เมื่อวานหาปั๊มเติมน้ำมันไม่มีเลยครับ ได้แต่เติมแก๊สอย่างเดียว ได้อัตราการใช้งานที่ประมาณ 0.98 บาท/กม ครับ ซึ่งการปรับตั้งแก๊สครั้งนีั ผมได้ตั้งใจให้กินแก๊สมากๆครับ เพื่อจะดูว่าจะมีผลต่อการใช้งานหรือไม่ ผลก็ไม่มีผลต่อการใช้งานอะไรครับ อัตราเร่งทั้งต้นและปลายไม่มีอะไรผิดปรกติ
ซึ่งอัตราส่วนที่พอดีจะอยู่ที่ กม.ละ 40 สตางค์ครับ แบบนีัถือว่ายังกินแก๊สมากไปหน่อยครับ ผมได้ทำการปรับลดการจ่ายแก๊สลงไปหน่อยแล้ว รอผลช่วงต่อไปครับของแก๊ส ส่วนการใช้นำ้มัน ถ้าวันนี้เ ติมได้ก็จะแจ้งอีกครั้งครับ
(จำนวนกิโลที่วิ่งได้ 252.5 เติมแก๊สไป 245 บาท ราคาแก๊สลิตรละ 11.30 บาทครับ)
แก้ไขครั้งล่าสุดโดย Kamo_007 : 21-05-2010 เมื่อ 06:47
ตนจะดีตนจะชั่วอยู่ที่ตัวทำ ตนจะสูงตนจะต่ำอยู่ที่ทำตัว
อย่าเพิ่งเติมน้ำมันนะครับ พรุ่งนี้ปรับลงอีก 50 ตัง
ได้ข้อมูลการเติมน้ำมันจากน้ากาโม่แล้วครับ วิ่งใช้งานทั่วไปทั้งในเมืองและนอกเมืองในรอบวันที่ผ่านมา ได้ระยะทางตาม Gps 260 กิโลเมตร เติมน้ำมันไป 15.77 ลิตร เฉลี่ยการสิ้นเปลือง 16.487 กม./ลิตร คิดเป็นจำนวนเงินที่ 1.69 บาท/กิโลเมตร (ราคาน้ำมันลิตรละ 27.89 บาท) และมีค่าแก๊ส ประมาณกิโลเมตรละ 98 สตางค์ (ค่าอาจสูงไปนิดเพราะเด็กเดิมแก๊สอัดจนเต็มซึ่งก่อนหน้านี้เราเติมแค่วาวล์ตัดเท่านั้น) ดังนั้นค่าใช้จ่ายรวมจะอยู่ที่ 2.67 บาท/กิโลเมตร ซึ่งเทียบจากข้อมูลเดิมน้ากาโม่มีค่าการสิ้นเปลืองที่ 7.5-8 กม./ลิตร เท่ากับ ประมาณ 3.71 บาท/กิโลเมตร ดังนั้นลดค่าใช้จ่ายไป 1.04 บาท/กิโลเมตร ส่วนเรี่ยวแรงที่เพิ่มขึ้นจากเดิมมากคือของแถมครับ แต่ถ้าคิดตามระยะทางที่วิ่งจริงจะได้ค่าที่งามกว่านี้อีกครับ เพราะระยะจาก Gps จะแก่กว่าระยะจริงของรถเดิมๆอยู่ประมาณ 3.5 % ครับ ส่วนน้ากาโม่ปรับลดแก๊สลงอีกนิดนะครับ มันประหยัดไปหน่อย เอาแค่ในเมืองสัก 14-15 โลลิตรก็พอครับแต่ถ้าทางไกลน่าจะประมาณ 18 ได้ เอาแค่พอประมาณพอครับ.......
นั่นดิน้าหนุ่ม ....
ตอนไม่มีกล่อง อัตราสิ้นเปลืองผมอยู่ประมาณ 8.5 ในเมือง
นอกเมืองได้ 12 ไม่เกินนี้
หลังใส่กล่อง จูนสเตป ปัจจุบัน (เดินทาง)
ในเมือง รถติดม๊อบเผาเมืองมหาโหด ได้อยู่ 9.5
นอกเมืองเมื่อวานลองดูเล่นๆ เติมเต็มถังไปยุดยา
กทม.อยุธยา เกจน้ำมัน ยังไม่ลด
ขากลับเข้ากรุงเทพ ยุบไป ครึ่งขีด (ระหว่างเม็ดกลมกับขีดที่ 3)
เผอิญไม่มีตังค์เติมกลับ เลยไม่รู้ว่าเท่าไร แงแง
น้ากาโม่ถึงเวลาถ่ายน้ำมันเครื่องครั้งต่อไป ลองดูความใสของน้ำมันนะว่าสักกี่โล น้าอุด Egr แล้วใช้เชื้อเพลิงร่วมมันเผาไหม้ค่อนข้างหมดจดดี ทำให้เขม่าที่ถูกชะล้างไปรวมตัวกับน้ำมันเครื่องน้อยลง ดังนั้นใช้น้ำมันเครื่องแบบเซมิก็พอ ให้ได้สัก 15000 โลค่อยเปลี่ยนทั้งกรองและน้ำมันเครื่องพร้อมกัน ประหยัดไปเยอะครับ ส่วนผมใช้บางจากเซมิครับลอง 2 หมื่นโลมาแล้วพร้อมกรองเครื่องด้วย คุณภาพน้ำมันยังดีอยู่ตอนที่เปลี่ยน แต่กันเหนียวก็สัก 15000 โลก็เกินคุ้มแล้วครับ บางจากรับประกัน 20000 โลนะ รถผม หกพันกว่าโลแล้วยังใสเห็นก้านวัดแบบแจ่มๆ ถ้าไม่เชื่อลองดูนะครับ
ได้ทุกแบบที่ต้องการครับน้า แต่ถ้าการขับขี่ปกติ สเตปใช้งาน ผมจะปรับแต่งไว้ ดังนี้
1.ทำการปรับกล่องดันราง ให้ดันต้นนิดเดียว (เพื่อออกตัว) และยกชันช่วงบูสท์ติด
หลังเทอร์โบทำลมเต็มที่แล้ว จะลดการดันลงไปพอควร และปรับ MAP อัตราการตอบสนอง
ให้รวดเร็วขึ้น ลดอาการ ควันจุก และรอรอบตอนบูสท์ยังไม่มา สเตปนี้ เหมาะกับการกดคันเร่ง 1/3
และสามารถทำความเร็วได้ประมาณ 140 Km/H กับสเตปนี้และการกดคันเร่งเท่านี้
กับบูสท์ 21 ปอนด์
2.ปรับกล่องยกหัวฉีดชดเชยน้ำมันตอนรอบต้นประมาณ 3% เพื่อทดแทน การดันรางในรอบต้น
ส่งผลให้กล่องดรอป (ดันกับยกจะได้เปรียบตรงนี้) และช่วงบูสท์ติด ที่ดันรางไว้มาก น้ำมันจะฉีดมาก
กว่าเดิมประมาณ 25% ทำให้อัตราเร่งช่วงต้นกลาง ไปได้อย่างรวดเร็ว รอบปลายหลังหมดลม
ก็ลดน้ำมันลงเหลือ 5% และลดการดันรางลง ทำให้ปลายได้ดีกว่าเดิมหน่อยนึงครับ
3.สเตปแซดดด ของผม จะใช้การปรับยกหัวฉีดเหมือนเดิม แต่ปรับปรุงเรื่องของการดันรางใหม่
ให้ดันตั้งแต่ต้นและกลางยาวๆ ปลายลดลงเหมือนเดิม และปรับ MAP ใหม่ ให้ไวขึ้นไปอีก
การปรับความไวนั้น จะส่งผลให้เครื่องยนต์มีอาการ "เขก" มากกว่ารวมถึงการกระเพื่อมของระบบด้วย
ส่วนเรื่องควันที่ถามมา ถ้ากด 1/3 จะไม่มีควันมารบกวน อาจมีบ้างตอนบูสท์ยังไม่ติด แต่ก็จะเป็นควัน
ในลักษณะ เหมือนฝุ่นผงออกมาแล้วลอยตัวอย่างรวดเร็ว หายไปในอากาศ มีกลิ่นน้ำมันสุกแรงมาก
ถ้ากด 1/2 ของคันเร่งระหว่างบูสท์ติด ควันที่ได้ จะกระจายตัวออก ไม่ม้วนอยู่ที่ท้ายรถ ลำควันพุ่งแรง
กลิ่นน้ำมันสุก ยังแรงเหมือนเดิม
ถ้ากดคันเร่งเต็มที่ รถผมมีอาการ "ถอย" ถ้ารอบไม่ได้ ควันดำจะลอยต่ำ ปริมาณมาก จนมองไม่เห็น
ถนน กลิ่นน้ำมันดิบๆ แรง ฉุนมาก การกดมิด ผมไว้สำหรับการ "พรางตัว" เท่านั้น
สรุปว่า ... ผมชอบควันรถผมครับ เทาๆ
มาอัพกันหน่อย
ให้ดูว่าการติดตั้งเราเน้นงานสวยเรียบแบบเดิมๆให้มากที่สุดครับ เรียกว่าเปิดรถดูไม่สังเกตุก็ไม่รู้หลอกครับว่าติดแก๊สมา คันนี้เป็นสีดำ 4ประตู กำลังติดตั้งถังอยู่ช่วงรอติดตั้งเสร็จ มาอัพให้ดูกันหน่อยครับ
แก้ไขครั้งล่าสุดโดย TON_GAS : 23-05-2010 เมื่อ 13:43
รูปนี้มาดูจุดเข้าแก๊สกันครับตรง 3 ทางที่เห็นภายในจะมีอุปกรณ์ซ่อนอยู่ ครับ มันเป็นการคิดค้นด้วยฝีมือและความคิดของผมเองล้วนๆครับ นี่ถ้าเป็นเมืองนอกมันคงได้ชื่อ TON_GAS Controlไปแล้วครับ อุปกรณตัวนี้จะทำหน้าที่จ่ายแก๊สซึ่งมีความสัมพันธ์กับแรงดูดหรือรอบการทำงานของเครื่อง คือถ้ารอบต่ำอากาศไหลช้า เครื่องมีแรงดูดน้อย ปริมาณแก๊สที่จ่ายจะไหลน้อยเช่นกัน ถ้ารอบเครื่องยนต์สูงอากาศที่ไหลผ่านมีความเร็วเพิ่มขึ้น แก๊สก็ไหลด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นสัดส่วนแก๊สกับอากาศจะสมดุลย์กันตลอดในทุกความเร็วรอบ (ผมได้ออกแบบขนาดและความเหมาะสมของรถแต่ละรุ่นไว้แล้ว) ที่สำคัญมันจะยอมให้แก๊สไหลเข้าเต็มที่ในปริมาณที่เราออกแบบไว้ครับ สมมุติเราให้ออกเต็มที่ที่ 3500 รอบต่อนาที ส่วนถ้าใช้ความเร็วรอบเกินนั้นมันจะเป็นหน้าที่ของดีเซลครับ เป็นสาเหตุที่ผมใช้ความเร็ว 185 กม./ชม.เป็นระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตรต่อเนื่อง ไม่มีปัญหาใดๆเลยกับเครื่องยนต์ และเมื่อหลายวันที่ผ่านมาได้มีโอกาสพบกับ อ.อนุชิตที่เทคนิคดอนเมือง ซึ่งท่านเขียนกราฟอธิบายว่าอุปกรณ์ที่ผมคิดมามันเป็นต้นแบบของ ECU คือเขียนโปรไฟล์การทำงานออกมาเป็นกร๊าฟแล้วเหมือนกัน ซึ่งท่านได้เอาแนวคิดนี้ไปเป็นบททดสอบให้กับนักเรียนของท่านครับ เอาคร่าวๆแค่นี้ถ้าไม่เข้าใจก็โทรถามกันครับ
แก้ไขครั้งล่าสุดโดย TON_GAS : 23-05-2010 เมื่อ 14:38
รูปนี้ดูที่กล่องด้านขวามือก็คิดค้นอีกเช่นกันมันจะทำหน้าที่คุมการจ่ายน้ำมันครับ (ปัจุบันได้ค่าที่ดีที่สุดสำหรับเครื่องคอมมอนเรียวแล้ว)และยังคุมการทำงานของหม้อต้มแก๊สอีกด้วย ซึ่งอุปกรณ์ตัวนี้สำคัญมากครับ จะประหยัดหรือไม่ จะแรงหรือไม่ จะเขกหรือไม่ตัวนี้จะทำหน้าที่หลักๆเลย ตอนนี้บอกได้เลยครับมีที่ผมที่เดียวและเป็นรุ่นที่สมบูรณ์แล้ว ส่วนรุ่นแรกผมใช้ไดโอดเป็นอุปกรณ์ในการลดน้ำมันซึ่งปัจจุบันแพร่หลายกันในหมู่ช่าง ซึ่งเป็นสาเหตุให้ผมได้ทำรุ่นปัจจุบันและพัฒนาจนถึงทุกวันนี้ครับ
อันนี้ให้ดูงานเน้นสวยงามเนียนๆครับ
ในขณะนี้มี 1 ท่านดูกระทู้อยู่. (0 สมาชิกและ 1 ผู้เยี่ยมชม)
Bookmarks