กระทู้นี้ต้องติดตามซะแร้ว
กระทู้นี้ต้องติดตามซะแร้ว
ผมก็พันมาเกือบปีล่ะ แต่พอมาอ่านดูก็เริ่มสงสัย ถ้าพันแล้วมันดีจริงทำไมไม่พันมาจากโรงงานหล่ะ ( ทีนี้เอาไงดีเราจะพันต่อหรือเอาออกดีหว่า )
ผมก็เริ่มลังเลแล้วครับตกลงดีหรือไม่ดี
คันเก่าผมพันมาเกือบ 5 ปีแล้วครับ ยังไม่เคยซ่อมแอร์สักครั้งเลย แต่คันใหม่ยัง คริคริ
ท่อมี2ท่อ เข้า1 ออก1 มีสองกรณีครับ1.ถ้าเย็นทั้ง2ท่อแล้วพันท่อที่เข้าตู้ มีผลแน่นอน 2.แต่ถ้าเย็น1ร้อน1แล้วไปพันท่อเย็นก็เท่ากับว่าพันท่อที่จะเอาน้ำยากลับไปทำให้มันร้อน
ประโยชน์ของกรณีที่1คือ รักษาความเย็นที่จะเข้าตู้ ประโยชน์ของกรณีที่2คือ น้ำไม่หยดเลอะเทอะ อิอิ
แต่เจ้าตั้นเราเป็นกรณีที่สองครับเพราะว่ามันมีท่อร้อนเข้าไปในห้องโดยสาร(เดาว่าเข้าตู้แอร์ อิอิ)ทำการอะจึ๋ยอะจึ๋ยในตู้แอร์จนเกิดความเย็น(ขั้นตอนนี้คือการผ่านหัวฉีด)ให้พัดลมได้นำไปใช้เป่าให้น้องๆพริตตี้ที่นั่งโดยสารมาด้วยไม่เกิดอาการร้อนอกร้อนใจ....เสร็จแล้ว ออกมาเป็นท่อเย็นที่ถูกใช้แล้วกำลังจะไปเข้าคอมเพื่อทำให้มันร้อนอีกรอบ ..... ถ้าเราไปพันมันก็.........ดีครับ น้ำจะได้ไม่หยดเลอะพื้น
"อ้าว แล้วทำไมแอร์บ้านหุ้มได้" (อิอิ) ตอบครับ1.ลองไม่หุ้มเจ้าของบ้านคงไม่จ่ายตังค์เป็นแน่แท้อิอิ (ไม่สวยงามแถมน้ำคงหยดเลอะเทอะ) 2.แอร์รุ่นใหม่ๆส่วนมากเป็นกรณีที่หนึ่งครับคือหัวฉีดมันจะอยู่นอกบ้านเรา(ใกล้กับคอม)ในเมื่อฉีดแล้วมันจึงเย็นมาแล้วตั้งแต่นอกบ้าน การพันก็เลยมีส่วนช่วยได้ แต่ก็ไม่มากมายอะไรครับ
ผมก็พันคับ แต่พันไม่หมด พันตรงเฉพาะที่แนวเดียวกับที่แกนเพลาพวงมาลัย ไม่ให้น้ำมันหยดไปลงตรงเพลาครับ...^ ^
จริงๆ เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำครับ เพราะตู้แอร์รถมีพื้นที่คอยล์น้อยไม่เหมือนแอร์บ้านซึ่งมีพื้นที่ของคอยล์มาก บางช่วงที่แอร์ในห้องโดยสารเย็นแล้วแต่คอมแอร์ยังไม่ตัดน้ำยายังเปลี่ยนสถานะเป็นไอไม่หมด (ท่อ L ใหญ่ๆ) ทำให้เหลือของเหลวกลับไปที่คอมแอร์จึงจำเป็นต้องทำให้ท่อวิ่งผ่านไอร้อนจากท่อไอเสีย เพื่อรับความร้อนมาเปลี่ยนให้เป็นไอทั้งหมด ซึ่งคอมแอร์ต้องการน้ำยาที่มีสถานะเป็นไอไม่ใช่ของเหลว ถ้าเกิดยังเหลือของเหลวกลับไปที่คอม ทำให้คอมแอร์ต้องเจอกับแรงต้านจากของเหลวทำให้ประสิทธิภาพลดลงและสึกหรอมากขึ้น จึงเกิดภาระไปยังเครื่องยนต์กินน้ำมันมากขึ้นครับ ส่วนท่อ H หุ้มไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะท่อนั้นเป็นท่อร้อนก่อนเข้าเอ็กแพนชั่นวาล์วในห้องโดยสาร ถ้าจะหุ้มให้หุ้มส่วนที่อยู่เหนือ Joint ของพวงมาลัยเพื่อป้องกันเหงื่อจากท่อแอร์หยดลงไปก็พอครับ
แล้วแต่คนครับเพราะรถของเราครับ ใครชอบแบบไหนแบบนั้นครับ
ผมใช้กระดาษฟอล์ยพัน หลังอ่านกระทู้ตามลิ้งว่าจะไปแกะออก ลองจับดูหลังขับรถมาใหม่ๆ ปรากฏว่าท่อแอร์มันก็ยังร้อนอยู่ซึ่งก็ไม่น่าจะมีผลเสีย ก็เลยปล่อยไว้ตามเดิม
ผมก็ยังไม่ได้พัน อิ อิ อิ
ของผมก็พันไว้เหมือนกันครับ แต่ผมเคยคุยกับช่างแอร์ที่สนิทกัน ทำไมช่วงคอมแอร์ทำงานมันก็เย็นดีแต่พอตัด ความเย็นหายเร็วมากผมก็เลยถามว่าพันท่อแอร์มันช่วยได้ไหม เขาบอกว่าแทบไม่มีผล พราะเป็นที่เทอร์โม มันสั่งต่อช้าก็เลยทำให้ความเย็นไม่ต่อเนื่อง ผมก็ถามว่าแก่ไขได้ไหมให้เทอร์โมสั่งงานเร็วขึ้น
แล้วส่วนพัดลมไฟฟ้าเขาบอกว่าถ้าจะใส่ก็ได้แต่ครีประบายความร้อนต้องดีไม่ล้ม ถ้าล้มใ่ส่ไปไม่มีประโยชน์ครับ
แต่ผมก็ยังพันไว้อยู่ครับ
สำหรับผมไม่พัน การออกแบบให้เป็นแบบนี้มีเหตุผลของมันอยู่แล้ว
ผมก็ไม่พันครับ แต่ผมก็พิสูจน์ไม่ได้ว่ามันดี หรือ ไม่ดี แล้วแต่ชอบครับ
ผมพอมีความรู้ระบบทำความเย็นมาบ้าง ขอแชร์ด้วยคนนะครับ ถูกอย่างที่น้าหลายท่านลงไว้ถึงขอ้เสียของการพัน ทั้งนี้กรณีที่พันท่อแล้วขับรถตอนอากาศร้อนๆ คงไม่มีปัญหาอะไรเพราะนำ้ยาทำงานเต็มประสิทธิภาพระเหยเป็นไอหมด แต่กรณีที่อากาศเย็นหรือฝนตก อุณหภูมิในห้องโดยสารต่ำนำ้ยาที่ฉีดเข้าในคอย์เย็นจะระเหยไม่หมดเพราะ คงสภาพเป็นของเหลว แล้วถูก คอมเพรสเซอร์ดูดเข้าไป น้าๆลองนึกภาพดูนะครับ คอมเพรชเซอร์ถูกออกแบบให้ดูดไอระเหยนำ้ยาแต่หากมีของเหลวหลุดเข้าไปของเหลวที่ว่าจะเดือดกลายสภาพเป็นไอภายใน คอมเพรชเซอร์เพราะในคอมฯ.มีความร้อนสะสมอยู่ จากของเหลว 1ส่วนจะขยายตัวกลายเป็นไอ 250เท่า คอมฯ.ที่ปกติรับภาระ 1 เท่า จะรับภาระ 250เท่าทันที วาวล์และลูกสูบจะไปก่อน ครับ หากอยากให้แอร์เย็นๆหรือคอมฯ.ทำงานเบาลง ผมว่าติดพัดลมเพิ่มน่าจะดีกว่า ครับ (กำลังจะหาพัดลมมาติดอยู่น่าท่านใดมีข้อมูลรบกวนแชร์ด้วย ครับ)
ผมไม่ได้พัน เพียงแต่เอาฉนวนท่อแอร์ผ่าครึ่งตามยาวแล้วครอบไปเฉย พอให้อยู่ ทดลองใช้เทอร์โมวัดอุณหภูมิจากช่องหน้ากากแอร์ แต่ไม่ได้ทำจริงจัง ตอนนี้ไม่ได้ถอดเพียงแต่รูดไปเฉยๆ ต้องพิสูจน์ ใช้ความรู้สึกไม่แน่นอนหรอกครับ ใช้เทอร์โมวัดเลยดีกว่า มันก็ใกล้เคียงกันที่ 11-12 องศาครับ ตอนนี้เลยรูดฉนวนให้ย่นท่ออลูมิเนียมโผล่เท่านั้นเอง
ในขณะนี้มี 1 ท่านดูกระทู้อยู่. (0 สมาชิกและ 1 ผู้เยี่ยมชม)
Bookmarks