น้้าโอ๊ตไม่เห็นมาเลย รึว่าผมจำไม่ได้
ท่านประธานครับ รหัส 109 จองนะครับ รับรถเดือนหน้า สีดำ 4d ครับ น้าหนุ่ม
ใช่ครับน้าเกรียงผมยังไม่เคยไปมิตติ้งเลยครับกำลังหาโอกาสหนีแม่บ้านก่อน อิอิ
สายแดงๆ3-4สายข้างแบตมันคืออะไรครับของผมม่ายมี
อยากทราบประโยชน์ของกราวไวน์ครับจะได้หามาติดบ้างเหมือนไวน์ขาวไวน์แดงมั้ยครับ
เรื่องมันยาวนะครับน้า อาจจะอ่านนานหน่อย
น้าพอจะรู้หลักการของการเกิดและถ่ายเทประจุไฟฟ้าไหมครับ คล้ายๆกันครับ
ประจุไฟฟ้าเกิดจาก วัตถุที่เสียดสีกันมากๆจะทำให้เกิดการเหนี่ยวนำและเกิดประจุไฟฟ้าขึ้น แล้วประจุไฟฯจะกระโดดจากวัตถุหนึ่งไปหาอีกวัตถุหนึ่ง เพื่อลงดินหรือ กราวด์ให้ได้
(ส่วนว่าทำไม เมื่อวัตถุเสียดสีกันมากๆแล้วเกิดประจุไฟฯนั้นผมขอข้ามไปละกันครับ เพราะหลักการมันมีรายละเอียดอีกเยอะทีเดียว เกี่ยวกับ โปรตรอน อิเล็คตรอน)
เข้าเรื่องต่อ เปรียบลูกสูบ กับเสื้อสูบรถเราเป็นวัตถุนั้นๆครับ ลูกสูบ เสียดสีกับเสื้อสูบ ในทางหลัการและทฤษฎีแล้ว ต้องเกิดประจุไฟฟ้าขึ้น อย่างแน่นอน 100 %
(สังเกตุได้จาก สายดินระหว่างเสื้อสูบกับแชสซีที่มาจากโรงงานมีทุกคัน ทุกรุ่น) และผลของการเสียดสีที่ทำให้เกิดประจุไฟฟ้าสะสมแล้วนั้น ยังทำให้เกิดการเหนี่ยวนำ
กันเองระหว่างวัตถุนั้นๆ ทำให้เกิดแรงดึงและแรงผลักสลับกันไป(เหมือนสนามแม่เหล็กนั่นเอง)นั่นก็คือ เกิดแรงดึงและแรงผลักกันระหว่างชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวนั่นเอง
เป็นเหตุให้เกิดแรงเฉื่อย ที่มาฉุดแรงของเครื่องยนต์ (หากไม่เชื่อ ลองถอดสายกราวด์ของเครื่องยนต์ดูสิครับ เครื่องเบนซินจะเห็นชัดมาก เพราะแรงเหวี่ยง หรือ ทอร์คน้อยกว่า
เครื่องดีเซลเยอะ แรงเหวี่ยงที่จะมาชนะแรงเหนี่ยวนำน้อยกว่าดีเซล ผลคือ เครื่องจะสั่นมากกว่าปกติพอสมควร แต่ใช้งานได้)
จะทำให้ประจุที่มาเหนี่ยวนำอุปกรณ์ตามที่กล่าวมา หายไปได้ก็คือ ต่อสายดิน ให้ประจุบวกเหล่านี้ วิ่งลงดินที่โครงรถไปซะนั่นเอง
แล้วถามว่า ที่โรงงานติดตั้งมาให้ก็น่าจะเพียงพออยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ตอบว่าเพียงพอครับ แต่ทางโรงงานผลิต เขาก็จะมีเรื่อง คอสท์ค่าใช้จ่ายมาเป็นตัวตั้งอีก
ทำให้สายกราวด์ที่ติดตั้งมาจากโรงงาน ก็จะมีขนาดที่พอใช้งานได้ดีในระดับนึง ที่จะไม่มีผลต่อการใช้งานประจำวันครับ จึงเป็นสายจิ๋วๆอย่างที่เราเห็นๆกัน
ซึ่งมันก็มีผลจริงครับ เมื่อขยายเส้นทางเดินให้มันเข้า มันก็จะวิ่งสะดวกขึ้น การเหนี่ยวนำลดลง เครื่องยนต์เดินเบาจะนิ่งขึ้น ลองสังเกตุดู เปิดปิดแอร์ คอมแอร์ทำงาน
เครื่องจะเดินเบาโดยที่รถไม่สั่นกระพือได้ในรอบที่น้อยลงครับ ส่วนอัตราเร่งมีผลนิดหน่อย แต่จะน้อยมากครับ เพราะเมื่องเครื่องยนต์หมุนในรอบที่สูงขึ้น แรงบิดก็จะชนะ
แรงเหนี่ยวนำที่เกิดขึ้นอยู่แล้วครับ ดังนั้นตีนปลายจะแทบไม่เห็นผลอะไร
พอจะเคลียร์ไหมครับ บทความนี้ผมอ่านและทำความเข้าใจมาจากสมัยเรียน ปวส.ครับ อ.มีชัย ที่เป็นหัวหน้าช่างศูนย์มิตซูหน้าโลตัส สอนมานานมากๆๆๆๆๆแล้ว
ทางญี่ปุ่นเขารู้และศึกษาเรื่องนี้มานานมากๆแล้วด้วย แต่พึ่งจะนำมาแอพพลายใช้ให้สวยงามมาเมื่อไม่กี่สิบปีมานี้ครับ
เพราะประเทศเขาเป็นเมืองหนาว ความชื้นน้อย ทำให้ประจุไฟฯเดินทางลงดินยาก จึงมีประจุไฟฯสะสมอยู่เยอะ
ประเทศเราอากาศชื้น ประจุไฟฯสามารถเดินทางผ่านความชื้นลงกราวด์ได้ เคยสังเกตุเวลาเดินโลตัส บิ๊กซีหน้าหนาวไหมครับ
เวลาเดินๆอยู่แล้ว เดินเบียดๆแฟนจะเจ็บจี๊ดๆบริเวณผิวหนังที่เบียดกันน่ะครับ นั่นแหละ ประจุมันถ่ายเทถึงกันครับ อากาศหนาวความชื้นน้อย
มันเลยเดินทางจากตัวเราลงกราวด์ได้ไม่สะดวก แล้วคนแต่ละคนขนาดตัวไม่เหมือนกัน พื้นที่ในการเดินแล้วเสียดสีกับอากาศไม่เท่ากัน
เลยเกิดประจุฯสะสมไม่เท่ากันอีก พอเดินมาใกล้กัน ประจุที่สะสมอยู่ในคนที่ตัวใหญ่กว่าจะมากกว่าก็จะกระโดดใส่คนที่น้อยกว่า(ค่าความต่างศักย์)
ทำให้เจ็บจี๊ดๆนั่นเองครับ
จบข่าว เมื่อยเลยแฮะ
ขอบคุณมากมากครับ
กาว 3 k ได้มั้ยอ้ะ
ขอร่วมแจมเป็นสมาชิกยองขับตั้นด้วยครับ
พึ่งเสร็จครับ คันนี้ 4 เดือน ยังไม่ได้ติดคาดหน้า เดียวจัดแน่ๆครบสูตร
แก้ไขครั้งล่าสุดโดย tumauyai4x4tritonclup.com : 03-07-2012 เมื่อ 21:47
ในขณะนี้มี 1 ท่านดูกระทู้อยู่. (0 สมาชิกและ 1 ผู้เยี่ยมชม)
Bookmarks