หน้า 6 จากทั้งหมด 13 หน้า หน้าแรกหน้าแรก 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 หน้าสุดท้ายหน้าสุดท้าย
สรุปผลการค้นหา 101 ถึง 120 จากทั้งหมด 259

กระทู้: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas

  1. #101
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Nov 2009
    User ID
    9563
    Status
    Offline
    โพส
    687

    มาตรฐาน ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas

    ข่าวสารช่วงเช้าวันที่ 21 กันยายน 2555



    2012 Lexus LF-CC Concept
    ต้นแบบคูเป้ 2+2 รุ่นใหม่เตรียมเยือนปารีสฯ

    เลกซัส เตรียมเปิดตัวต้นแบบรุ่นใหม่ LF-CC ใน 2012 ปารีส มอเตอร์โชว์ โดยมากับขนาดตัวในคลาสของรถคูเป้ขนาดกลาง 2+2 ที่นั่ง รูปลักษณ์คลี่คลายมาจากต้นแบบรุ่นก่อนหน้า LF-LC ที่ใช้การดีไซน์เฉพาะตัวของ เลกซัส หรือ L-finesse design language เช่นเดียวกัน ทว่าเทียบกันแล้ว LF-CC ดูมีชีวิตชีวา ใกล้เคียงความเป็นโปรดัคชั่นคาร์มากกว่า

    จุดเด่นยังคงเป็นกระจังหน้าแบบเกลียวหมุน หรือ spindle grille ซึ่งคราวนี้ให้ภาพลักษณ์ที่ดุดันกว่า LF-LC อย่างมาก มองดูแล้วราวกับเป็น LF-LC ที่สวมชุดแต่งสปอร์ตจากโรงงาน เอกลักษณ์อย่างไฟ LED โปรเจคเตอร์ 3 ดวงยังคงมีอยู่เช่นเดิม แต่ถูกจับมาวางเรียงเป็นแนวในชุดโคม โดยมีแนวไฟ day time แยกส่วนออกมาอยู่เหนือกันชน ซึ่งจุดนี้ เลกซัส ให้ข้อมูลว่าเป็นการออกแบบที่สดใหม่ที่สุด

    สำหรับเครื่องยนต์ เลกซัส ระบุว่าชุดขับเคลื่อนพลังไฮบริดชุดนี้ เป็นชุดที่จะถูกใช้งานกับรถรุ่นอื่นๆ ในอนาคต โดยเป็นการจับคู่ระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.5 ลิตร DOHC พร้อมเทคโนโลยีหัวฉีดไดเรคอินเจคชั่น D-4S กับมอเตอร์ไฟฟ้าแรงสูงแบบแม่เหล็กถาวร ระบายความร้อนด้วยน้ำ

    อย่างไรก็ตาม แม้จะแลดูเป็นสปอร์ตพลังแรง แต่ เลกซัส ก็ยังให้คำมั่นว่าชุดระบบขับเคลื่อนไฮบริดชุดนี้ ไม่ได้มีให้เฉพาะกำลังอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีความประหยัดตามสไตล์รถไฮบริดด้วย

    Credit By : www.motortrivia.com
    สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand

  2. #102
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Nov 2009
    User ID
    9563
    Status
    Offline
    โพส
    687

    มาตรฐาน ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas

    ข่าวสารช่วงบ่ายวันที่ 24 กันยายน 2555

    Ford Fiesta 1.5
    พิสูจน์ความประหยัดน้ำมัน ได้ผลทดสอบ 23.14 กม./ลิตร

    Ford Fiesta ประสบความสำเร็จอีกครั้งในการพิสูจน์ความเป็นผู้นำด้านการประหยัดน้ำมันในประเทศไทย โดย Fiesta รุ่นสปอร์ตแบบ 4 ประตู เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เกียร์อัตโนมัติพาวเวอร์ชิฟท์ 6 จังหวะ ใช้น้ำมันสุดประหยัดที่ 23.14 กิโลเมตร/ลิตร บนเส้นทาง 1,050 กิโลเมตร จากกรุงเทพฯ - สกลนคร ด้วยการเติมน้ำมันเพียงถังเดียว
    การทดสอบประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันของ Ford Fiesta รุ่นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ในประเทศไทย นับเป็นบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของ ฟอร์ด ในการนำเสนอรถยนต์ที่มีอัตราการประหยัดน้ำมันอย่างเหนือชั้นในทุกเซ็กเม้นต์ ที่บริษัทแข่งขันในตลาด
    ในการทดสอบครั้งนี้ ฟอร์ด เชิญผู้สื่อข่าวที่ได้รับการยอมรับจำนวน 12 ท่านร่วมการทดสอบขับ ภายใต้สภาพแวดล้อมที่บริษัทกำหนดขึ้น โดยได้รับเกียรติจาก ดร. สายประสิทธิ์ เกิดนิยม อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์นานาชาติสิรินธร ไทย - เยอรมัน พร้อมคณะร่วมสังเกตการณ์และประเมินผล
    ฟอร์ด แบ่งผู้สื่อข่าวออกเป็น 6 ทีม ทีมละ 2 คน โดย 3 ทีมแรกขับ Ford Fiesta รุ่นสปอร์ต แฮทช์แบค 5 ประตู และอีก 3 ทีมขับฟอร์ด เฟียสต้า รุ่นสปอร์ต ซีดาน 4 ประตู โดยผู้ขับและผู้โดยสารในรถทั้งสองคันจะสลับหน้าที่กันขับในช่วงใดก็ได้ โดยความเร็วเฉลี่ยตลอดการขับขี่จะต้องไม่ต่ำกว่า 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง
    หลังจากเติมน้ำมันจนเต็มถัง ณ จุดเริ่มต้นการเดินทางจากกรุงเทพฯ ถังน้ำมันของรถได้ถูกปิดผนึกอย่างหนาแน่น ระบบปรับอากาศตั้งค่าความเย็นไว้ที่ระดับกึ่งกลางและตั้งค่าพัดลมที่หมายเลข 1 ก่อนจะล็อกไว้ที่ตำแหน่งดังกล่าวตลอดการเดินทาง
    เส้นทางการทดสอบขับครั้งนี้เป็นแบบผสมผสาน ทั้งการขับท่ามกลางกลางจราจรหนาแน่นในเมือง การขับบนทางหลวง และขับขึ้นเขา โดยออกตัวที่กรุงเทพฯ ผ่านจังหวัดสระบุรี นครราชสีมา บุรีรัมย์ ศรีษะเกษ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ มุกดาหาร นครพนม และสิ้นสุดการเดินทางที่จังหวัดสกลนคร
    "ผลการทดสอบอย่างเป็นอิสระในครั้งนี้เน้นย้ำถึงประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันที่เหนือชั้นของฟอร์ด เฟียสต้า ได้อย่างแท้จริง” คุณยุคนธร วิเศษโกสิน รองประธานฝ่ายการตลาด การขาย และการบริการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว “ความประหยัดน้ำมันของฟอร์ด เฟียสต้า นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่มีส่วนทำให้ลูกค้าซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ในประเทศไทยสนใจรถรุ่นนี้ และความประหยัดน้ำมันนี่เองทำให้เฟียสต้าเป็นรถที่มอบความคุ้มค่าอย่างเหนือชั้น"

    Credit By: www.motortrivia.com
    สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand

  3. #103
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Nov 2009
    User ID
    9563
    Status
    Offline
    โพส
    687

    มาตรฐาน ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas

    ข่าวสารช่วงเช้าวันที่ 25 กันยายน 2555



    TATA Motors
    เตรียมบุกตลาดอินโดนีเซียในปี 2013

    ทาทา มอเตอร์ส เตรียมบุกตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนอย่างอินโดนีเซีย ตั้งบริษัทลูก PT Tata Motors Indonesia ในกรุงจาการ์ต้า โดยจะเป็นผู้ดำเนินการเต็มรูปแบบทั้งในส่วนของรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถเพื่อการพาณิชย์

    อินโดนีเซียนับเป็นอีกหนึ่งในตลาดที่สำคัญของ ทาทา มอเตอร์ส ซึ่งสามารถขยายผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย ตั้งแต่รถยนต์นั่งขนาดเล็ก ไปจนถึงรถโดยสาร และในส่วนของรถเพื่อการพาณิชย์ ตั้งแต่รถบรรทุกขนาดเล็ก 0.5 ตัน ไปจนถึงรถบรรทุกหนักขนาดใหญ่ 49 ตัน ซึ่งทาง ทาทา มอเตอร์ส เตรียมที่จะเปิดตัวในตลาดอินโดนีเซียปี 2013

    Mr. Karl Slym กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาทา มอเตอร์ส กล่าวว่า "เรารู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้มาเปิดตลาดในอินโดนีเซีย และเช่นเดียวกันกับวิถีปฏิบัติของทาทา มอเตอร์ส ในทุกพื้นที่ทั่วโลก การดำเนินธุรกิจของทาทา มอเตอร์ส ในอินโดนีเซียครั้งนี้ จะเป็นการดำเนินงานในฐานะที่เป็นบริษัทอินโดนีเซีย ที่จะสามารถตอบสนอง และดำเนินงานให้เป็นไปตามความต้องการของกลุ่มลูกค้าชาวอินโดนีเซีย รวมถึงตอบแทนสังคมของคนในพื้นที่ ที่เราเข้าไปดำเนินธุรกิจด้วยเช่นกัน เราจะสร้างรากฐานในระดับท้องถิ่น พร้อมร่วมเติบโตควบคู่ไปกับความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ และประชาชนอินโดนีเซีย"

    Mr. Ravi Pisharody กรรมการบริหาร ส่วนรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ บริษัท ทาทา มอเตอร์ส ให้ความเห็นว่า "ผลงานของเราคือ การสร้างเกณฑ์มาตรฐานระดับโลก เราจึงมีความมั่นใจว่า รถยนต์ของเราจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับลูกค้า ที่มีวิจารณญาณในการเลือกของอินโดนีเซีย จากความคิดเห็นของลูกค้าที่เราได้รับมา เราจะค่อยๆ แนะนำผลิตภัณฑ์ ทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ตามความเหมาะสม ควบคู่ไปกับการมอบความพร้อมในด้านโครงสร้างการให้บริการต่างๆ ซึ่งจะทำให้เราสามารถทำงานได้อย่างใกล้ชิดกับลูกค้ามากที่สุด"

    Mr. Biswadev Sengupta ประธานกรรมการ บริษัท พีที ทาทา มอเตอร์ส อินโดนีเซีย กล่าวสรุปว่า "จากผลการวิจัยของเรา แสดงให้เห็นว่าทาทา มอเตอร์ส มีโอกาสสูงมากในการทำตลาดรถยนต์ในอินโดนีเซีย ด้านการจัดการ และความต้องการของลูกค้าในอินโดนีเซียนั้น มีความคล้ายคลึงกับความต้องการของลูกค้าในอินเดีย เรามีความมั่นใจมากว่า จะตอบสนองความต้องการทุกด้านเกี่ยวกับรถยนต์ให้กับลูกค้า ซึ่งปัจจุบันเรายังมุ่งเน้นไปในส่วนของการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ และการสร้างเครือข่ายของการสนับสนุนอะไหล่และชิ้นส่วนต่างๆ"

    บริษัท พีที ทาทา มอเตอร์ส อินโดนีเซีย จะมีศูนย์จำหน่ายและบริการรองรับในขั้นต้น 10 - 15 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งจะให้บริการทั้งในด้านการขาย บริการหลังการขาย รวมทั้งชิ้นส่วนอะไหล่ต่างๆ โดยภายในระยะเวลา 3 ปี บริษัท พีที ทาทา มอเตอร์ส อินโดนีเซีย พร้อมจะขยายเครือข่ายการทำงานทั่วประเทศ ทั้งผู้จำหน่ายเต็มรูปแบบ 60 แห่ง ศูนย์บริการ 100 แห่ง และผู้จำหน่ายอะไหล่อีก 300 แห่ง เพื่อรองรับการบริการให้กับลูกค้า

    นอกจากนี้ ทาทา มอเตอร์ส ยังประเมินความเป็นไปได้ในการจัดตั้งฐานการผลิตในอินโดนีเซีย เพื่อรองรับความต้องการในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งรวมถึงการลงทุนที่จะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ กับการวางแผนในการใช้ชิ้นส่วนยานยนต์ภายในประเทศในของแต่ละพื้นที่
    ล่าสุด ทาทา มอเตอร์ส เพิ่งเข้าร่วมงาน อินโดนีเซีย อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 20 ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่ง ทาทา มอเตอร์ส นำทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มาจัดแสดงจำนวน 14 คัน เพื่อเป็นการแนะนำตัวในอินโดนีเซีย และในบูธยังมีการจัดโซน green pavilion เพื่อจัดแสดงรถพลังงานสะอาดอย่าง TATA CNG ซึ่งเป็นตลาดที่กำลังเติบโตอย่างมากในประเทศอินโดนีเซีย

    Credit By: www.motortrivia.com
    สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand

  4. #104
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Nov 2009
    User ID
    9563
    Status
    Offline
    โพส
    687

    มาตรฐาน ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas

    ข่าวสารช่วงเช้าวันที่ 26 กันยายน 2555

    Honda
    เตรียมเปิดตัวซีดาน 4 ประตูรุ่นใหม่ เพิ่มไลน์รถยนต์ที่ได้รับสิทธิ์คืนภาษีรถยนต์คันแรกเป็น 6 รุ่น

    บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าตอกย้ำความมุ่งมั่น ในการนำเสนอยนตรกรรมเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมสนับสนุนนโยบายรถยนต์คันแรกของรัฐบาล โดยปัจจุบัน ฮอนด้า มีรถยนต์ 5 รุ่น ที่ได้รับการอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการรถยนต์คันแรก ของกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ประกอบด้วย Honda Brio, Honda Jazz, Honda Jazz Hybrid, Honda City และ Honda City CNG ซึ่งลูกค้าที่สนใจสามารถจองเพื่อขอรับสิทธิ์ได้ภายใน 31 ธันวาคม 2555

    ฮอนด้า เตรียมสร้างประวัติศาสตร์ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอีกครั้งเร็วๆ นี้ ด้วยการเตรียมการเปิดตัวรถยนต์ซีดาน 4 ประตูรุ่นใหม่ล่าสุด โดยรถยนต์รุ่นใหม่นี้ จะมีขนาดเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว 90 แรงม้า ดีไซน์โดดเด่น ล้ำสมัย ทั้งภายนอกและภายใน พื้นที่ห้องโดยสารสะดวกสบายกว้างขวาง พร้อมพื้นที่ห้องสัมภาระด้านหลังที่สามารถบรรจุถุงกอล์ฟได้ถึง 2 ใบ

    ครบครันด้วยอุปกรณ์ความปลอดภัย ด้วยระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า Dual SRS ในทุกเกรด เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับลูกค้ารถยนต์คันแรกในไตรมาส 4 ก่อนปิดโครงการ และเมื่อเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่นี้แล้ว จะส่งผลให้ ฮอนด้า มีรถยนต์ที่เข้าร่วมโครงการรถยนต์คันแรกถึง 6 รุ่น

    สำหรับลูกค้าที่สนใจข้อมูลของรถยนต์รุ่นใหม่นี้ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูม ฮอนด้า ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป


    Credit By: www.motortrivia.com
    สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand

  5. #105
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Nov 2009
    User ID
    9563
    Status
    Offline
    โพส
    687

    มาตรฐาน ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas

    ข่าวสารช่วงเช้าวันที่ 28 กันยายน 2555

    Ford Fiesta
    เพิ่มเครื่องยนต์ 3 สูบเทอร์โบ



    หลัง ปรับรูปลักษณ์ ได้ไม่นาน ฟอร์ด ก็เพิ่มทางเลือกให้ เฟียสต้า ไมเนอร์เชนจ์ด้วยเครื่องยนต์ใหม่ เตรียมเปิดตัวในปารีส ออโต้โชว์ กับขุมพลังที่ได้รับรางวัล International Engine of the Year ปี 2012 เบนซินไดเร็คอินเจ็คชั่น 3 สูบ 1,000 ซีซี EcoBoost 100 และ 125 แรงม้า (PS) รวมทั้งเบนซิน 1,250 ซีซี 60-82 แรงม้า (PS), เบนซิน 4 สูบ 1,600 ซีซี Ti-VCT 105 แรงม้า (PS)

    นอกจากนี้ยังมีรุ่นดีเซล TDCi 1,500 และ 1,600 ซีซี 74-94 แรงม้า (PS) แรงบิด 20.38 กก.-ม. ให้เลือกสั่งได้ด้วย ส่วนรุ่นแรงสุด Fiesta ST เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ EcoBoost 1,600 ซีซี 182 แรงม้า (PS) จะเริ่มทำตลาดในช่วงต้นปี 2013 ระบบประหยัดเชื้อเพลิง Start/Stop จะติดตั้งในรุ่น 1,000 ซีซี EcoBoost และรุ่นดีเซล TDCi ECOnetic 1,600 ซีซี และจะประเดิมติดตั้งเกียร์ PowerShift รุ่นใหม่แบบดูอัล-คลัตช์ 6 จังหวะอีกด้วย

    รุ่นที่ติดตั้ง ECOnetic Technology มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 30.3 กิโลเมตรต่อลิตร ปล่อยคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ 87 กรัมต่อกิโลเมตร รุ่นย่อย Titanium X จะทำตลาดในสหราชอาณาจักรด้วยอุปกรณ์มาตรฐาน เช่น ระบบ Keyfree, เครื่องเสียง Sony DAB พร้อมระบบ SYNC และภายในตกแต่งด้วยหนังแท้ ราคาในอังกฤษเริ่มต้น 500,000 บาท และรุ่นสูงสุด 880,000 บาท •

    Credit By: www.motortrivia.com

    สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand

  6. #106
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Nov 2009
    User ID
    9563
    Status
    Offline
    โพส
    687

    มาตรฐาน ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas

    ข่าวสารช่วงเช้าวันที่ 1 ตุลาคม 2555

    2014 Mercedes-Benz SLS AMG Coupe Electric Drive
    ก้าวสู่ยุคใหม่ด้วยซูเปอร์สปอร์ตคาร์พลังไฟฟ้า

    แผนก AMG ของ เมอร์เซเดส เปิดศักราชใหม่ด้วยการนำเสนอความแรงแบบไฟฟ้าล้วน Mercedes SLS AMG Coupe Electric Drive เวอร์ชั่นพร้อมจำหน่าย เปิดตัวอย่างเป็นทางการใน 2012 ปารีส มอเตอร์โชว์

    ถ้ายังจำกันได้ เมอร์เซเดส เคยโชว์เทคโนโลยีไฟฟ้าในร่างของ SLS AMG มาก่อนในชื่อ Mercedes-Benz SLS AMG E-Cell Prototype ตั้งแต่ต้นปี 2011 มี SK Innovation เป็นซัพพลายเออร์ รับหน้าที่หลักดูแลเรื่องแบตเตอรี่แพค ซึ่งในขณะนั้น SK เป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นเพื่อแชร์ส่วนแบ่งจากเจ้าตลาดอย่าง LG Chem โดยเฉพาะ

    เวอร์ชั่นจริงยังคงใช้วิธีติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าซิงโครนัส 4 ตัว สำหรับแยกขับ 4 ล้อ พละกำลังอัพเกรดขึ้นมาจาก E-Cell แบบไม่เห็นฝุ่น กำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 552 กิโลวัตต์ หรือเทียบเท่า 750 แรงม้า ps (E-Cell 526 แรงม้า hp) แรงบิดสูงสุดยิ่งกว่ามหาศาล 101.9 กก.-ม. มอเตอร์แต่ละตัวรอบสูงสุดที่ 13,000 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดด้วยระบบอิเลคทรอนิคเอาไว้ที่ 250 กม./ชม.

    ชุดแบตเตอรี่แพค เมอร์เซเดส ใช้เทคโนโลยีเดียวกับที่ใช้ในระบบ KERS ของรถ F1 ออกแบบใหม่โดยความร่วมมือของ Mercedes-AMG และ Mercedes AMG High Performance Powertrains Ltd. โดยยังคงเป็นแบบลิเธียม-ไอออน 400 โวลท์ รับโหลดได้ถึง 600 กิโลวัตต์ ระบายความร้อนด้วยของเหลว สเปคใกล้เคียงกับเวอร์ชั่นทดลองที่ใช้ใน E-Cell เพียงแต่เพิ่มความจุจาก 48 เป็น 60 กิโลวัตต์-ชั่วโมง น้ำหนักทั้งแพค 548 กิโลกรัม ประกอบไปด้วยเซลล์ลิเธียม-ไอออน 864 เซลล์ แบ่งเป็น 12 โมดูลๆ ละ 72 เซลล์

    ชุดช่วงล่างหน้ายังคงคอนเซปท์เดิมที่ใช้ใน E-Cell เพื่อความเหมาะสม คือปีกนก 2 ชั้น Push-rod Strut หรือ แบบมีแกนเชื่อมปีกนกและสตรัทแบบรถ F-1

    กำหนดการจำหน่าย หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แฟนๆ (ที่ต้องกระเป๋าหนักมาก) จะได้สัมผัสกันภายในเดือนมิถุนายน 2013 ด้วยราคาจำหน่ายที่สูงทะลุเพดาน 538,500 ดอลลาร์ หรือประมาณ 16.6 ล้านบาท ดุกว่ารุ่นพื้นฐานปี 2012 สันดาปภายใน เครื่องยนต์ V8 เกือบ 2 เท่าตัว



    Credit By: www.motortrivia.com
    สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand

  7. #107
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Nov 2009
    User ID
    9563
    Status
    Offline
    โพส
    687

    มาตรฐาน ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas

    ข่าวสารช่วงเช้าวันที่ 3 ตุลาคม 2555



    Honda
    ตั้งเป้ายอดขายรวมทั่วโลกกว่า 6 ล้านคันภายในปี 2017
    พร้อมพัฒนายานยนต์ที่มีเทคโนโลยีอันทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม



    มร. ทาคาโนบุ อิโต้ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ประกาศวิสัยทัศน์ และทิศทางการดำเนินงาน ตอกย้ำแนวคิด ทิศทางในอีก 10 ปี ข้างหน้า หรือ Direction for the next 10 years ที่ประกาศไปเมื่อปี 2010 ในการที่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มอบความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้าด้วยความรวดเร็ว ในราคาที่ย่อมเยา และมีค่า CO2 ต่ำ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ฮอนด้า มุ่งมั่นคิดค้นเทคโนโลยีอันทันสมัยที่มีไอเดียสร้างสรรค์ และนำเสนอผลิตภัณฑ์นั้น เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า นอกจากนี้ ในฐานะผู้ผลิตยานยนต์ ฮอนด้า พยายามริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อลดการปล่อย CO2 เสมอมา

    "ในปี 2011 ฮอนด้า เผชิญกับอุปสรรคมากมาย อาทิ เงินเยนที่แข็งค่าขึ้น การหยุดการผลิตในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ปัญหาพลังงานไฟฟ้าขาดแคลนจากเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิ รวมถึงอุทกภัยในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ฮอนด้า ขอขอบคุณในความร่วมมือร่วมใจของซัพพลายเออร์ หุ้นส่วนทางธุรกิจ และความพยายามของพนักงาน ฮอนด้า ทุกคน ที่ทำให้เราสามารถฟื้นฟูธุรกิจได้ในเวลาอันรวดเร็ว และวันนี้ เราพร้อมที่จะกลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิม"

    ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทฯ ฮอนด้า ได้ส่งมอบผลิตภัณฑ์หลากหลายรุ่นที่มีเทคโนโลยีอันทันสมัย เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้คนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้น ทำงานได้ง่ายขึ้น เพิ่มความคล่องตัว และความสะดวกสบายให้กับลูกค้าเสมอมา ในปีงบประมาณ 2011 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2012) ผลิตภัณฑ์ของ ฮอนด้า ได้ส่งมอบความสุขให้กับลูกค้าทั่วโลกกว่า 23.9 ล้านคน ซึ่งประกอบไปด้วยลูกค้าผู้ใช้รถจักรยานยนต์ 15 ล้านคน ลูกค้าผู้ใช้เครื่องยนต์อเนกประสงค์ 5.8 ล้านคน และลูกค้าผู้ใช้รถยนต์ 3.1 ล้านคน

    ในปี 2017 ฮอนด้า ตั้งเป้าหมายในการส่งต่อความสุขให้กับลูกค้าทั่วโลกมากถึง 39 ล้านคน รวมผลิตภัณฑ์ทุกประเภท



    ทิศทางการดำเนินงานในธุรกิจรถยนต์

    ในธุรกิจยานยนต์ ฮอนด้า เร่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั่วโลก ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในระดับโลก เพื่อให้ ฮอนด้า สามารถสร้างสรรค์ยานยนต์ที่ดีที่สุด ในต้นทุนที่สามารถแข่งขันได้ โดยมีการปรับเปลี่ยนการดำเนินงานใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่...

    1 - การพัฒนาไปพร้อมๆ กันใน 6 ภูมิภาคทั่วโลก
    2 - ประยุกต์การออกแบบให้เข้ากับแต่ละพื้นที่
    3 - พัฒนาประสิทธิภาพในการผลิต

    ในประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างโดดเด่น ฮอนด้า จะตอบสนองความต้องการของตลาดที่หลากหลายด้วยความรวดเร็ว เช่นเดียวกับประเทศที่พัฒนาแล้ว พร้อมทั้งพัฒนารถยนต์แต่ละรุ่น ให้สอดคล้องกับโครงสร้างอุตสาหกรรมของทุกประเทศในแต่ละภูมิภาค ตามแนวทางการดำเนินงาน การพัฒนาไปพร้อมๆ กันใน 6 ภูมิภาค โดยแต่ละภูมิภาคจะมีส่วนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกัน ตั้งแต่ในขั้นตอนแรกของการพัฒนา

    การแนะนำรถยนต์รุ่นเดียวกันในทุกภูมิภาคในเวลาไล่เลี่ยกัน จะช่วยให้ ฮอนด้า สามารถกำหนดภาพรวมของกำลังการผลิตในระดับโลกได้ ตั้งแต่เริ่มแนะนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด นอกจากนี้ การผลิตชิ้นส่วนจำนวนมากครั้งเดียวในประเทศที่มีความสามารถในการแข่งขันสูง จะสามารถช่วยลดต้นทุนการจัดหาชิ้นส่วนรถยนต์ได้อีกด้วย

    ในขณะเดียวกัน เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งเพื่อใช้วัตถุดิบ และโครงสร้างการผลิตที่มีอยู่ในแต่ละท้องถิ่นให้มากที่สุด ฮอนด้า จึงประยุกต์การออกแบบให้เข้ากับแต่ละพื้นที่

    ด้วยแนวความคิดใหม่นี้ ฮอนด้า จะเพิ่มยอดขายรถยนต์ในตลาดกลุ่มภูมิภาคหลัก เช่น ญี่ปุ่น, สหรัฐอเมริกา และยุโรป จาก 2.06 ล้านคันในปีงบประมาณ 2012 เป็นกว่า 3 ล้านคันในปีงบประมาณ 2017 และจะเริ่มขยายธุรกิจ ในตลาดของประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างโดดเด่น โดยจะสร้างยอดขายรถยนต์ให้ได้มากกว่า 3 ล้านคัน ในปี 2017 ซึ่งนับเป็น 2 เท่าของปีงบประมาณ 2012 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2012) ด้วยการตั้งเป้ายอดการขายที่แข็งแกร่งในกลุ่มภูมิภาคหลัก และการรุกตลาดในประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างโดดเด่นนี้ ฮอนด้า ตั้งเป้าการขายรถยนต์รวมทั่วโลกให้ได้กว่า 6 ล้านคัน ภายในปีงบประมาณ 2017



    เทคโนโลยียานยนต์อันทันสมัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

    ฮอนด้า ยังคงพัฒนาเทคโนโลยี Earth Dreams ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนในอนาคต เพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ และเพิ่มประสิทธิภาพของการประหยัดน้ำมันสูงสุด ด้วยการพัฒนาองค์ประกอบของการสันดาปภายใน เครื่องยนต์ ระบบเกียร์ เทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าที่นำมาใช้กับมอเตอร์ และส่วนประกอบอื่นๆ

    สำหรับยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งยังคงเป็นที่นิยมใช้ในหลายประเทศทั่วโลก ฮอนด้า จะพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ช่วยประหยัดน้ำมันสูงสุด โดยจะเริ่มติดตั้งเครื่องยนต์ที่ได้รับการพัฒนาใหม่นี้ใน Honda Accord รุ่นปี 2013 และจะนำมาติดตั้งในรถยนต์รุ่นอื่นๆ เป็นลำดับต่อไป

    สำหรับรถไฮบริด ฮอนด้า จะประยุกต์ใช้เครื่องยนต์ไฮบริด 3 ระบบ ซึ่งมีคุณลักษณะอันโดดเด่น เพื่อเติมเต็มความต้องการให้กับลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น

    ระบบไฮบริดมอเตอร์เดี่ยวที่มีน้ำหนักเบา จะถูกพัฒนาให้ range ของ EV มีช่วงเวลาที่นานยิ่งขึ้น (เมื่ออยู่ใน EV range รถจะไม่มีการปล่อยก๊าซ CO2 ออกมาเลย) โดยจะพัฒนาสมรรถนะของมอเตอร์ และแบตเตอรี่ ควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบเกียร์แบบใหม่ ยิ่งไปกว่านั้น ฮอนด้า มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำยานยนต์พลังงานไฮบริด ที่ประหยัดน้ำมันสูงสุดเป็นอันดับ 1 ด้วยการพัฒนาประสิทธิภาพของการนำพลังงานไฟฟ้าที่เก็บไว้ในแบตเตอรี่กลับมาหมุนเวียนใช้ใหม่

    สำหรับรถยนต์ขนาดกลาง หลังจากที่ ฮอนด้า เปิดตัว Honda Accord PHEV ในสหรัฐอเมริกาช่วงต้นปี 2013 แล้ว รถยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่ จะได้รับการติดตั้งระบบไฮบริดมอเตอร์คู่ ซึ่งหลังจากเปิดตัวในสหรัฐอเมริกา รถยนต์รุ่นนี้จะเปิดตัวในประเทศญี่ปุ่น และภูมิภาคอื่นๆ เป็นลำดับต่อมา รถยนต์ไฮบริด ปลั๊ก-อิน ที่จะเริ่มจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น จะได้รับการติดตั้งเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า หรือ inverter ที่สามารถใช้พลังงานจากแหล่งพลังงานภายนอกได้ ซึ่งเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้านี้ได้รับการพัฒนามาจากเทคโนโลยีเครื่องกำเนิดพลังงานไฟฟ้าของ ฮอนด้า นั่นเอง

    ฮอนด้า มุ่งสร้างสรรค์สมรรถนะในการขับขี่ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด จึงคิดค้นระบบไฮบริด 3 มอเตอร์ หรือระบบสปอร์ตไฮบริด SH-AWD (Super Handling All Wheel Drive) ที่สามารถให้การขับขี่สไตล์สปอร์ต และประหยัดน้ำมันไปพร้อมกัน ซึ่งระบบนี้จะได้รับการติดตั้งใน Honda NSX, รถสปอร์ตไฮบริด Acura RLX และ Honda Legend ใหม่ ซึ่งจะเปิดตัวที่ญี่ปุ่นในปี 2014

    สำหรับรถ EV ฮอนด้า จะเริ่มเปิดให้เช่าซื้อ Honda Fit EV ในช่วงฤดูร้อนนี้ เนื่องจากสถานการณ์ด้านพลังงานในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป ฮอนด้า พยายามพัฒนารถ EV อย่างต่อเนื่อง เพื่อเจาะตลาดกลุ่มรถ EV ให้มากขึ้น

    Credit By: www.motortrivia.com
    สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand

  8. #108
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Nov 2009
    User ID
    9563
    Status
    Offline
    โพส
    687

    มาตรฐาน ตอบ: Re: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas

    ปิดไตรมาส 3 ยอดขายทะลุ 5 หมื่นคัน



    บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศปืดไตรมาส 3 ทำยอดจำหน่ายได้กว่า 52,000 คัน พร้อมยังมียอดจองสะสมอีกจำนวนมาก ซึ่ง มาสด้า ได้เตรียมความพร้อมอุดช่องว่างทุกทางในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีน และวางแผนงานจัดการกับปริมาณจอดจองอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ลูกค้าไม่พลาดสิทธิ์ในการรับเงินคืนจากโครงการรถยนต์คันแรก

    ยอดจำหน่ายของมาสด้าปีนี้ (มกราคม - กันยายน) ทะลุถึง 52,170 คัน มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นสูง 64% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2554 ที่ผ่านมา ซึ่งมียอดขายรวมทั้งสิ้น 31,847 คัน Mazda2 สามารถกวาดยอดขายไปได้มากที่สุดถึง 28,474 คัน หรือเพิ่มขึ้น 43% ตามมาด้วย Mazda BT-50 PRO 19,308 เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 156% และ Mazda3 ที่เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยยอดขายรวมทั้งสิ้น 4,367 คัน สำหรับในส่วนของรถยนต์พรีเมี่ยมคาร์ Mazda MX-5 และ Mazda CX-9 มียอดขายถึง 21 คัน

    มร. โชอิชิ ยูกิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "ยอดขายรถยนต์มาสด้าในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ยังคงร้อนแรงต่อเนื่องแม้ว่าจะอยู่ช่วงของฤดูฝน ที่ประชาชนต่างวิตกกังวลในเรื่องของน้ำท่วม แต่ตลาดรถยนต์กลับไม่มีทีท่าจะแผ่วลงเลยแม้แต่น้อย ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์มาสด้าทะลุเกิน 7,000 คันเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยมียอดขายสูงถึง 7,237 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 82% แบ่งเป็น Mazda2 3,580 คัน เพิ่มขึ้น 32% Mazda BT-50 PRO 3,065 คัน เติบโตสูงสุดถึง 242% Mazda3 เครื่องยนต์ 1.6 และ 2.0 ลิตรใหม่ 591 คัน เพิ่มขึ้น 57% และรถยนต์ประเภทพรีเมี่ยมคาร์ จำนวน 1 คัน ส่งผลให้ยอดขายรวม 9 เดือนทะลุถึง 52,170 คัน มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นสูงถึง 64 เปอร์เซ็นต์"

    "หากเปรียบเทียบเป็นในแต่ละไตรมาส จะเห็นว่ามาสด้ามีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสแรก (Q1) มียอดขายรวมทั้งสิ้น 14,264 มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 43% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และในไตรมาสที่สอง (Q2) ยังมีอัตราการเติบเพิ่มสูงขึ้นอีก โดยมียอดขายรวมทั้งสิ้น 16,313 คัน มีอัตราการเติบโตสูงถึง 58% และในไตรมาสที่สามของปีนี้มีอัตราการเติบโตสูงถึง 87% หรือยอดขายรวมทั้งสิ้นสูงถึง 21,593 คัน และคาดว่าในไตรมาสด้าสุดท้ายของปีนี้ (Q4) คาดว่าจะมียอดขายมากกว่า 20,000 คัน หรือรวมทั้งปีมากกว่า 70,000 คัน ทะลุเกินเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน



    ทางด้านผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด นางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี กล่าวว่า "ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ คาดว่าตลาดรถยนต์จะมีความคึกคักมากกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคที่มีอยู่จำนวนมาก ประกอบกับโครงการรถคันแรกของรัฐบาลกำลังจะสิ้นสุดลง และค่ายรถยนต์ทุกค่ายต่างต้องช่วงชิงความได้เปรียบ และต้องเก็บยอดจองมาให้ได้มากที่สุด เพื่อป้องกันการเสียสิทธิ์จากโครงการดังกล่าว"

    "มาสด้าได้เตรียมแผนงานและมอบนโยบายไปยังผู้จำหน่ายอย่างชัดเจน คือ ต้องให้คำแนะนำกับลูกค้า เกี่ยวกับโครงการนี้ให้ละเอียดรอบคอบ และเช็ครายชื่อให้ชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง ซึ่งในขณะนี้มาสด้ามียอดจองสะสมอยู่จำนวนมาก และจะสามารถส่งมอบรถใหม่ให้กับลูกค้าประมาณ 3-4 เดือน ซึ่งถ้าลูกค้าจองในตอนนี้ จะได้รับรถประมาณเดือนมกราคม ฉะนั้นมาสด้าขอแนะนำให้ลูกค้ารีบจองเร็วขึ้นกว่าปกติ และเตรียมยื่นเอกสารก่อนถึงสิ้นปี เนื่องจากถึงตอนนั้นจะมีคนยื่นเข้ามามาก อาจก่อให้เกิดความวุ่นวาย และอาจยื่นเอกสารไม่ทัน และจะทำให้เสียโอกาสดีๆ นั้นไป"

    "สำหรับลูกค้าที่กำลังมองหารถยนต์คันแรก นอกจากจะได้รับสิทธิ์ในการคืนภาษีเต็มจำนวน 100,000 บาท สำหรับ Mazda2 แล้ว มาสด้ายังมอบสิทธิพิเศษ ด้วยเงินดาวน์เพียง 25% ดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.35% ผ่านนานสูงสุด 72 เดือน สำหรับ Mazda BT-50 PRO รับเงินคืนสูงสุด 96,000 บาท ดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.45% ผ่อนนานสูงสุด 72 เดือน"

    "มาสด้าทุกรุ่นยังมอบประกันภัยชั้นหนึ่งฟรี 1 ปี และรับประกันคุณภาพนาน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และบริการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมงนาน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร นอกจากนี้ Mazda3 ทั้งเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร และเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร จองซื้อวันนี้สามารถรับรถได้ทันที"

    Credit By: www.motortrivia.com
    สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand

  9. #109
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Nov 2009
    User ID
    9563
    Status
    Offline
    โพส
    687

    มาตรฐาน ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas

    ข่าวสารช่วงเช้าวันที่ 8 ตุลาคม 2555

    Honda CR-V 2.4 EL 4WD
    500 กิโลเมตร กรุงเทพ-เขาใหญ่



    หลังเปิดตัว ประมาณครึ่งเดือน บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย)
    จำกัด ก็จัดทดสอบแบบกลุ่ม ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ มาครบทั้ง 4 รุ่นย่อยด้วยรถทดสอบ 10 คัน และสื่อมวลชนกว่า 40 คน เส้นทางทดสอบจาก ช็อกโกแล็ต วิลล์ ปลายทาง เวลาเวียน รีสอร์ท เขาใหญ่ ระยะทางรวมประมาณ 500 กิโลเมตร ผลัดกันขับคันละ 4 คน ผมและเพื่อนได้ขับรุ่นสูงสุด 2.4 EL 4WD น้ำหนักรวมสัมภาระประมาณ 300 กิโลกรัม โดยทีมงานของ ฮอนด้า แจ้งว่าเติมแก๊สโซฮอล์ E10



    รูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวล้ำสมัย
    แม้จะถูกบังคับด้วยรูปทรงหลักแบบ 5 ประตู แต่ ฮอนด้า ก็สามารถสร้างความแตกต่างจากรุ่นเดิมได้ดี ด้านหน้าดูสปอร์ตดุดันด้วยชุดไฟหน้าทรงเฉียง มีลูกเล่นซ้อนอยู่กับกระจังหน้าซึ่งกินพื้นที่ส่วนกลางของกันชนที่ปาดรับมุมเอียงของโคมไฟหน้า ด้านล่างของกันชนตกแต่งด้วยพลาสติกสีดำด้านต่อเนื่องไปถึงโป่งล้อหน้า-หลัง สเกิร์ตข้าง และกันชนหลัง เฉพาะรุ่น 2.0 S ขับ 2 ล้อเท่านั้น ที่ไม่มีสปอตไลต์

    ด้านข้างเสริมความหรูด้วยที่เปิดประตูโครเมียม เข้าชุดกับคิ้วโครเมียมล้อมกรอบพื้นที่กระจกข้าง กระจกมองข้างมีไฟเลี้ยวในตัว เสริมความรู้สึกแข็งแรงด้วยลายเส้นบนตัวถังด้านข้าง ล้อแม็กพร้อมรุ่น 2.0 มีขนาด 6.5x17 นิ้ว ยาง 225/65 R17 ลวดลายของล้อแม็กต่างกันในรุ่น 2.0 S ขับ 2 ล้อ และ 2.0 E ขับ 4 ล้อ ส่วนรุ่น 2.4 ทั้งแบบขับ 2 ล้อ EL 2WD และ EL 4WD ใช้ล้อแม็กขนาด 7x18 นิ้ว ยาง 225/60 R18

    ด้านท้ายยังคงยึดมั่นกับชุดไฟท้ายทรงตั้งเอกลักษณ์ของ CR-V ประตูท้ายแบบเดี่ยวเปิดขึ้นบน มีสปอยเลอร์ชิ้นเล็กกับไฟเบรกดวงที่ 3 มุมมองด้านท้ายถ้าไม่มีตัวอักษรระบุ 4WD ก็แทบแยกไม่ออกระหว่างรุ่น 2.0 หรือ 2.4 (ยกเว้น 2.0 S ไม่มีกล้องมองหลังซ่อนอยู่ใต้คิ้วโครเมียมเหนือป้ายทะเบียน)

    มิติตัวถังมีความยาว 4,534 มิลลิเมตร กว้าง 1,820 มิลลิเมตร สูง 1,685 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,620 มิลลิเมตร น้ำหนักรุ่นที่ทดลองขับ 1,585 มิลลิเมตร



    ภายในเรียบหรูกว้างขวาง
    การตกแต่งภายในขึ้นอยู่กับสีภายนอก ถ้าเป็นสีน้ำตาลเออร์เบิน ไทเทเนียม, เทาโพลิซเมทัล และดำคริสตัล ภายในจะเป็นสีเบจ ถ้าอยากได้ภายในสีดำล้วน ต้องเลือกสีภายนอก น้ำเงินทไวไลท์ ขาวออร์คิด หรือเงินอลาบาสเตอร์ คันที่ผมขับเป็นสีดำภายในสีเบจ รถเพิ่งใช้งานมาแค่ 700 กว่ากิโลเมตร ยอมรับว่าภายในสีเบจให้ความรู้สึกโปร่งโล่งและหรูหราจริงๆ ส่วนแผงประตูเป็นพลาสติกล้วน น่าจะเน้นความทนทนและดูแลรักษาง่าย เพราะรถประเภทนี้มักใช้งานสมบุกสมบันกว่าเก๋ง ส่วนที่เท้าแขนบนแผงประตูหุ้มหนังบุด้วยวัสดุอ่อนนุ่ม

    แผงคอนโซลออกแบบเรียบๆ เน้นความสะอาดตา พวงมาลัย 3 ก้านใช้ร่วมกับซีวิค คันที่ขับเป็นรุ่นสูงสุด มีฟังก์ชั่นการทำงานครบครับทั้งปุ่มควบคุมจอ i-MID ที่คอนโซลกลางด้านบน ปุ่มควบคุมครูสคอนโทรล และปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ ชุดมาตรวัดออกแบบใหม่ทิ้งสไตล์เดิม เน้นแบบล้ำยุค 3 มิติ ตรงกลางเป็นมาตรวัดความเร็ว มีจอดิจิตอลแสดงข้อมูลการขับตรงกลาง ประกบด้วยแถบไฟสำหรับระบบ Eco Coaching โดยจะสว่างเป็นสีเขียวเมื่ออยู่ในช่วงที่ปะหยัดเชื้อเพลิงสูงสุด ใต้แผงคอนโซลฝั่งขวามีปุ่ม ECON และฝั่งซ้ายมีปุ่ม Start/Stop ใช้ร่วมกับ Honda Smart Key System

    คอนโซลกลางนอกจากจอ i-MID แล้วยังมีจอสัมผัสแสดงผลเครื่องเสียง ระบบนำทางผ่านดาวเทียม และกล้องมองหลังพร้อมเส้นกราฟิกกะระยะ ถัดลงมาเป็นสวิตช์แอร์ดิจิตอลแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา ต่อเนื่องด้วยคอนโซลเกียร์หน้าตาเรียบๆ มีตำแหน่ง S ให้ผู้ขับควบคุมจังหวะเปลี่ยนเกียร์ด้วยแป้น +/- หลังพวงมาลัย พร้อมตัวเลขดิจิตอลบอกตำแหน่งเกียร์ในชุดมาตรวัด

    เบาะคู่หน้าปรับทิศทางด้วยไฟฟ้า ฝั่งผู้ขับมีที่ดันหลังไฟฟ้าเพิ่มเติมมาให้ ปรับให้เข้ากับสรีระได้อย่างพอเหมาะ ที่เท้าแขนตรงกลางมีช่องเสียบ USB อยู่ด้านใน ตำแหน่งของที่เท้าแขนต่ำไปนิด ถ้าติดตั้งไว้กับเบาะแบบ ฮอนด้า โอดิสซีย์ น่าจะใช้งานได้ถนัดกว่านี้ แต่คงเป็นไปได้ยากเพราะด้านหลังของที่เท้าแขนมีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลังด้วย

    เบาะหลังแยกพับได้แบบ 60:40 ติดตั้งระบบพับแบบกลไก One Motion มีคันโยกอยู่ที่ผนังห้องเก็บสัมภาระด้านท้าย เมื่อดีงคันโยกเบาะนั่งจะพลิกไปด้านหน้าและพนักพิงจะพับลง เพิ่มพื้นที่บรรจุของด้านหลัง พนักพิงปรับความเอนได้ 2 ระดับ แต่เท่าที่ทดลองนั่ง ทุกคนอยากให้เอนได้มากกว่านี้อีกนิด ผู้โดยสารด้านหลังปลอดภัยด้วยหมอนรองศีรษะ 3 ตำแหน่ง ตรงกลางพับเก็บได้ ผู้โดยสารด้านหลังตำแหน่งกลางส่วนใหญ่จะมีเข็มขัดนิรภัยแบบ 2 จุดคาดเอว แต่สำหรับ ซีอาร์-วี ใหม่เป็นแบบ 3 จุดโดยตัวเข็มขัดจะม้วนเก็บอยู่บนเพดานด้านหลังเบาะหลัง

    เร่งได้ดีถ้ามีรอบ
    รุ่นที่ทดสอบใช้เครื่องยนต์ความจุค่อนข้างเยอะ แบบเบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว i-VTEC ความจุ 2,354 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 125 กิโลวัตต์ หรือ 170 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 22.4 กก.-ม. ที่ 4,300 รอบต่อนาที รองรับแก๊สโซฮอล์สูงสุด E85 ออกเทน 91 ขึ้นไป ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ

    ช่วงแรกที่ผมขับแบบใช้งานทั่วไปพบว่า ถ้าต้องการเร่งแซงแบบทันใจ ต้องใช้การคิ๊กดาวน์เปลี่ยนเกียร์ลงต่ำ การแซงแบบกดคันเร่งค่อยๆ ไล่รอบในเกียร์เดิมพบว่าความเร็วจะเพิ่มขึ้นช้ามาก โดยเฉพาะจากรอบประมาณ 2,000-2,500 รอบต่อนาทีขึ้นไป แต่ก็ยังดีที่รอบเครื่องยนต์ตวัดขึ้นอย่างรวดเร็วและไหลลื่นเมื่อคิ๊กดาวน์ แต่ก็แน่นอนว่าต้องสึกหรอและสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้น

    ช่วงที่เพื่อนขับแบบสปอร์ตแต่เปิดใช้ ECON Mode พบว่าอัตราสิ้นเปลืองลดลงไม่มากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับลักษณะการขับที่ค่อนข้างดุดัน คิ๊กดาวน์ลากรอบสูงบ่อยครั้ง ผมนั่งสังเกตการณ์อยู่เบาะหลังฝั่งผู้ขับรู้สึกว่ารถยังไม่พุ่งทันใจสักเท่าไรแม้จะคิ๊กดาวน์แล้ว เพื่อนที่เป็นผู้ขับจึงลองปิด ECON Mode ไม่แน่ใจว่าเป็นอุปทานหรือเปล่า แต่รู้สึกเหมือนว่ารถเบาลง เร่งทันใจมากขึ้น ถ้าได้ทดสอบเดี่ยวเมื่อไรจะลองอีกครั้งให้แน่ใจ



    อัตราสิ้นเปลืองดีกว่าที่คิด
    ผมรับหน้าที่ขับเป็นคนแรกเผื่อช่วงหลังๆ จะมีโอกาสถ่ายรูป ก่อนออกจาก ช็อคโกแล็ต วิลล์ สังเกตว่าทีมงาน ฮอนด้า เซต 0 ระยะทางและอัตราสิ้นเปลืองไว้ให้แล้ว แถมยังเซต GPS ไว้ให้ด้วย เดินทางโดยใช้ทางหลวงกาญจนาภิเษก ต่อด้วยวงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออก ถนนช่วงนี้รถค่อนข้างโล่ง แต่ก็ไม่ได้ใช้ความเร็วสูงจัดเพราะกลัวโดนตำรวจจับ และตั้งใจจะลองขับใช้งานทั่วไปแบบเน้นประหยัดนิดๆ ว่าจะได้อัตราสิ้นเปลืองประมาณไหน

    ในการขับใช้ความเร็วประมาณ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีบางช่วงเท่านั้นที่เร่งขึ้นไปถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพราะต้องเกาะกลุ่มตามคันอื่นเนื่องจากกลัวหลงทาง ขับยาวไปจนสุดทางจากนั้นวนออกถนนพหลโยธิน ใช้เส้นบายพาสตัดไปออกถนนมิตรภาพ ก่อนจะแวะปั๊มที่นัดแนะไว้ ระยะทางในช่วงนี้ประมาณ 113 กิโลเมตร ได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 10.3 กิโลเมตรต่อลิตร

    จากนั้นเปลี่ยนคนขับ มุ่งหน้าทานอาหารกลางวันที่เวลาเวียน ระยะทางประมาณ 130 กิโลเมตร อัตราสิ้นเปลืองลดลงเหลือ 9.8 กิโลเมตรต่อลิตร อิ่มแล้วเปลี่ยนคนขับอีกครั้ง สไตล์การขับค่อนข้างสปอร์ตมีการลากรอบสูงเพื่อเร่งแซงบ่อยๆ ส่วนใหญ่เปิด ECON Mode มีแค่บางช่วงเท่านั้นที่ลองปิดระบบ แวะพักที่ปั๊มบนถนนบายพาสเลี่ยงเมืองสระบุรี อัตราสิ้นเปลืองลดลงเล็กน้อย เหลือ 9.6 กิโลเมตรต่อลิตร

    จากนั้นเปลี่ยนคนขับคนสุดท้ายมุ่งหน้ากลับจุดสตาร์ตเมื่อเช้า คนนี้ขับไม่เร็วมากและมีการคิ๊กดาวน์ไม่บ่อยนัก ขับแบบไหลๆ ไปตามสภาพการจราจรช่วง 5 โมงเย็นซึ่งยังไม่ติดขัดมากนัก กลับถึงจุดหมายด้วยอัตราสิ้นเปลืองที่ขยับขึ้นอีกนิดเป็น 10.1 กิโลเมตรต่อลิตร

    หลังจากทดลองขับแล้ว วิศวกรของ ฮอนด้า ถึงจะเฉลยว่ารถที่ใช้ทดสอบเติมแก๊สโซฮอล์ E10 แม้รถจะรองรับได้ถึง E85 ก็ตาม และแสดงแผนภูมิข้อมูลว่าในรุ่นใหม่แบบ 4WD ประหยัดน้ำมันขึ้นจากเดิม 10.0 กิโลเมตรต่อลิตร เป็น 11.4 กิโลเมตรต่อลิตร ทดสอบโดยทีม R&D และใช้แก๊สโซลีน ส่วนคันที่ทดสอบนั่ง 4 คน โดยเฉลี่ยขับค่อนข้างเร็ว และเติมแก๊สโซฮอล์ E10 ได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 10.1 กิโลเมตรต่อลิตรนับว่าน่าพอใจอย่างยิ่ง เพราะรถสูงต้านลมและต้องแบกน้ำหนักรวมกว่า 1,800 กิโลกรัม



    ช่วงล่างต้องลองเอง
    คันที่ทดลองขับเป็นรุ่นสูงสุด ใส่ยางขนาด 225/60 R18 มาจากโรงงาน ระบุให้เติมลม 30 ปอนด์ต่อตารางนิ้วทั้ง 4 ล้อ สอบถามทีมพีอาร์ก็บอกว่าเติมตามที่สเปกกำหนด ช่วงที่ผมขับและนั่งเมื่อขับผ่านถนนขรุขระ รู้สึกว่ามีความแข็งกระแทกที่มาจากยางมากไปนิด ส่วนเพื่อนที่นั่งไปด้วยยังวัยรุ่นอยู่กลับบอกว่านุ่มดี ของแบบนี้ต้องลองเอง เพราะความชอบส่วนตัวและความคาดหวังของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

    ในส่วนของระบบกันสะเทือนอิสระพร้อมเหล็กกันโคลงทั้ง 4 ล้อ ด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัต ด้านหลังปีกนก 2 ชั้น พร้อมระบบควบคุมการทรงตัว VSA-Vehicle Stability Assist ให้ความนุ่มนวลและหนึบหนับพอตัวที่ความเร็วต่ำ-ปานกลาง ส่วนที่ความเร็วสูงเป็นช่วงที่เพื่อนเริ่มขับขากลับเป็นคนแรก เส้นทางคดเคี้ยวลาดชัน แม้จะใช้ความเร็วเกินปกติไปบ้างบนโค้งแคบๆ แต่ก็ยังควบคุมรถได้ มีเพียงบางจังหวะที่ออกอาการหน้าดื้อบ้าง และมีอาการท้ายยวบเกือบจะปัดเมื่อใช้ความเร็วค่อนข้างสูงในโค้งลงเนิน แต่ก็ไม่ถึงกับปัดหรือน่ากลัวแต่อย่างใด เพื่อนที่นั่งเบาะหลังคู่กันยังหลับพริ้มแถมด้วยเสียงกรนเบาๆ เป็นระยะ ยืนยันว่าหลับจริง

    ระบบเบรกดิสก์ 4 ล้อ ให้ความรู้สึกที่ดีทั้งในแง่ของแรงเบรกที่ดึงรถคันสูงใหญ่ให้ชลอความเร็วลงได้อย่างมั่นคงและฉับไว รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างแรงเหยียบของเท้ากับแรงเบรก ช่วยควบคุมการเบรกทั้งแบบนุ่มนวลหรือแบบกะทันหันได้ตามต้องการ โดยเมื่อเบรกกะทันหันมีอาการหน้าทิ่มท้ายยกไม่มากนัก

    พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้ามีระบบช่วยควบคุมการบังคับพวงมาลัย MA-EPS หรือ Motion Adaptive Electric Power Steering System ทำงานร่วมกับ VSA และพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า จึงมีเฉพาะในรุ่น 2.4 เท่านั้น (รุ่น 2.0 ไม่มี VSA) เพิ่มความแม่นยำขณะเข้าโค้งหรือบนทางเปียก ลองขับแล้วรู้สึกว่าการทำงานของพวงมาลัยยังคงเป็นธรรมชาติ เหมือนพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าทั่วไปที่ไม่มีระบบ Motion Adaptive อีกระบบที่ไม่ได้ลอง คือ HSA หรือ Hill Start Assist ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน

    ยังเหลืออีก 2 ส่วนที่ต้องรอทดสอบเดี่ยว คือ อัตราเร่งทั้งแบบเปิดและปิด ECON Mode รวมทั้งอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงแบบขับยาวๆ ด้วยความเร็วนิ่งๆ 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

    ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ รุ่นสูงสุด 2.4 EL 4WD รูปลักษณ์ล้ำสมัยโฉบเฉี่ยว ภายในเรียบร้อยสะอาดตา อุปกรณ์มาตรฐานครบครัน ตั้งราคาไว้ 1,524,000 บาทพอๆ กับรถเก๋งระดับหรูพิกัดเครื่องยนต์ใกล้เคียงกัน เด่นกว่าด้วยห้องโดยสารโปร่งโล่งกว้างขวางนั่งสบาย ช่วงล่างสูงกว่าเก๋ง ลุยทางวิบากเล็กๆ หรือน้ำท่วมประมาณ 1 คืบได้อย่างสบายใจ เป็นทางเลือกที่สดใหม่ที่สุดในกลุ่ม ณ เวลานี้


    Credit By: www.motortrivia.com
    สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand

  10. #110
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Nov 2009
    User ID
    9563
    Status
    Offline
    โพส
    687

    มาตรฐาน ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas

    ข่าวสารช่วงเช้าวันที่ 9 ตุลาคม 2555 กระจกไฟฟ้าเจ้าปัญหาทำ Honda CR-V Gen 2 ต้องเรียกคืนกว่า 489,000 คัน!!! บ้านเราอาจจะเพิ่งเปิดตัวไปหมาดๆ อย่างเป็นทางการสำหรับรถยนต์อเนกประสงค์ Honda CR -V ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปหมาด แต่ในต่างประเทศชื่อเดียวกันนี้ก็กำลงัวุ่นวาย ใน ยุโรป สหรัฐ รวมถึง แอฟริกา หลังต้องเรียกคืนรถยนต์รุ่นนี้ในโฉมปี 2002-2006 กันยกใหญ่ การเรียกคืนรถยนต์ Honda CR-V ใหม่นี้เป็นการเรียกคืน โดยสำนักงานความปลอดภัยทางหลวงแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา หลังมีการสืบสวนในกรณีกระจกไฟฟ้าของรถยนต์ Honda CR-V ใหม่ ซึ่งการเรียกคืนครั้งนี้เป็นด้วยความสมัครใจของ Honda ในอเมริกา และ มีรายงานว่า รถคันนี้ถูกเรียกคืนในยุโรปด้วยตามรายงานของ Wall Street Journal กว่า 220,000 คัน รวมถึงอีกว่า 98 คันในทวีปแอฟฟริกา ต้นเหตุจองการเรียกคืนนี้ก็เนื่องมาจากการสืบสวนในเร็วๆนี้ ที่ระบุว่าสวิทช์กระจกไฟฟ้าหลักอาจเสื่อมสภาพจากการใช้งานและทำให้แรงต้านทานในสวิทช์ด้อยประสิทธฺภาพลงจนอาจจะเกิดการช๊อตได้ และสามารถเป็นต้นเหตุของไฟไหม้ได้ในที่สุด อย่างไรก็ดี ในการเรียกคืนครั้งนี้ไม่ได้มีการระบุถึงการเรียงคืนในทวีปเอเซียด้วย ซึ่งหากมีความเคลื่อนไหวใดๆ เราจะติดตามมานำเสนอกันต่อไป Credit By: Auto.sanook.com สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand

  11. #111
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Nov 2009
    User ID
    9563
    Status
    Offline
    โพส
    687

    มาตรฐาน ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas

    ข่าวสารช่วงค่ำวันที่ 10 ตุลาคม 2555



    Mitsubishi Motors
    ส่งข้อเสนอพิเศษ มิตซูบิชิ 'จัดให้' ไม่ต้องรอ Motor Expo 2012

    มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จัดหนัก จัดเต็ม ส่งข้อเสนอเด็ด 'มิตซูบิชิ จัดให้' จัดไปไม่ยั้ง ทั้งฟรีประกันภัยชั้น 1 ฟรีค่าบำรุงรักษาสูงสุด 30,000 กิโลเมตร ฟรีค่าแรง 100,000 กิโลเมตร สำหรับลูกค้าที่จอง มิตซูบิชิ ทุกรุ่น พร้อมเงื่อนไขพิเศษ ทั้งดาวน์ต่ำ ผ่อนน้อย เพิ่มมูลค่านำรถเก่าแลกรถใหม่ หรือรับบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 30,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 1.79% * และรับคืนเงินภาษีรถคันแรกสูงสุดถึง 91,000 บาท เมื่อซื้อ มิตซูบิชิ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้ ที่โชว์รูมรถยนต์ มิตซูบิชิ ทั่วประเทศ

    มร. โนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เผยยอดขายในเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่า บริษัทฯ มียอดขายรวมอยู่ที่ 11,494 คัน เติบโตขึ้น 103.54% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ถือเป็นการทำยอดขายที่สูงกว่า 10,000 คันต่อเดือน ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 นับตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

    ทั้งนี้ ยอดจำหน่ายแบ่งออกเป็น Mitsubishi Triton 4,358 คัน เพิ่มขึ้น 20.92% จากปีก่อน กลุ่ม PPV คือ Mitsubishi Pajero Sport ยอดขาย 2,186 คัน เพิ่มขึ้น 41.86 % จากปีก่อน แบ่งเป็นรุ่นเครื่องยนต์เบนซินทั้ง 2.4 และ 3.0 ลิตร ประมาณ 400 คัน

    กลุ่มรถยนต์นั่ง Mitsubishi Mirage, Mitsubishi Lancer และ Mitsubishi Lancer EX มีอัตราการเติบโตสูงสุด ยอดขายรวมอยู่ที่ 4,950 คัน เพิ่มขึ้น 886.06% จากปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดตัว Mirage ใหม่ในปีนี้ และได้กลายเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์หลัก ที่ช่วยกระตุ้นยอดขายรถยนต์รวมของ มิตซูบิชิ โดยรวม

    "ลูกค้าส่วนใหญ่พึงพอใจในความประหยัดน้ำมัน ความคุ้มค่า และความคล่องตัวในการขับขี่ของมิราจใหม่ ซึ่งล่าสุด ทางบริษัทได้มีการจัดกิจกรรมทดสอบอัตราการบริโภคน้ำมันของรถรุ่นดังกล่าว โดยสื่อมวลชนสายรถยนต์บนเส้นทางก รุงเทพ-เชียงราย และ เชียงราย-กรุงเทพ โดยใช้ชื่อกิจกรรม 'ถังเล็กถังเดียวเที่ยวเชียงราย' ซึ่งจากการขับด้วยความเร็วเฉลี่ย 80-90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ผลปรากฎว่า มิราจซึ่งมีความจุถังน้ำมันอยู่ที่ 35 ลิตร สามารถไปถึงเชียงรายโดยใช้น้ำมันไม่ถึง 1 ถัง โดยรุ่นเกียร์ธรรมดา มีอัตราการบริโภคน้ำมันเฉลี่ยสูงสุดอยู่ที่ 32.81 กิโลเมตรต่อลิตร ในขณะที่รุ่นเกียร์อัตโนมัติ CVT มีอัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ยสูงสุดอยู่ที่ 28.51 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งผมเชื่อว่า น่าจะมีส่วนสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในเรื่องของการประหยัดน้ำมันของรถมิราจได้เป็นอย่างดี"

    มร. มูราฮาชิ กล่าวเสริมถึงกิจกรรมส่งเสริมการขายของบริษัทฯ เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่อง ในช่วงเดือนตุลาคม ไปจนถึงเดือนพฤศจิกายนนี้ว่า...

    "มิตซูบิชิได้เตรียมจัดแคมเปญภายใต้ชื่อ 'มิตซูบิชิ จัดให้' ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษ สำหรับลูกค้าที่ตัดสินใจจองรถยนต์มิตซูบิชิในช่วงนี้ โดยภายใต้แคมเปญดังกล่าว ลูกค้ารถยนต์มิตซูบิชิทุกรุ่นจะได้รับทั้งฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี ฟรีค่าบำรุงรักษาสูงสุด 30,000 กิโลเมตรแรก และฟรีค่าแรง 100,000 กิโลเมตร พร้อมกันนี้ยังมีข้อเสนอพิเศษสำหรับรถยนต์มิตซูบิชิแต่ละรุ่น ครอบคลุมทั้ง มิราจ, ไทรทัน, ปาเจโร สปอร์ต และ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ ซึ่งมีให้เลือกทั้งดาวน์ต่ำ ผ่อนน้อย เพิ่มมูลค่านำรถเก่าแลกรถใหม่ หรือรับบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 30,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยต่ำเริ่มต้นที่ 1.79% * ในขณะที่ลูกค้าที่ซื้อไทรทัน และมิราจ ยังได้รับสิทธิ์คืนเงินภาษีรถคันแรกสูงสุดถึง 91,000 บาทด้วย"

    แคมเปญ 'มิตซูบิชิ จัดให้'
    สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์มิตซูบิชิ ทุกรุ่น ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2555 นี้

    • ฟรี…ประกันภัยชั้นหนึ่ง Diamond Insurance นาน 1 ปี พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง
    • ฟรี...ค่าบำรุงรักษาสูงสุด 30,000 กิโลเมตรแรก หรือระยะไม่เกิน 18 เดือน แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน
    • ฟรี...ค่าแรง 100,000 กิโลเมตร หรือ 36 เดือน แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน (เป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุในสมุดรับบริการและคู่มือการใช้รถ)

    ข้อเสนอพิเศษสำหรับรถยนต์มิตซูบิชิมี
    รุ่น

    Mirage
    - ดาวน์ต่ำเริ่มต้นที่ 38,000 บาท (เงื่อนไขเงินดาวน์ 10%)
    - ผ่อนเริ่มต้นที่ 3,999 บาท (เงื่อนไขเงินดาวน์ 30% ผ่อน 84 เดือน)
    - รับส่วนลดเงินคืนภาษีรถคันแรกสูงสุด 77,000 บาท (รายละเอียดตามเงื่อนไขของโครงการรถยนต์คันแรก)

    Triton
    - รุ่นเมกะแค็บ ข้อเสนอรถเก่าแลกรถใหม่ เพิ่มมูลค่า 30,000 บาท หรือฟรีบัตรเติมน้ำมัน 30,000 บาท ยกเว้นเมกะแค็บ CNG
    - ดับเบิ้ลแค็บ รับข้อเสนอดอกเบี้ยต่ำ 1.79% * (ดาวน์ 25% ผ่อน 48 เดือน)
    - รับส่วนลดเงินคืนภาษีรถคันแรกสูงสุด 91,000 บาท (รายละเอียดตามเงื่อนไขของโครงการรถยนต์คันแรก)

    Pajero Sport
    - ดอกเบี้ยต่ำ 1.99%* (ดาวน์ 25% ผ่อน 48 เดือน) ยกเว้นรุ่น เครื่องยนต์เบนซิน

    Lancer EX
    - ดอกเบี้ยต่ำ 1.99% *(ดาวน์ 25% ผ่อน 48 เดือน)

    Credit By: www.motortrivia.com
    สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand

  12. #112
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Nov 2009
    User ID
    9563
    Status
    Offline
    โพส
    687

    มาตรฐาน ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas

    ข่าวสารช่วงเช้าวันที่ 11 ตุลาคม 2555

    GM & Ford
    ร่วมลงทุนผลิตเกียร์รุ่นใหม่

    ปัจจุบันเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะได้กลายเป็นเรื่องปกติสำหรับรถยนต์ระดับหรูไปแล้ว และกำลังจะเริ่มใช้ในรถยนต์ระดับรองลงมาด้วย ล่าสุดมีข่าวว่า จีเอ็ม และ ฟอร์ด เตรียมประกาศความร่วมมือในการพัฒนาเกียร์อัตโนมัติรุ่นใหม่ ดีไซน์พิเศษเพื่อลดอัตราสิ้นเปลืองในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้

    ความร่วมมือในครั้งนี้ ไม่ใช่ความร่วมมือครั้งแรกของ 2 ยักษ์ใหญ่แห่งวงการยานยนต์ เพราะย้อนหลังไปประมาณ 10 ปีที่แล้ว ทั้ง 2 บริษัทเคยร่วมมือกันในการผลิตเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะสำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า ด้วยการแชร์ดีไซน์และการผลิตกัน ทำให้ ฟอร์ด ได้เกียร์รุ่น 6F และ จีเอ็ม ได้เกียร์ 6T70 ใช้ชิ้นส่วนกลไกร่วมกัน แต่แยกกันทำในส่วนของชุดอิเล็กทรอนิกส์ควบคุมเกียร์

    การร่วมมือกันของทั้ง 2 บริษัท จะช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุน ซึ่งบริษัทรถยนต์ส่วนใหญ่จะลดความเสี่ยงด้วยการจ้างบริษัทอื่นทำเกียร์ อย่างเช่น ZF และจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้ไป ส่งผลให้ต้นทุนในการผลิตรถยนต์สูงขึ้น ส่วนเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ จะช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานอยู่ในช่วงรอบที่มีการใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดอยู่เสมอ จึงลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง และลดคาร์บอนไดอ๊อกไซค์ในไอเสีย

    หมายเหตุ: ภาพประกอบ เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ รหัส 8HP45 ของ ZF



    Credit By: www.motortrivia.com
    สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand

  13. #113
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Nov 2009
    User ID
    9563
    Status
    Offline
    โพส
    687

    มาตรฐาน ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas

    ข่าวสารช่วงเช้าวันที่ 12 ตุลาคม 2555

    Toyota
    ชี้แจงกรณีเรียก Camry, Altis, Vios และ Yaris ที่ผลิตในประเทศไทยกลับมาตรวจสอบ



    นายวิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ชี้แจงถึงกรณีการเรียกรถยนต์ Toyota Camry, Toyota Altis, Toyota Vios และ Toyota Yaris ที่ผลิตและจำหน่ายในประเทศไทย เพื่อนำกลับมาตรวจสอบสวิตซ์หลักที่ควบคุมกระจกไฟฟ้าด้านคนขับในรถรุ่นดังกล่าว เพื่อแสดงถึงความเอาใจใส่ และความรับผิดชอบต่อคุณภาพผลิตภัณฑ์

    นายวิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า "จากกรณีการเรียกรถดังกล่าวกลับมาทำการตรวจสอบและแก้ไขนั้น เกิดจากการที่เราได้รับแจ้งจากลูกค้าบางรายว่า สวิตซ์หลักที่ควบคุมกระจกไฟฟ้าด้านคนขับในรถยนต์รุ่นดังกล่าว บางครั้งเกิดความรู้สึกติดขัดในระหว่างการใช้งาน บริษัทฯ จึงได้ทำการตรวจสอบรถยนต์ และพบว่ามีอาการฝืดตัวของสวิตซ์หลักที่ควบคุมกระจกไฟฟ้าด้านคนขับในบางครั้งตามที่ลูกค้าแจ้ง ซึ่งสาเหตุเกิดจากการที่สารหล่อลื่นพิเศษ ที่อยู่ภายในสวิตซ์หลักที่ควบคุมกระจกไฟฟ้าของรถยนต์คันที่พบอาการฝืดตัวนั้น มีปริมาณน้อยเกินไป"

    baจากการตรวจสอบครั้งนี้ พบว่า โตโยต้า ที่ผลิตและจำหน่ายในประเทศไทย และเข้าข่ายต้องเข้ารับการตรวจสอบปัญหาดังกล่าวนั้น มีจำนวนทั้งสิ้น 160,907 คัน ได้แก่

    1 Toyota Camry 2.0L 830 คัน ที่ผลิตตั้งแต่ มีนาคม 2549 - ธันวาคม 2551

    2 Toyota Corolla Altis 33,048 คัน ที่ผลิตตั้งแต่ กันยายน 2550 - ธันวาคม 2551

    3 Toyota Vios 87,753 คัน ที่ผลิตตั้งแต่ ตุลาคม 2549 - ธันวาคม 2551

    4 Toyota Yaris 39,276 คัน ที่ผลิตตั้งแต่ กุมภาพันธ์ 2549 - ธันวาคม 2551

    "สำหรับกรณีนี้ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในด้านคุณภาพของรถยนต์โตโยต้า บริษัทฯ จะดำเนินการออกจดหมายเรียนเชิญไปยังลูกค้า เพื่อให้นำรถกลับเข้ามาตรวจสอบและแก้ไข โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2555 เป็นต้นไป ซึ่งการเรียกรถกลับเพื่อมาตรวจสอบในครั้งนี้ ถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อคุณภาพผลิตภัณฑ์ อันเป็นมาตรฐานของบริษัทโตโยต้าในการเอาใจใส่ และรับผิดชอบต่อลูกค้า เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการใช้รถยนต์" นายวิเชียร กล่าวในที่สุด


    Credit By: www.motortrivia.com
    สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand

  14. #114
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Nov 2009
    User ID
    9563
    Status
    Offline
    โพส
    687

    มาตรฐาน ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas

    ข่าวสารช่วงเช้าวันที่ 19 ตุลาคม 2555



    Honda Day Live Night Race: Bossa Ska Racing
    เที่ยงวันถึงเที่ยงคืน ณ ริมทะเลสาบเมืองทองธานี 17 พฤศจิกายนนี้

    บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และ บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด ประกาศจัดกิจกรรมรูปแบบใหม่ ที่รวมเอาความตื่นเต้นในการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ สนามกลางคืน และมหกรรมคอนเสิร์ตเข้าไว้ด้วยกัน ภายใต้ชื่องาน Honda Day Live Night Race: Bossa Ska Racing ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ ตั้งแต่เที่ยงวันถึงเที่ยงคืน ณ บริเวณริมทะเลสาบเมืองทองธานี

    กิจกรรมดังกล่าวเป็นการรวมการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบที่ ฮอนด้า เคยจัด ภายใต้ชื่อ Honda Racing Fest' ที่ได้รับความสนใจจากนักแข่ง และผู้ชมมากมาย ผสานกับกิจกรรมดนตรี ทั้ง Honda Winter Fest' ต้นแบบเทศกาลดนตรีฤดูหนาวท่ามกลางขุนเขา และงาน Honda Summer Fest' เทศกาลดนตรีฤดูร้อนริมชายหาด ที่มีผู้เข้าร่วมงานมากเป็นประวัติการณ์กว่า 3 แสนคนเข้าไว้ด้วยกัน รวมเป็นจังหวะของความสนุกเร้าใจแนวใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน

    ฮอนด้า สานต่อกิจกรรมในครั้งนี้ด้วยการเนรมิตดินแดนแห่งความตื่นเต้นสนุกสนาน ผสานความเร็วเร้าใจในสนามกับการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ ด้วยจำนวนรถแข่งกว่า 70 คันบนสนามกลางคืน หรือ Night Race ที่ได้มาตรฐานเต็มรูปแบบ บวกกับมหกรรมคอนเสิร์ตจากนักร้อง นักดนตรี อาทิ ปาล์มมี่, ทีโบน, ก้านคอคลับ, เจ เจตริน, ลุลา, Mocca Garden, Teddyska Band และอื่นๆ อีกมากมายตลอด 1 วันเต็ม นับเป็นครั้งแรกที่เสียงเชียร์ในสนามแข่งรถ จะดังกึกก้องหลอมรวมกับจังหวะสนุกทุกบีทในเวทีคอนเสิร์ต

    นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "ฮอนด้าต้องการมอบความสนุกรูปแบบใหม่ ที่ผสานสุดยอดความท้าทายที่ทุกสายตาจับจ้อง การเป็นเจ้าแห่งความเร็วในสนามแข่งรถ และสุดยอดเทศกาลดนตรีที่ยิ่งใหญ่ทั้ง 2 งาน ซึ่งมีผู้เข้าร่วมงานมากมาย เพื่อหลอมรวมเป็นความยิ่งใหญ่ในสไตล์ที่แตกต่าง ภายใต้ชื่อ Honda Day Live Night Race: Bossa Ska Racing ซึ่งฮอนด้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า กิจกรรมนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีจากแฟนๆ กีฬามอเตอร์สปอร์ต และผู้ที่ติดตามเทศกาลดนตรีของฮอนด้ามาโดยตลอด ขอเชิญชวนทุกคนมาร่วมสนุก ด้วยกันให้เต็มที่ในงานนี้ครับ"

    ดร. ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ให้ข้อมูลด้านการจัดแข่งขันในรูปแบบไนท์เรซในครั้งนี้ว่า "การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบในครั้งนี้ ยังคงแบ่งเป็น 3 รุ่น ได้แก่รุ่น Production Car, Pro Cup 1500 - 1600 และ Pro Cup 2000 ซึ่งนับเป็นการแข่งขันในสนามกลางคืนเป็นครั้งแรก ที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยเต็มรูปแบบ จึงน่าสนุก น่าตื่นเต้น และน่าติดตามกว่าทุกๆ ครั้ง ที่ผ่านมา"

    นายวินิจ เลิศรัตนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด กล่าวเกี่ยวกับการจัดคอนเสิร์ตว่า "Honda Day Live Night Race: Bossa Ska Racing ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ เป็นงานที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ มีศิลปินนักร้องมากมายที่จะมามอบความสนุกที่สุด และความประทับใจที่สุด ท่ามกลางแสง สี เสียง เต็มรูปแบบ บรรยากาศสนุกสนาน และสร้างประสบการณ์ให้กับผู้เข้าชมทุกท่าน ในรูปแบบที่ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน งานนี้ไม่ควรพลาดครับ"

    นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น

    • Honda Hot Laps ร่วมนั่งรถแข่งจริงในสนามการแข่งขันจริง โดยมีนักแข่งเป็นผู้ขับ สร้างความเร้าใจเหมือนการแข่งขันจริง
    • Honda Pit Tour สัมผัสชีวิตจริงในการทำงานของทีมแข่งชั้นนำ และกระทบไหล่นักแข่งตัวจริง พร้อมรับของที่ระลึกจากทีมแข่ง
    • Honda Performance Show ชมการขับขี่แบบผาดโผน โดยนักแข่งมืออาชีพ ที่ฝึกฝนมาอย่างชำนาญ
    • Honda Car Club Village การรวมตัวของผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์ฮอนด้ามากที่สุดในประเทศไทยกว่า 400 คัน

    ท่านใดที่สนใจสามารถไปร่วมงานได้นะครับในวันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ ตั้งแต่เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป ณ บริเวณริมทะเลสาบเมืองทองธานี เข้าชมงานฟรี!


    Credit By: www.motortrivia.com
    สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand

  15. #115
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Nov 2009
    User ID
    9563
    Status
    Offline
    โพส
    687

    มาตรฐาน ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas

    ข่าวสารช่วงเช้าวันที่ 25 ตุลาคม 2555



    Toyota
    รายงานตลาดรถยนต์เดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 52.7% 9 เดือนขาย 1,000,577 คัน

    นายวุฒิกร
    สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์เดือนกันยายน 2555 มีปริมาณการขายทั้งสิ้น 132,874 คัน เพิ่มขึ้น 52.7% ประกอบด้วยรถยนต์นั่ง 68,282 คัน เพิ่มขึ้น 67.8% รถเพื่อการพาณิชย์ 64,592 คัน เพิ่มขึ้น 39.4% รวมทั้งรถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ จำนวน 56,282 คัน เพิ่มขึ้น 40.4%

    ตลาดรถยนต์เดือนกันยายน มีปริมาณการขาย 132,874 คัน มีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้น 52.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีปริมาณการขาย 68,282 คัน มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 67.8% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีปริมาณการขาย 64,592 คัน เพิ่มขึ้น 39.4% เป็นผลจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดที่สูงขึ้นจากนโยบายภาครัฐ

    ตลาดรถยนต์สะสม 9 เดือน มีปริมาณการขาย 1,000,577 คัน เพิ่มขึ้น 71.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่ตลาดรถยนต์ในประเทศมียอดขายมากกว่า 1 ล้านคัน ตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 72.7% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 70.3% เป็นผลจากความต้องการของตลาดรถยนต์ในประเทศที่มีอยู่สูง ประกอบกับกำลังการผลิตที่มากขึ้น สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยบวกที่สนับสนุนการเติบโตของตลาดรถยนต์

    ตลาดรถยนต์ในเดือนตุลาคม ยังคงเติบโตต่อเนื่อง เป็นผลจากยอดค้างจองสะสม และความต้องการของตลาดที่เติบโตต่อเนื่อง ในขณะที่ค่ายรถยนต์ทุกค่ายได้เพิ่มกำลังการผลิต ส่งผลทำให้สามารถส่งมอบรถให้กับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ประกอบกับการเร่งใช้สิทธิจากนโยบายรถยนต์คันแรก

    Credit By: www.motortrivia.com
    สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand

  16. #116
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Nov 2009
    User ID
    9563
    Status
    Offline
    โพส
    687

    มาตรฐาน ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas

    ข่าวสารช่วงเช้าวันที่ 26 ตุลาคม 2555



    Update: 2013 Ford Fiesta
    โชว์ตัวรุ่นปรับโฉมตัวถังซีดานที่บราซิล

    2012 Sao Paulo Motor Show กลายเป็นงานเด่นที่รวบรวมของใหม่ทั้งแบบโมเดล และไมเนอร์เชนจ์ ฟอร์ด ก็เปิดตัวรถใหม่กับเขาเหมือนกัน โดยเอารุ่นปรับโฉมของ Fiesta เวอร์ชั่นซีดานมาสัมผัสแสงไฟในงานนี้

    การปรับโฉมหลักๆ เหมือนรุ่น 5 ประตูแฮทช์แบค คือกระจังหน้าใหม่ ฝากระโปรงหน้าทรง powerdome ที่ทำให้มุมมองด้านหน้าดูทรงพลังขึ้น แนวไฟท้ายปรับเปลี่ยนให้ทรงให้กินพื้นที่เข้าไปในฝากระโปรงหลังมากขึ้น ดูเฉี่ยวและลงตัวกว่ารุ่นปัจจุบันมาก ภายในแม้จะยังไม่มีภาพออกมาให้เห็น แต่ก็คงไม่แตกต่างจากรุ่นแฮทช์แบค

    รายละเอียดอื่นๆ ฟอร์ด ยังไม่ปล่อยออกมาในเวลานี้ ทว่าสิ่งที่ต้องมีเพิ่มเติมเข้ามาแน่ๆ คือ ระบบ Active City Stop และเครื่องยนต์ 3 สูบ EcoBoost 1.0 ลิตร โดยในบราซิล ฟอร์ด จะเอาใจแฟนๆ ด้วยการจำหน่าย Fiesta ซีดาน พร้อมเครื่องยนต์ flex fuel ความจุ 1.6 ลิตร



    2013 Ford Fiesta
    เวอร์ชั่นยุโรปทั้ง 3 และ 5 ประตู ปรับโฉม เพิ่มเทคโนโลยี

    ฟอร์ด ปรับโฉมให้ซับคอมแพคท์รุ่นเด่นเจนเนอเรชั่นที่ 6 ของค่าย ทั้งตัวถัง 3 และ 5 ประตู ด้วยกระจังหน้าใหม่ลายขวาง มองดูคล้ายสไตล์ของ Aston Martin ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับที่ใช้ใน Ford Fusion/Modeo รุ่นใหม่ หรือ Ford Focus Electric โดยการเปิดตัวอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นในงาน 2012 Paris Motor Show ปลายเดือนกันยายนนี้ หลังจากนั้นจะตีตราจำหน่ายเป็นรุ่นปี 2013

    นอกจากกระจังหน้าใหม่แล้ว Fiesta 2013 ยังได้รับการปรับเปลี่ยนฝากระโปรงหน้าใหม่ ติดตั้งไฟ LED day time ใหม่ โดยรวมเข้าไปอยู่ในชุดโคมไฟหน้า ส่วนไฟท้ายก็ได้รับการเปลี่ยนลวดลายเพื่อให้ได้ความรู้สึกสดใหม่รอบคันด้วย

    ในส่วนเทคโนโลยีเพิ่มเติม Fiesta 2013 จะติดตั้งแพคเกจระบบ Ford SYNC, ระบบช่วยหยุดรถที่ความเร็วต่ำ Active City Stop และระบบรักษาความปลอดภัย My-Key ที่อนุญาตให้ผู้ปกครองสามารถตั้งค่าจำกัดความเร็วสูงสุดของรถไว้ที่ 128 กม./ชม. จำกัดระดับความดังของวิทยุ และเปิดระบบเสียงเตือนให้คาดเข็มขัดนิรภัยใน 5 นาทีแรกหลังจากสตาร์ท โดยทุกๆ 1 นาที จะหยุดเสียงเพลง หรือวิทยุอัตโนมัติ และมีเสียงเตือน 6 วินาที

    แน่นอนว่าไฮไลท์สำคัญที่หลายคนรอคอยอยู่ที่การติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ EcoBoost 1.0 ลิตร อันทรงประสิทธิภาพ ที่คว้า 2 รางวัลใหญ่ International Engine of the Year 2012 และ Best New Engine มาครองได้ โดยล้มแชมป์อย่าง TwinAir ของ เฟียต ไปแบบไร้ข้อกังขา

    อย่างไรก็ตาม สเปคข้างต้นนี้เป็นของ Fiesta เวอร์ชั่นยุโรปเท่านั้น ส่วนตลาดในภูมิภาคอื่นๆ รวมทั้งประเทศไทย ต้องติดตามกันต่อไปว่าจะมีอะไรแตกต่างออกไปบ้าง

    Credit By: www.motortrivia.com
    สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand

  17. #117
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Jan 2012
    User ID
    28384
    Status
    Offline
    โพส
    103

    มาตรฐาน ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas

    Aeroklas บอกได้คำเดียว "ห่วย"

  18. #118
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Nov 2009
    User ID
    9563
    Status
    Offline
    โพส
    687

    มาตรฐาน ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas

    ข่าวสารช่วงเช้าวันที่ 29 ตุลาคม 2555



    BMW 1-Series M Coupe ปรับแต่งเพิ่ม เติมสไตล์ โดย ATT-TEC!!!

    ATT-TEC จากเยอรมนีโชว์ฝีมือการโมดิฟายด์ BMW 1-Series M Coupe แบบเรียบหรูดูดีมีสไตล์
    ซึ่งน่าจะถูกคอนักเลงรถชาวไทย ภายนอกโดดเด่นสะดุดตาด้วยล้ออัลลอย ADV1 5.0 TF ขนาดใหญ่ถึง 20 นิ้วหุ้มด้วยยางเกรดสูง Michelin Pilot Super Sport ทำงานคู่กับชุดช่วงล่าง KW Dynamic Damping Control ที่โหลดตัวรถให้เตี้ยลงเล็กน้อยให้พอดีกับขอบล้อ โดยสามารถเลือกโหมดขับขี่ได้สามแบบคือ Comfort, Sport และ Sport+

    ในอนาคต ATT-TEC มีแผนการติดตั้งชุดแอโรพาร์ทคาร์บอนไฟเบอร์เพิ่มเติม ทั้งสปอยเลอร์หน้า ดิฟฟิวเซอร์และสปอยเลอร์บนฝากระโปรงหลัง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าหน้าตาเรียบๆเช่นนี้ก็ดูหล่อเหลาไปอีกแบบ

    สำหรับขุมพลังขับเคลื่อน ATT-TEC ปรับเซ็ทกล่อง ECU ใหม่ รีดพละกำลังอยู่ที่ 395 แรงม้า หากลูกค้าต้องการเรี่ยวแรงมากกว่านี้ก็สามารถเลือกติดตั้งอินเตอร์คูลเลอร์ขนาดใหญ่ขึ้นซึ่งจะทำให้แรงม้าเพิ่มขึ้นเป็น 454 ตัว ขณะเดียวกัน ยังสามารถติดท่อไอเสีย Akrapovic และเซ็ทกล่องปลดล็อกท็อปสปีด V-Max ทำให้ความเร็วสูงสุดไหลได้มากกว่า 250 กม./ชม.ได้อีกด้วย

    Credit By: www.autospinn.com
    สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand

  19. #119
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Nov 2009
    User ID
    9563
    Status
    Offline
    โพส
    687

    มาตรฐาน ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas

    ข่าวสารช่วงเช้าวันที่ 30 ตุลาคม 2555



    Ford Ranger Double Cab 3.2 Wildtrak
    ปิกอัพพันธุ์ดุ ราคาทะลุล้าน

    หลังมีโอกาสได้ทดลองขับรุ่น Double Cab 2.2 Hi-rider Wildtrak ไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทีมงาน มอเตอร์ทริเวีย ก็ได้สัมผัสรุ่นสูงสุดของปิกอัพ เรนเจอร์ กับรุ่นย่อย Double Cab 3.2 Wildtrak ขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ราคา 1.099 ล้านบาท คุ้มหรือไม่ที่จะจ่ายเงินเพิ่ม เครื่องยนต์ 5 สูบ 200 แรงม้าจะกินน้ำมันดุหรือไม่ อัตราเร่งเป็นอย่างไร คอลัมน์นี้มีคำตอบครับ



    รูปลักษณ์ยังไงก็ Wildtrak
    ในรุ่นตกแต่งพิเศษ Wildtrak ของเครื่องยนต์ 4 สูบ 2,200 ซีซี และ 5 สูบ 3,200 ซีซี มีความแตกต่างกันเพียงไม่กี่จุด เช่น แถบพลาสติกบริเวณบานพับประตู ที่ระบุรุ่น 3.2, ขยับขนาดล้อแม็กเป็น 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/60 R18 และกล้องมองหลังติดตั้งที่โลโก้ ฟอร์ด บนฝากระบะท้าย มิติตัวถังมีความยาว 5,359 มิลลิเมตร กว้าง 1,850 มิลลิเมตร สูง 1,815 มิลลิเมตร ฐานล้อ 3,220 มิลลิเมตร

    เช่นเดียวกับรูปลักษณ์ภายนอก ห้องโดยสารของรถรุ่นนี้ได้รับการตกแต่งในสไตล์ Wildtrak เหมือนรุ่น 2.2 ความแตกต่างหลักๆ อยู่ที่สวิตช์ควบคุมระบบปรับอากาศของรุ่น 3.2 ที่เป็นแบบดิจิตอล ด้านข้างของคอนโซลกลางเพิ่มสวิตช์เปิด-ปิดระบบช่วยการทรงตัว, ระบบบล็อกเฟืองท้าย Real Locking Differential และระบบช่วยขับลงเนิน ข้างคอนโซลเกียร์มีสวิตช์หมุนเลือกระบบขับเคลื่อน 2H, 4H และ 4L

    เบาะผู้ขับปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง พวงมาลัยเพาเวอร์ปรับสูง-ต่ำได้ แปลกใจตรงก้านบนคอพวงมาลัยที่กลับไปเป็นแบบยุโรป ฝั่งซ้ายควบคุมไฟเลี้ยวและไฟหน้า ฝั่งขวาควบคุมที่ปัดน้ำฝน ชอบใจเป็นพิเศษกับระบบกล้องมองหลังมุมกว้าง ถ่ายทอดภาพมาบนกระจกส่องหลัง มีเส้นกราฟิกกะระยะพร้อมเซ็นเซอร์กะระยะ แถมด้วยภาพกราฟิกบนจอที่คอนโซลกลางอีกด้วย ได้ประโยชน์มากกับรถคันสูงใหญ่ที่มีจุดบอดด้านหลังค่อนข้างมาก



    เครื่องยนต์เร่งทันใจ กินไม่ดุ (มาก)
    รุ่นท๊อปของเครื่องยนต์ 2,200 ซีซี Double Cab 2.2L 4x4 Wildtrak ราคา 999,000 บาท ได้ส่วนลดภาษีรถคันแรก 95,000 บาท เหลือ 904,000 บาท ส่วนรุ่นที่ทดลองขับครั้งนี้ ราคา 1,099,000 บาท แพงกว่า 195,000 บาท แม้จะเป็นจำนวนเงินไม่น้อย แต่ก็นับว่าคุ้มเมื่อเปรียบเทียบกับอุปกรณ์ที่ได้เพิ่มประมาณ 13 รายการ สิ่งที่เป็นตัวแปรลำดับต่อไปในการตัดสินใจซื้อ นอกจากค่าภาษีประจำปีของรุ่น 3.2 ที่แพงกว่าแล้วก็คือ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่หลายคนหวั่นใจกับตัวเลข 5 สูบ 3,200 ซีซี และ 200 แรงม้า

    เริ่มทดสอบอัตราสิ้นเปลืองตั้งแต่รับรถช่วงบ่ายของวันเสาร์ โดยอ้างอิงตัวเลขจากชุดมาตรวัดเป็นหลัก เซต 0 ออกจากจุดรับรถที่สุขุมวิท 22 ขับไปทางพระราม 4 เพื่อขึ้นทางด่วนท่าเรือ มาลงที่ด่านถนนงามวงศ์วานต่อเนื่องถนนรัตนาธิเบศร์ สภาพการจราจรปานกลาง ไม่โล่งมากแต่ก็ไม่ติดหนึบ ระยะทาง 28.7 กิโลเมตร ความเร็วเฉลี่ย 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลือง 11.11 กิโลเมตรต่อลิตร

    วันรุ่งขึ้นขับไปถ่ายรูปต่างจังหวัด ออกจากบ้านขึ้นทางด่วนเพื่อเลี่ยงรถติด การจราจรตลอดเส้นทางค่อนข้างโล่ง ใช้ความเร็วระหว่าง 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีเร่งไปถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นบางครั้ง ระยะทางเพิ่มขึ้นเป็น 168.4 กิโลเมตร ความเร็วเฉลี่ยเพิ่มเป็น 54 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองลดลงเหลือ 10.4 กิโลเมตรต่อลิตร

    ระหว่างถ่ายรูปมีการสตาร์ตเครื่องยนต์เพื่อขยับรถบ่อยครั้ง และคิดว่าต้องนำรถไปทดสอบอัตราสิ้นเปลืองอย่างจริงจังอยู่แล้ว เมื่อถ่ายรูปเสร็จจึงไม่ได้สนใจอัตราสิ้นเปลืองนัก จำได้คร่าวๆ ว่าเห็นตัวเลข 10.4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร หรือ 9.6 กิโลเมตรต่อลิตร ขับออกจากจุดถ่ายรูปช่วงพลบค่ำ ขับตามสภาพการจราจรด้วยความเร็ว 70-90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ย้อนเส้นทางเดิมและขึ้นทางด่วนกลับบ้าน ได้อัตราสิ้นเปลืองที่ทำให้แปลกใจ 7 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร หรือ 14.28 กิโลเมตรต่อลิตร ที่ได้ตัวเลขค่อนข้างดีเพราะใช้ความเร็วไม่สูง และไม่เปลี่ยนความเร็วบ่อยๆ

    ช่วงดึกออกไปทดสอบอัตราสิ้นเปลืองอย่างเป็นทางการ โดยเซต 0 ใหม่ ขับขึ้นทางด่วนและเมื่อทางโล่งก็เร่งความเร็วไปถึง 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากนั้นอู้งานด้วยการใช้ครูสคอนโทรล ข้อดีของเครื่องยนต์ดีเซลคือ ไม่ค่อยอ่อนไหวกับสภาพเส้นทางขึ้นเนิน ลองปล่อยให้รถไต่ขึ้นทางที่ค่อนข้างชันด้วยครูสคอนโทรล เกียร์ก็ไม่เปลี่ยนลงต่ำให้แบบรถเบนซิน จึงช่วยให้ประหยัดเพิ่มขึ้นอีกนิด

    เมื่อได้ขับด้วยความเร็วคงที่ อัตราสิ้นเปลืองลดลงค่อนข้างเร็วในช่วงแรก และเริ่มนิ่งเมื่อผ่าน 8.7 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ก่อนหมดระยะทางที่ใช้ในการทดสอบ ได้อัตราสิ้นเปลือง 8.2 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร หรือประมาณ 12.19 กิโลเมตรต่อลิตร ถ้าเป็นการขับใช้งานทั่วไป ใช้ความเร็วตามกฎหมายและไม่บรรทุกหนักมาก เฉลี่ยนอกเมืองคาดหวังได้ 10-11 กิโลเมตรต่อลิตร



    ความเร็วบนมาตรวัด 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บนเครื่องวัดอัตราเร่งแสดง 97 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และความเร็วสูงสุดบนมาตรวัดประมาณ 181-182 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่รอบเครื่องยนต์ 3,100-3,200 รอบต่อนาที ไม่แน่ใจว่าถูกจำกัดความเร็วไว้เพื่อความปลอดภัยหรือไม่ เพราะดูจากกำลังของเครื่องยนต์แล้วน่าจะไปต่อได้อีกพอสมควร

    สังเกตว่าอัตราเร่งของรุ่น 3.2 จะค่อนข้างต่อเนื่องแม้ในความเร็วปลายๆ เปรียบเทียบกับรุ่น 2.2 ที่เมื่อถึงความเร็วสูงๆ ต้องใช้ทั้งเวลาและระยะทางมากในการไต่ความเร็ว



    เกียร์โหมด D และ Ds เมื่อเหยียบคันเร่งสุดจะเปลี่ยนขึ้นเกียร์สูงที่ประมาณ 3,700-3,800 รอบต่อนาที ต่างกันที่ถ้าเหยียบคันเร่งไม่สุด หรือเหยียบแล้วยก เกียร์ Ds จะยังไม่เปลี่ยนขึ้นเกียร์สูงให้ เมื่อดึงคันเกียร์มาทางขวาเพื่อใช้โหมด +/- จะไม่สามารถคิ๊กดาวน์ได้ เมื่อเปลี่ยนเกียร์ขึ้นสูงแล้วลดความเร็วลงมากๆ เกียร์จะเปลี่ยนลงให้เอง และถ้าความเร็วยังไม่เหมาะสม ก็จะไม่สามารถเปลี่ยนขึ้นเกียร์สูงได้ โดยระบบจะเตือนด้วยตัวเลขบอกตำแหน่งเกียร์กระพริบ

    ลากรอบได้สูงสุดประมาณ 4,700 - 4,800 รอบต่อนาที ระบบจะไม่ตัดรอบจึงไม่มีอาการสะดุด แต่รอบจะคาอยู่ตรงนั้น ซึ่งในการใช้งานทั่วไปไม่มีความจำเป็นต้องลากรอบสูงขนาดนั้น แค่เปลี่ยนเกียร์ที่ประมาณ 2,500 รอบต่อนาที ก็ให้อัตราเร่งที่ทันใจมากแล้ว เครื่องยนต์ทำงานนุ่มนวล แทบไม่รู้สึกถึงการสั่นสะเทือนบริเวณพวงมาลัย, หัวเกียร์, พื้นรถ และเบาะนั่ง เสียงเครื่องยนต์ค่อนข้างเงียบเมื่อเข้ามานั่งในห้องโดยสาร

    ช่วงล่างไม่แตกต่าง
    ยังคงเป็นจุดเด่นของรถรุ่นนี้ กับช่วงล่างที่ให้ความนุ่มนวล ไม่ดีดหรือกระแทกมากนัก ให้สัมผัสที่ละเอียดเกินประเภทรถ การขับใช้งานทั่วไปจึงให้ความสบายพอตัว ขับยาวๆ ได้โดยไม่เหนื่อย และยังคงความหนักแน่นตามสไตล์รถ สามารถลุยได้อย่างมั่นคงและมั่นใจ มาพร้อมออฟชั่นเสริมอย่างระบบล็อกเฟืองท้าย ที่น่าจะถูกใจชาวออฟโรดพันธุ์แท้

    ฟอร์ด เรนเจอร์ Double Cab 3.2 Wildtrak แต่งสวยดุจากโรงงาน เครื่องยนต์แรงเหลือเฟือ แต่กินไม่ดุอย่างที่คิด ช่วงล่างนุ่มหนึบหนักแน่น ออฟชั่นครบครันสมราคาเกินล้านบาท ถ้าเพิ่มความเชื่อมั่นด้านบริการหลังการขายได้อีกอย่าง น่าจะช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น


    Credit By: www.motortrivia.com
    สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand

  20. #120
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Nov 2009
    User ID
    9563
    Status
    Offline
    โพส
    687

    มาตรฐาน ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas

    ข่าวสารช่วงเช้าวันที่ 31 ตุลาคม 2555



    Volvo เตรียมใช้เทคโนโลยีไร้คนขับในรถรุ่นปี 2014 เป็นต้นไป!!!

    เทคโนโลยียานยนต์ขับขี่อัตโนมัติไม่ใช่เรื่องไกลตัวหรือจำกัดเฉพาะในภาพยนตร์ฮอลล
    ีวูดล้ำอนาคตอีกต่อไปแล้ว เมื่อ Volvo ประกาศแผนการติดตั้งเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติแบบไร้คนขับในรถยนต์รุ่นใหม่ เริ่มตั้งแต่รุ่นปี 2014 เป็นต้นไป

    เทคโนโลยีดังกล่าวมีชื่อว่า Traffic Jam Assistance ถูกพัฒนามาเพื่อใช้งานในช่วงการขับขี่ความเร็วต่ำ โดยผู้ขับไม่ต้องควบคุมตัวรถใดๆทั้งสิ้น แค่นั่งจิบกาแฟและอ่านหนังสือพิมพ์ ปล่อยให้ระบบควบคุมทั้งพวงมาลัย คันเร่งและเบรกอย่างอัตโนมัติที่ความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม. หากผู้ขับขี่ต้องการควบคุมรถด้วยตนเองก็เพียงแค่กดคันเร่งหรือเบรกเท่านั้น

    “เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้การขับขี่ในชีวิตประจำวันมีความผ่อนคลายมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องฝ่าการจราจรอันติดขัดในเมืองใหญ่ ช่วยให้เกิดความปลอดภัยและสะดวกสบายในการขับขี่ความเร็วต่ำ” Peter Mertens รองประธานอาวุโสฝ่ายวิจัยและพัฒนาของ Volvo กล่าว

    Volvo ระบุด้วยว่า เทคโนโลยี Traffic Jam Assistance เป็นการปฏิวัติและผสมผสานระบบการใช้เรดาร์ เทคโนโลยีกล้องตรวจจับ ระบบ Adaptive Cruise Control และ Lane Keeping Aid เข้าไว้ด้วยกัน แม้ยักษ์ใหญ่จากสวีเดนจะไม่เปิดเผยว่าจะริเริ่มใช้เทคโนโลยีนี้ในประเทศใด แต่มีความเป็นไปได้สูงว่าลูกค้าชาวอเมริกันจะได้ใช้เป็นกลุ่มแรก


    Credit By: www.autospinn.com
    สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand

หน้า 6 จากทั้งหมด 13 หน้า หน้าแรกหน้าแรก 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 หน้าสุดท้ายหน้าสุดท้าย

ข้อมูลกระทู้

Users Browsing this Thread

ในขณะนี้มี 1 ท่านดูกระทู้อยู่. (0 สมาชิกและ 1 ผู้เยี่ยมชม)

กระทู้ที่คล้ายกัน

  1. ร่วมสนุกตอบคำถามบอลโลก 2010 กับ Aeroklas คำถามที่ 5
    โพสโดย Aeroklas ในฟอรั่ม ท่องเที่ยว / กิจกรรม
    ตอบกลับ: 16
    โพสล่าสุด: 16-08-2010, 15:37
  2. เสวนาภาษาฟุตบอลโลก ร่วมสนุกตอบคำถามกับ Aeroklas
    โพสโดย Aeroklas ในฟอรั่ม ท่องเที่ยว / กิจกรรม
    ตอบกลับ: 130
    โพสล่าสุด: 16-08-2010, 15:32
  3. ตอบกลับ: 8
    โพสล่าสุด: 02-08-2010, 09:29
  4. ร่วมสนุกตอบคำถามบอลโลก 2010 กับ Aeroklas คำถามที่ 3
    โพสโดย Aeroklas ในฟอรั่ม ท่องเที่ยว / กิจกรรม
    ตอบกลับ: 30
    โพสล่าสุด: 17-07-2010, 09:54
  5. ร่วมสนุกตอบคำถามบอลโลก 2010 กับ Aeroklas คำถามที่ 4
    โพสโดย Aeroklas ในฟอรั่ม ท่องเที่ยว / กิจกรรม
    ตอบกลับ: 44
    โพสล่าสุด: 09-07-2010, 08:59

Bookmarks

กฎการโพสข้อความ

  • ท่าน ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
  • ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
  • ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขข้อความโพสได้
  •  
  • BB code สถานะ เปิด
  • Smilies สถานะ เปิด
  • [IMG] สถานะ เปิด
  • [VIDEO] code is เปิด
  • HTML สถานะ ปิด