เอ่อ..แล้วสวิตท์เปิดมันอยู่ตรงไหนหว่า
นั่น..ไม่เคยใช้จนไม่รู้เลย ว่าสวิตท์อยู่ไหน
ลืมไปเลย..ว่ารถเราก็มีไฟตัดหมอกเหมือนกันนี่หว่า
เอ่อ..แล้วสวิตท์เปิดมันอยู่ตรงไหนหว่า
นั่น..ไม่เคยใช้จนไม่รู้เลย ว่าสวิตท์อยู่ไหน
ลืมไปเลย..ว่ารถเราก็มีไฟตัดหมอกเหมือนกันนี่หว่า
อืมมมม น่าคิด คนเปิดบอกส่วางขับสบายดี แต่มันแยงตาคนอื่นบอกขับลำบาก เอาละสิที่นี้ เหมือนซีนอน หมื่นเคขึ้นละครับ คนขับบอกสว่างดี แล้วคนอื่นล่ะรู้สึกไง ปวดตาใช่มะ เลือกเอาครับ
เปิดตามกฎ ครับ หมอก กับฝนตก....
...กระทู้ปวดไข่...
วิ่งห้วยขวาง สุทธิสาร สะพานควาย รัชดา พระรามเก้า เพชรบุรี ลาดพร้าว ต้องเปิดนะค๊าบ แสงสีเยอะครับปวดตาพร่ามัว มองทางมะค่อยเห็นจร้ากร๊ากกกก
คำถาม...ซีนอลจับมั๊ย (เครื่องวัดค่าเคมายังครับ)
...ฟิลม์ดำ จับมั๊ย เคยจับแต่เลิกไป(หรือป่าว)
...รถยกสูง เปิดไฟปกติ ชาวบ้านก็เดือดร้อนแล้ว(มันสูงอ่ะ)เปิดไฟตัดหมอกน่าจะเหมาะกว่านะ(ส่วนตัวรถติดกลางคืนเปิดไฟหรี่ครับ เกรงใจคันหน้าจร้า
........กฎหมายมีอยู่จริง แต่อยู่ที่สมองคนใช้ครับ........
........อำนาจ อยู่ในมือ แต่วาสนา อยู่ที่ไหน..........
ของผมจำเป็นต้องเปิดไฟตัดหมอกอะครับเพราะว่า ฟิล์มมันดำ หน้า 60 ข้าง 80 เปิดไฟตัดหมอกช่วยให้มองรอบๆ รถได้ดีกว่าเดิมเยอะมากๆ แล้วรถยกหน้า 2 หลัง 3 กันมอไซได้เยอะเลย เห็นชัดเจนเปลี่ยน อีกอย่างผมลองไปยืนมองเองและลองนั่งรถ Civic ดู ก็ไม่แยงตาน่าจะเป็นเพราะว่า ไฟเดิมๆ จาก ศูนย์ เค้าเซทมาดีอยู่แล้ว
แต่ที่แน่ๆ คนรอบๆ ตัว ที่ทำงาน เพื่อนๆ ที่เจอกันทุกวัน เค้าก็ไม่เห็นบ่นมีปัญหา แต่บ่นเรื่อง ไฟสูง ซีนอน - - สำหรับรถต่ำๆ เหอๆ 8000k เองนะ สงสัยมันสูงก็เลยโดนบ้างถ้ารถต่ำ
ผมเคยเจอขับอยู่เส้นมวกเหล็กถนน3เลน ขับอยู่เลนกลาง80ถูกโบกเราก็คิดว่าเราขับอะไรผิดขับก็ช้า ขวาก็ไม่ได้ออก พอพี่แกมาถึงบอกผมขับผิดเลนห้ามขับกลางกับขวา ขัีบซ้ายเท่านั้นกลางกับขวาไว้แซงอย่างเดียว ผมถามกลับไปใหม่ว่าหูเราเพี้ยนหรือเปล่าพอพี่มันไปโบกคันต่อไปแบบงกนะกลัวอดกินผมไปเลยไม่สนใจอยากตามก็ตามมาแล้วกันจะมีถนนไว้ทำไม3เลนทำเลนเดียวทั่วประเทศไปเลยจบ
สำหรับผมเองก็เปิดเหมือนกัน ใช่ว่าจะไม่ใช้เลย
แต่จะเปิดเมื่อจำเป็นเท่านั้น
ตัวไฟตัดหมอกก็จะปรับให้ลงต่ำ จะได้ไม่แยงตาชาวบ้าน
ส่วนไฟหน้ารถ ผมใช้หลอดฟิลิปเพิ่มความสว่าง 50%
ขนาด 12 โวลท์ 60/55 วัตต์ ไฟยังคงเป็นสีเหลืองปกติ
จึงไม่จำเป็นต้องเดินสายไฟใหม่ให้เสียเงิน
ปัญหามันอยู่ที่รถหลายคันไปติดฟีล์มหน้าเข้มเกินไปมากกว่า
จึงจำเป็นต้องใช้ไฟตัดหมอกช่วย
รถผมติดฟิล์มแค่ลามิน่า 40% รุ่น POP
ที่ป้องกันความร้อนได้ดี จึงไม่จำเป็นต้องใช้ไฟตัดหมอกช่วย
เรื่องแบบนี้คงบอก/สั่งกันไม่ได้ อยู่ที่การตัดสินใจของผู้ใช้เอง
เพียงให้อยู่ในขอบเขตของกฎหมาย ทำให้ถูกกฎจราจร
ตำรวจก็ทำอะไรเราไม่ได้
กฏหมายเขาออกมา เพื่อความปลอดภัย และคุ้มครอง
ผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน
อยากตกแต่งเพิ่มเติมเป็นสิทธิ์ของทุกคน
ขอเพียงคำนึงถึงความเดือดร้อนถึงคนอื่นบ้าง
และให้อยู่ในขอบเขตของกฏหมาย
ไฟตัดหมอกที่ถูกติดตั้งและปรับลำแสงได้ถูกต้องตามข้อกำหนดของกฏหมายก้อ OK อยู่ครับ
แต่พวกขับแล้วเปิดไฟสูงตลอดกับพวกที่ชอบปรับไฟฝั่งขวาให้้สูงนี่สิ..น่าจับปรับให้หนักๆ
อ้อพวกยกสูงแล้วไม่ปรับลำแสงของโคมไฟหน้าด้วย มันน่าสวนนนนด้วย......นัก
ผมก็เคยโดนครับพี่น้องครับ บอกว่าไฟแยงตา ฟิล์มก็เคยโดน ล่าลุดเมื่อวันจันทร์บอกรถเราเตี้ยเกินไป เลยโดนซะ แล้วกฏหมายห้ามโหลดกี่นิ้ว ใครรู้วานบอก(ถามน่อยมันเตี้ยตรงใหน)
เข้าไปดูกระทู้ของน้าวุฒฺสุดหล่อครับ
http://www.thaitritonclub.com/forum/...ead.php?t=9063
ที่น่าจะจับอีกอย่างคือพวกที่ชอบเปิดไฟสูงวิ่งตามหลังหรือสวนทางมา
มันทำให้เราหน้ามืดไปเลยอ่ะ
นา นา จิตตัง ครับ อย่างว่าแหละในกรุงไม่น่าเปิดหรอก แต่วิ่งต่างจังหวัดไฟหน้าเจ้าตั้นเราแสงสว่างน้อยไปหน่อยครับ บางครั้งก้ต้องใช้ตัดหมอกช่วย
เตือน 'ใช้ไฟตัดหมอก'ตำรวจจับปรับได้
พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ดูแลงานด้านการจราจร
เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากประชาชน เรื่องการใช้ไฟตัดหมอกของรถต่าง ๆ ที่วิ่งอยู่บนท้องถนน
ซึ่งปัจจุบันรถที่ผลิตขึ้นจะมีไฟตัดหมอกติดมากับตัวรถในตำแหน่งและลักษณะที่ถูกต้อง ตามกฎหมาย
แต่พบว่าการเปิดไฟดังกล่าวรบกวนทัศนวิสัยการขับรถของผู้อื่นและอาจเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุได้
ซึ่งก็มีทั้งผู้ที่ตั้งใจติดไฟโดยใช้สีสันให้สะดุดตาและผู้ขับ ขี่บางคนที่เผลอไปเปิดไฟดังกล่าวโดยไม่ได้ตั้งใจ
เนื่องจากตำแหน่งสวิตช์อยู่ใกล้จุดเปิดปิดไฟหน้า ในเรื่องนี้การใช้ไฟตัดหมอกที่ถูกต้องตามกฎหมายนั้น
ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 แก้ไขเพิ่มเติมปี 2536 ได้มีการระบุการใช้ ไฟตัดหมอก
สามารถใช้ได้ต่อเมื่อรถวิ่งอยู่ในสภาวะที่มีหมอก ควัน หรือฝุ่นละอองจนเป็นอุปสรรค
อันอาจเกิดอันตรายในขณะขับรถ และต้องไม่มีรถอยู่ด้านหน้า
หรือ สวนมาในระยะของแสงไฟ หรือในระยะ 150 เมตร
โดยสามารถใช้หลอดไฟแสงขาวหรือแสงเหลือง ที่มีกำลังไฟไม่เกินดวงละ 55 วัตต์ เท่านั้น
หากมีการใช้ไฟตัดหมอกไม่เป็นไปตามประเภท ลักษณะและเงื่อนไขที่กำหนด
จะมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท.
การใช้ไฟตัดหมอกให้ถูกวิธี กรณีที่จำเป็นต้องเปิดไฟตัดหมอก ประกอบด้วย
1. ฝนตกปรอยๆ หรือตกหนัก ไฟตัดหมอกจะมีประโยชน์มาก แม้จะเป็นช่วงกลางวันก็ตามเพราะมันสามารถช่วยให้รถที่สวนมามองเห็นไฟตัดหมอกอย่างชัดเจน
2. เมื่อขึ้นภูเขาสูงหรือยอดเขา โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาวทั้งตอนเช้าและตอนกลางคืน เพราะที่สูงๆ นั้น หมอกจะมีมากกว่าปกติ
3. ในช่วงกลางคืนหลังฝนหยุดตกหรือถนนยังเปียกอยู่ ซึ่งไฟตัดหมอกจะช่วยให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ดีขึ้น เพราะไฟหน้าปกติถูกน้ำสะท้อนไปเกือบหมดแล้ว
4. ทุกกรณีที่มีหมอกหรือควันเกิดขึ้นบนท้องถนนที่บดบังทัศนวิสัยให้มองเห็นได้น้อยกว่า 50 เมตร
แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ควรปิดไฟตัดหมอกทันทีที่มีรถสวนมาในระยะที่มองเห็นไฟหน้าของรถที่สวนมาได้อย่างชัดเจน แม้แต่รถที่มีระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติก็จะสั่งปิดไฟตัดหมอก คงไว้เฉพาะไฟปกติเมื่อสัญญาณจับได้ว่ามีไฟสะท้อนมาในมุมตรงข้าม
การใช้ไฟตัดหมอกอย่างถูกวิธีจะก่อให้เกิดประโยชน์ และช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน และเสริมทัศนวิสัยของผู้ขับขี่ให้ดีขึ้น
ในทางตรงกันข้าม การเปิดไฟตัดหมอกอย่างพร่ำเพรื่อ ไม่มีมารยาท และผิดวิธี นอกจากจะรบกวนสายตาและสร้างความรำคาญให้กับผู้ขับรถรายอื่นๆ ที่ร่วมใช้เส้นทางแล้ว ยังเพิ่มโอกาสทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่าปกติอีกด้วย
"ปัจจุบันคนไทยนิยมตกแต่งรถด้วยไฟตัดหมอก
และมักเปิดใช้ไฟตัดหมอกหน้า/หลังอย่างพร่ำเพรื่อ
ผิดวิธี ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้เส้นทางรายอื่นๆ"
สวัสดีครับ ความเห็นส่วนตัวผมนะครับ
ผมเบื่อพวกที่เปิดไฟตัดหมอกหลังมากกว่าครับ มันแทงตามากเลยเวลาขับตาม
รถเก๋งรุ่นใหม่นี่ ติดมาหลายรุ่นเลยครับ
ในขณะนี้มี 1 ท่านดูกระทู้อยู่. (0 สมาชิกและ 1 ผู้เยี่ยมชม)
Bookmarks