ตัวไม่คอมมอนเรล สามารถรองได้ครับ
แต่ ยากมากๆ และแหวนที่ผมมี ไม่สามารถใช้ได้ครับ
ส่วนค่าการรอง สมควรอยู่ที่ ประมาณ 5 มิล ไม่เกิน 6 มิล ครับ
ตัวไม่คอมมอนเรล สามารถรองได้ครับ
แต่ ยากมากๆ และแหวนที่ผมมี ไม่สามารถใช้ได้ครับ
ส่วนค่าการรอง สมควรอยู่ที่ ประมาณ 5 มิล ไม่เกิน 6 มิล ครับ
...ยังไม่เคลียร์...
กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก.....
ถามน้านุกครับเรื่องเวสท์เกตครับถ้ามันขยับเปิดแล้วบูสท์จะลดลงเลยรึเปล่าครับคือผมไม่แน่ใจว่ามันจะเปิดแบบค่อยๆเปิดตามแรงดันอากาศถ้าแรงดันมากก็เปิดระบายไอเสียให้เข้าหอยน้อยลงเรื่อยตามแรงดันไอดีหรือเปิดแบบ blow of valve ที่เมื่อแรงดันสูงถึงค่าที่ตั้งไว้ก็จะปลอยไอดีทิ้งทันทีจนแรงดันต่ำกว่าค่าที่ตั้งไว้แล้วก็ปิดเหมือนเดิม
ที่ถามนี่เพื่อจะทดลอง test waste gate ซึ่งที่ทำงานผมพอจะมีเครื่อง hand pump เพื่อใช้ calibrate การทำงานของ valve (โรงงานที่supply gas ทางท่อ)ผมคิดว่าน่าจะรองแหวนแล้วหาขนาดที่เหมาะสมโดยการใช้ hand pump อัดลมเข้าที่หัว waste gate ซึ่งตัว hand pump จะมีค่าแรงดันบอกตลอด จะอัดลมเข้าไปจนขา waste gate ขยับหรือว่าจนมันเปิดจนสุดดีอยากทราบข้อมูลตรงนี้ครับจะได้ boost ไม่ไหลจนเข้าสู่ safe mode และอีกอย่างจะได้ทราบขนาดแหวนที่แน่นอนด้วยครับ
แหวนที่ใช้มาตรฐาน ประมาณ 3.5-4.5 ไม่เกินนี้ ครับ
[quote=วุฒิรัตน์;116376]1 ท่อลมต่อไปวัดบูสท์
2 แหวนรองตัวนอกด้านล่างกันน็อตไม่สุดเกลียว(ถ้าวัดพอดีไม่ต้อง) ความยาวน็อตเดิม+ความหนาของแหวน
3 แหวนที่รองหนา4mm.เพิ่มบูสท์ถ้าหนากว่านี้เป็น5mm.จะได้มาอีกประมาณ 1 ปอด์นแนะนำ4-4.5mm.ของผม17นิดๆแล้วตัด
ส่วนน้าyut ถ้าอยากรู้จะแนะนำให้เป็นการส่วนตัวเลยจ้า
ตอนนี้กลึงเหลือไว้ ร้อยกว่าขวด[/q
โทรทีแหวนที่รองตรงหน๊อดรองทังตัวบนและล่างเลยรึเปล่าที่ผมเขาใจคือรองแค่
ตัวบนอย่างเดียวตัวลางไม่ต้องรองไช่ใหมแล้วแหวนที่รองหัวหน๊อดตัวล่างคือยังไง
ขออณุญาตตั้งกระทู้ถามในนี้นะคับ
เครื่อง4d56 ไม่คอมมอนเรล เนี่ย ต้องทำอะไรบ้างคับ เอาขับมันส์กว่าเดิมก็พอคับ
เพื่อนบอกให้เปลี่ยนปั้มเป็นของ pajero เอาปั้มไฟฟ้าออก งบจบที่ 15000 พี่ๆว่าไงดีคับ แนะนำหน่อยคับ กลุ้มจิงๆ
ตัวไม่คอมมอนเรล
โบ 04-05 ถอดปั๊มไฟฟ้าออก
ยักปั๊มดิบ เซ็ทอินเตอร์ และหัวฉีดใหม่
ท่อดีดี กล่องไม่ต้อง วิ่งกระจาย
เมื่อวานตอนเย็นไปรองมาแล้ว 4 mm.ครั้งแรก...บูสท์มา 14 ปอด์น
งง..ทำไมมันได้แค่นี้ ครั้งที่สอง...ทำการเอาแหวนออกได้มา 12 ปอด์น
อุ๊ยตาย.....ได้น้อยกว่าเก่า หาสาเหตุที่มาที่ไปก็คือตอนเอาน็อตออก
เอาออกยากเลยสกัดจนโบเคลื่อน......รู้แล้วว่าเกิดจากอะไรเลยลุยต่อครับ
ครั้งที่สาม...ทำการขยับโบให้ใกล้เคียงสเป๊กโรงงานที่สุด
แล้วรองแหวน 4 mm.ใหม่ อีกครั้ง ผลปรากฎว่าบูสท์มาแล้วครับ 17.5 ปอด์น
ความรู้สึกตอนสับเกียร์ 5 ไปแล้วมันขึ้นช้ามากเลย..เหมือนรอน้ำมันทั้งๆที่กดแช่จนคันเร่งจม.....ตอนนี้เอาแหวนรองออกแล้วไว้รองใหม่ตอนลง 3.2
ขอถามน้านุ๊กหน่อยครับ......ใส่เกียร์ 5 ไปแล้ววิ่งไม่ถึง 140 เลยอ่ะครับ....
ปรกติ ยาง 235/60/17 ได้ 160 กว่า งงมากเลย....
วันนี้ช่วงบ่ายลองไปวัดทดสอบหลังจากเอาแหวนออกปรากฎว่าวิ่งได้ 150 กดจนคันเร่งจม วัดบูสท์ขึ้น 15 ปอด์น วัดรอบเครื่อง 3500 รตนท ทำไมเป็นแบบนี้ครับผู้รู้ช่วยชี้แนะด้วยครับ......อุด EGR แล้วด้วย
ใจเย็นๆครับ
รถผมหลังทำใหม่ๆ ก็วิ่งไม่ออก
แต่ทุกวันนี้ ทำไมไม่รู้ครับ
ล่าสุด กับล้อ 20 มันวิ่งได้เกิน 170 แล้วครับ
ลองคิดดูว่า ไมล์เดิม มันจะไปขนาดไหน
ที่รอบ 3500-3700 รู้สึกไปที่ 180km/h แล้วครับ เนียนๆเลย (ไม่ค่อยชัวร์นะครับ คลับคล้ายคลับคลา) ลองไปกดกันดูแล้วมาบอกกันหน่อยครับ
น้าแม๊กครับ
รถผมอ่ะ งงอยู่เลย
ความเร็ว 140 มันก็ 3000 รอบ
ความเร็ว 150 มันก็ 3000 รอบเหมือนกัน
แต่ประมาณ จำไม่ได้แม่นนะครับ คือ ประมาณ 160 มันแค่ 3200 รอบเองครับ
วันนี้ไปธุระที่ จ.อุบลฯเลยถือโอกาสทดสอบยาวหน่อยร้อยกว่าโลครับ เปิดแอร์ได้เท่าเดิมครับ 150 ที่ 3500 รตนท ปิดแอร์วัดได้ 160 km/h ลืมดูรอบเครื่องแบบว่ารถเยอะไม่อยากเสียโอกาสรถกำลังไหลครับ ...ฮิฮิ... ความรู้สึกส่วนตัวผมคิดว่าไมล์แข็งครับน้าๆ เออ..ลืมบอกไปเอารถไปล้างตู้แอร์ช่างใส่น้ำยาตรงใบพัดลมเครื่องยนต์น่ะครับ ตอนจอดเอามือหมุนหนืดมากๆเลยครับขนาดปิดกระจกเสียงยังเข้ามาเลย ไม่เหมือนตอนมากับสเป็กโรงงาน สงสัยมันฉุดม้าผมเข้าป่าไปหลายตัวแล้วล่ะฮ่าๆๆๆๆ .....น้านุ๊กว่ารอบเครื่องยนต์ผมตกเป็นเพราะยางใหญ่เฟืองท้ายไม่ได้เครื่อง 116 หรือแอร์ฉุดครับ...ช่วยชี้แนะให้หายสงสัยด้วยครับ พรุ่งนี้กะจะลองแหวนดูใหม่อีกครั้งจับโน่นจับนี่เผื่อรอบมาเพิ่ม....55555555+++++++
การที่พัดลมหน้าเครื่องมันหนืดมันก็ทำให้แรงม้าตกได้นะครับ เพราะสมมุติว่าเมื่อก่อนเราวิ่งที่ความเร็วรถ 100 km/hr พัดลมจะหมุน 2000 รอบต่อนาทีแตพอพัดลมมันหนืดขึ้นมันก็จะหมุนที่ความเร็ว 2200 รอบต่อนาที สิ่งทีตามมาคือเกิดโหลดขึ้นที่เครื่องมากขึ้นเพราะพัดลมดูดลมมากขึ้นแต่ก็อพอจะมีข้อดีคือการระบายความร้อนหม้อน้ำและเครื่องยนต์ดึขึ้น
ส่วนเรื่องปิดแอร์แล้วความเร็วเพิ่มขึ้นได้ประมาณ 10km/hr ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติแต่ถ้าท่านใดปิดแอร์แล้วความเร็วสามารถเพิ่มมาได้มากกว่านี้มากก็ต้องตรวจสอบระบบแอร์กันบ้างโดยปกติระบบแอร์จะมีการทำงานคือ
1 คอมแอร์ทำหน้าที่ดูดน้ำยาแอร์แล้วอัดเพื่อสร้างแรงดันให้สูงขึ้นการที่แรงสูงขึ้นสิ่งที่ตามมาคือความร้อนน้ำยาแอร์สูงขึ้น
2 เมื่อความร้อนของน้ำยาแอร์สูงก็จะมีคอยล์ร้อนซึ่งติดตั้งไว้ที่ส่วนหน้าติดหม้อน้ำรถเราหน้าที่ลดอุณหภูมิของน้ำยาแอร์ให้ต่ำ
3 ตอนนี้น้ำยาแอร์เย็นลงแล้วแต่ก็ยังไม่เย็นพอที่จะมาทำให้เกิดอุณหภูมิที่ต่ำกว่าบรรยากาศน้ำยาแอร์จึงต้องลดอุณภูมิลงไปอีกโดยใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า expansion valve อุปกรณ์ตัวนี้จะทำการลดแรงดันของน้ำยาแอร์ลงอย่างทันทีทันใดนั้นคือสมมุติออกจากคอมมาแรงดัน 60 KG/cm2 พอผ่านตัวนี้จะลดลงเหลือ 6 KG/cm2
4 ตอนนี้เราได้ความเย็นมาแล้วเราก็เอามันไปวิ่งผ่านคอยล์เย็น(evaporizer)ซึ่งอยู่ในห้องโดยสารเราโดยจะมีพัดลมเป็นตัวนำพาความเย็นเข้ามาในรถเราจากนั้นน้ำยาแอร์ก็จะถูกวนกลับไปสร้างแรงดัน
ทั้งหมดนี้เป็นวงจรการทำงานของแอร์ดังนั้นถ้าอุปกรณ์ตัวใดตัวหนึ่งเกิดการอุดตันก็จะเป็นการสร้างภาระให้กับเครื่องยนต์อีกตัวที่น่าสนใจคือคอมแอร์ถ้ามันเกิดการติดขัดไม่ว่าลุกปืนแตกหรืออะไรก็แล้วแต่ก็เป็นตันฉุดเครื่องได้ทั้งนั้นครับ
....หลังจากที่น้านุ๊กให้แหวน 3.5 มิล มาก็รองเรียบร้อยไปหลายอาทิตย์ละ วันนี้มีโอกาส
ไปซื้อวัดบูสมา บรรเลงไปสองชั่วโมงกว่า แล้วออกไปซัดเลย มาที่ 17 ปอนครับ อย่างนี้ปกติไหมครับน้าๆ
ในขณะนี้มี 1 ท่านดูกระทู้อยู่. (0 สมาชิกและ 1 ผู้เยี่ยมชม)
Bookmarks