หลังจากอบอุ่นกับน้ำร้อนแล้ว
ก็เตรียมตัว สัมผัสอากาศหนาวบนยอดดอย
บริเวณ ลานกางเต๊นท์ "ดอยกิ่วลม" ซึ่งจะเป็นที่พักแรมในคืนวันที่ 6 ธ.ค. 2552 ก่อนที่จะเดินเท้าขึ้นไปชมความงามของยอดดอยฟ้าห่มปก... ดอยที่มีความสูงเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศ
หลังจากอบอุ่นกับน้ำร้อนแล้ว
ก็เตรียมตัว สัมผัสอากาศหนาวบนยอดดอย
บริเวณ ลานกางเต๊นท์ "ดอยกิ่วลม" ซึ่งจะเป็นที่พักแรมในคืนวันที่ 6 ธ.ค. 2552 ก่อนที่จะเดินเท้าขึ้นไปชมความงามของยอดดอยฟ้าห่มปก... ดอยที่มีความสูงเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศ
ข้อมูลทั่วไป
ดอยฟ้าห่มปกเป็นดอยที่สูงอันดับ 2 ของประเทศไทย ด้วยความสูงประมาณ 2,285 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง บนยอดดอยสูงสุดเป็นทุ่งโล่งอันเกิดจากสภาพธรณีวิทยาที่มีชั้นดินตื้น ชั้นหินเป็นหินแกรนิต ประกอบกับอากาศมีลมกรรโชกแรงตลอดทั้งปี จากยอดดอยจะเห็นทิวทัศน์ที่สวยงาม เช่น ทะเลหมอก และถนนบนสันเขา ขนานกับชายแดนไทย-พม่า ซึ่งถือเป็นถนนที่สร้างขึ้นเพื่อความมั่นคงระหว่างประเทศ ส่วนสภาพป่าเป็นป่าต้นน้ำ ป่าดิบเขา ซึ่งมีสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่สมดุลและหลากหลายทางชีวภาพ ดังเช่นจะพบพันธุ์พืช สัตว์ป่าหายากและที่น่าสนใจนานาชนิด อาทิ เทียนหาง บัวทอง ผีเสื้อไกเซอร์อิมพิเรียล ผีเสื้อมรกตผ้าห่มปก ผีเสื้อหางติ่งแววเลือน ผีเสื้อหางดาบตาลไหม้ นกปรอดหัวโขนก้นเหลือง และนกปีกแพรสีม่วง เป็นต้น ในฤดูหนาวมีนกอพยพมาอาศัย เช่น นกเดินดงคอแดง นกเดินดงดำปีกเทา นกเดินดงสีน้ำตาลแดง ฯลฯ เส้นทางขึ้นดอยผ้าห่มปกมี 3 เส้นทาง ได้แก่ ทางกิ่วลม ทางปางมงคล และทางหน่วยจัดการต้นน้ำแม่สาว
ทีลานกางเต๊นท์ ทีห้องน้ำ ห้องส้วมใว้บริการนักท่องเที่ยวที่มากางเต๊นท์
อย่างสะดวกสบาย และมีอาคารศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ใว้คอยดูแล
(แต่ไม่มีบ้านพัก)
ตามภาพ : โชนกางเต๊นท์(นำเต๊นท์ไปเอง) ที่จองใว้คือโซนด้นขวาของภาพ (ลานล่าง)
ส่วนด้านบน คือ โซน B ซึ่งจะให้จองเป็นเต๊นท์ของอุทยาน
ภาพนี้ ตอนผมไปค้างกับ พี่ที่ทำงาน ปลายเดือนมกราที่ผ่านมา
เป็นลานกางเต๊นท์ โซน C ซึ่งปกติจะให้จองเป็นเต๊นท์ของอุทยาน
แต่ตอนขึ้นไปครั้งนั้น โซนนี้ไม่มีคนพัก ก็เลยขอทางอุทยานขึ้นไปกางเต๊นนอนกัน ( โซนนี้จะมีสถานที่ให้ก่อไฟได้) แต่ข้อเสียคือ โซนนี้อยู่บนสันเขาที่เค้าเรียกว่า "กิ่วลม" ฉะนั้น บริเวณนี้ ลมจะแรงและหนาว....มาก
เสียดาย...(อีกแล้ว) ที่ไม่มีรูปถ่าย พระอาทิตย์ขึ้น และทะเลหมอก บริเวณยอดดอย มาให้ชมกัน
เพราะต้องเดินเท้าขั้นไปกันตั้งแต่ ตี 4 เป็นระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร เพื่อให้ทันพระอาทิตย์ขึ้น...
...พอดี ตอนกลางคืน ซัดกันหนักไปนีสสสนึง ก็เลยตื่นไม่ใหว...อิอิ
ลานกางเต๊นท์โซน D
พรมแดนไทยและรัฐฉานเผยตัวอยู่เบื้องหน้า ทิวดอยและผืนป่าเลือนหายไปกับโค้งขอบฟ้า....
ณ ความสูง 2,291 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง คล้ายดังว่าเรามาเยือนสถานที่ซึ่งมีเพียงคำเล่าขาน....
ยืนอยู่บนนี้ ราวกับเราร่วมเป็นประจักษ์พยานในปรากฎการณ์บางอย่าง คล้ายดั่งพิธีกรรมแห่งขุนเขา ปรากฏรุ้งทอดโค้งอยู่เหนือเงาของเรา.....
แดดอุ่นสาดส่อง ลมหนาวพัดหวีดหวิว สายหมอกขาวค่อย ๆ ลอยลงต่ำ
โมงยามนั้น คล้ายเวลาหยุดนิ่งอยู่กับที่ สายหมอกลอยลงช้า ๆ ดั่งว่าผืนฟ้าค่อย ๆ ลอยลงมา...
โอบกอดยอดดอยด้วยความอบอุ่นและความรัก....
***
ข้อความจาก "ในม่านกาลเวลา ฟ้าห่มปก" โดย ธเนศ งามสม
อนุสาร อสท. ฉบับเดือนตุลาคม 2552
น่าไปจัง ถ้างานนี้ไม่ได้ไป แล้วปีใหม่พี่ตู่อยู่เชียงใหม่ไหม อยากเจอ
ครั้งต่อไปหวังว่าคงจะบ่าตรงกับงานรถเครื่องแหมน้อ
เศร้าบ่าได้ไป
แล้วผมจะเอาภาพกิจกรรมของชมรม Iron Eagle Chiang Mai MC มาฝากพี่น้องได้ดูกันบ้างนะครับ
ไปด้วยครับพี่ตู่ 4 คนครับค่าใช้จ่ายเท่าไรครับ
เด็กในที่นี้หมายถึงเด็กเล็กนะครับ......... สำหรับเด็กโตคงต้องเก็บเท่ากันหมด 400 บาทต่อ 1 ท่าน (แต่ถ้าเด็กๆอีกอย่างก็ตัวใครตัวมันนะครับ........อิอิ)
แหม เสียดายจัง กลับไปไม่ทัน เพราะหยุดตั้งแต่ 25 ธค - 04 มค 2553 ครับ
จะขึ้นไปหาภรรยากับลูกที่เชียงใหม่พอดี เลยไม่ทันทริปนี้
อาจจะตามไปสมทบด้วยนะครับ ยังไงเปิดทางให้ผมด้วยยยยย
แล้วเจอกันคับพี่ตู่ ออกเดินทางเย็นวันที่ 4 คับ พร้อมกับตานนท์ ตาโอ
ในขณะนี้มี 1 ท่านดูกระทู้อยู่. (0 สมาชิกและ 1 ผู้เยี่ยมชม)
Bookmarks