XF40 โดยใช้จุดเด่นของ เลกซัส ยุคใหม่เป็นหลัก คือ กระจังหน้าทรงเกลียว หรือ spindle grill ที่เริ่มใช้เป็นครั้งแรกในรถต้นแบบ Lexus GS และถือเป็นดีไซน์หลักของ เลกซัส รุ่นใหม่ๆ ในอนาคต ผลงานการสร้างสรรค์ของ มร. คัทสึฮิโกะ อินาโทมิ หัวหน้าทีมออกแบบ GS ซึ่งถูกนำไปใช้ในรถต้นแบบใหม่ของ เลกซัส อย่าง Lexus LF-LC Sports Coupe Concept หรือ Lexus LF-CC Concept รุ่นล่าสุดด้วย
LS ใหม่ใช้หลอด LED ในทุกจุด รวมทั้งไฟตัดหมอกที่ถูกจัดวางในแนวตั้ง พร้อมเลนส์ PES หรือ Poly Ellipsoid System ที่มีขนาดเล็กที่สุด ณ ปัจจุบัน เส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 30 มม. เท่านั้น ส่วนไฟ daytime running lights ออกแบบเป็นรูปรูปทรงตัว L ด้านในทำมุมเป็นแนวเดียวกับกระจังหน้าส่วนบน ขับเน้นเอกลักษณ์ของ spindle grill ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
รุ่น F Sport มากับรูปลักษณ์ที่ดุดันกว่าด้วยกระจังหน้าลายตาข่าย (น่าเสียดายที่วันนี้ตัวจริงไม่มา) ภายในตกแต่งด้วยเบาะสปอร์ต พวงมาลัยหุ้มหนังพร้อมแพดเดิลชิฟท์ ช่วงล่างปรับระดับด้วยถุงลม หรือ Air Suspension ลดความสูงลงได้ 0.4 นิ้ว มีลิมิเต็ดสลิปแบบ Torsen ให้ใช้งาน เพิ่มความมั่นใจในการหยุดรถด้วยชุดเบรค Brembo คาลิเปอร์หน้า 6 สูบ ล้อขนาด 19 นิ้ว ขึ้นรูปแบบฟอร์จ
ภายใน
ยังคงเน้นที่ความสะดวกสบาย และความเงียบในห้องโดยสาร ติดตั้งระบบปรับอุณหภูมิอัตโนมัติ Multi-Zone ที่ เลกซัส เรียกว่า Lexus Climate Concierge ใช้เซนเซอร์มากกว่า 13 ตัววัดอุณหภูมิในห้องโดยสาร พร้อมทั้งปรับอุณหภูมิของเบาะและพวงมาลัยอัตโนมัติ เพิ่มคุณภาพอากาศด้วย Nano-e ปล่อยประจุลบของน้ำเพื่อดักจับและทำลายแบคทีเรีย ลดกลิ่นอับ และเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศ
เพิ่มความหรูด้วยระบบ Advanced Illumination มีไฟ LED สี Champagne White บริเวณคอนโซลหน้าเรืองแสงต้อนรับเมื่อเข้าใกล้ตัวรถ การให้ข้อมูลแบ่งออกเป็น 2 โซน คือ Display Zone ผ่านจอ LCD ขนาด 12.3 นิ้ว และโซนควบคุม หรือ Operation Zone ทำงานผ่านปุ่มควบคุมที่ออกแบบในลักษณะเดียวกับเมาส์ หรือ RTI - Remote Touch Interface เจนเนอเรชั่น 2 แผงหน้าปัดติดตั้งจอเรืองแสง Optitron พร้อมจอแสดงผลแบบ TFT ขนาด 5.8 นิ้ว
ชุดเครื่องเสียงไฮเอนด์จาก Mark Levinson พร้อมระบบ Rear Seat Entertainment System ให้ความบันเทิงเต็มรูปแบบด้วยเครื่องเล่น Blu-ray โดยงานออกแบบทั้งหมดเน้นความสะดวกสบายในการใช้งานที่สุด ภายใต้แนวคิด Human-Centered Engineering
เต็มประสิทธิภาพด้วย V8 4.6 และ 5.0 ลิตร
LS ทุกรุ่นย่อย ทำตลาดด้วยเครื่องยนต์ V8 รหัส 1UR-FSE ความจุ 4.6 ลิตร พร้อมระบบวาล์วแปรผัน Dual VVT-iE กำลังสูงสุด 380 แรงม้า hp ที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 50.2 กก.-ม. ที่ 4,100 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. รุ่นพื้นฐานและรุ่น F Sport เท่ากัน 5.7 วินาที ส่วน LS460L ทั้งแบบ 4 และ 5 ที่นั่ง รวมทั้งรุ่นไฮบริด 6.3 วินาที ความเร็วสูงสุดเท่ากันทุกรุ่น 250 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 9 กม./ลิตร ส่วนรุ่นไฮบริด 10.8 กม./ลิตร
รุ่นไฮบริด หรือ LS600hL จัดกำลังมาให้เยอะกว่าด้วยเครื่อง V8 รหัส 2UR-FSE ความจุ 5.0 ลิตร 394 แรงม้า จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 224 กิโลวัตต์ ทั้งระบบผลิตกำลังได้ 445 แรงม้า hp ส่งกำลังด้วยเกียร์ CVT แบตเตอรี่ยังเป็นชุดเดิม คือ Ni-MH หรือนิคเกิล-เมทัล ไฮไดรด์ อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 219 กรัม/กม. (รุ่นพื้นฐาน 261 กรัม/กม.) ทุกรุ่นผ่านมาตรฐาน Euro 5
ระบบความปลอดภัย และตัวช่วยอำนวยความสะดวก
LS460 ใหม่มากับระบบควบคุมการขับขี่อัจฉริยะ หรือ VDIM - Vehicle Dynamics Integrated Management รวบรวมการทำงานของระบบต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันเป็นองค์เดียว เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ประกอบด้วย ระบบกันสะเทือนแบบแปรผัน Adaptive Variable Suspension และ พวงมาลัยไฟฟ้า พร้อมอัตราทดเฟืองพวงมาลัยแปรผัน Variable Gear Ratio Steering รวมทั้งจัดการการทำงานของระบบเบรคด้วย
นอกจากนี้ยังมีระบบ Pre-Crash Safety ใช้เซนเซอร์ตรวจสอบความเปิดไปได้ในกรณีที่การเกิดการชน ระบบจะทำการส่งสัญญาณเตือนมายังหน้าจอ พร้อมสั่งการเข็มขัดนิรภัยให้รั้งผู้ขับและผู้โดยสารแนบเบาะโดยอัตโนมัติ ป้องกันการกระแทกอย่างรุนแรงจากพวงมาลัย คอนโซล หรือถุงลม ทั้งยังมีระบบ Active Headrests ช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บของกระดูกต้นคอในกรณีที่เกิดการชนทางด้านท้ายอีกด้วย
Credit By : www.motortrivia.com
สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand
Bookmarks