กลลับมาแล้วคับ เอาเลย วิ่งยาวๆ100-120 น้ำมันได้ 15.6 กม/ลิตร แก๊ส 20.7กม/ลิตร
ขาไป น้ำมันครึ่งถัง 500 กม. เอาแบบคร่าวๆก่อน ส่วนขากลับ วิ่งทำเวลา 100-140 และ170 กม. ในบางเวลา น้ำมัน12.5กม/ลิตร ส่วนแก๊ส 17กม/ลิตร
มารายงานหลังจากหายไปนานเลยครับ กลับการปิดระบบกล่องคันเร่งไฟฟ้า วิ่งแบบเดิมๆ ครับระยะทางน้ำมัน 310 กม.
- น้ำมันบี5 ราคา 28.84บาท/ลิตร เติมไป 18.0.3 ลิตร ราคา 520 บาท ตก 17.19 กม/ลิตร 1.67 บาท/กม.
ระยะทางแก๊ส 307.2 กม.
- แก๊ส ราคา 11.60 บาท/ลิตร เติมไป 16.21 ลิตร ราคา 188 บาท ตก 18.95 กม/ลิตร 0.61 บาท/กม.
สรุป น้ำมัน+แก๊ส 1.67+0.61 = 2.28 บาท/กม.
พอปิดกล่องคันเร่งแล้ว กินแก๊สมากกว่า เปิดเบอร์ 1 ครับ กับระยะขีดน้ำมันเกือบถึงขีดแรกนิดเดียว อัตราเร่งสู้เปิดกล่องคันเร่งไม่ได้ครับ ระยะทางยังได้ 300 อัพอยู่ครับ กับการวิ่งแบบปกติทั่วไปครับ
พอเติมน้ำมันจนเต็มก็ทำการเปิดกล่องคันเร่งไฟฟ้า เป็นเบอร์ 2 เพื่อหาค่ากันต่อไปครับ และเติมแก๊สเต็มตัด ณ ร้านเดิม
เติมเสร็จได้ทำการทดสอบอัตราการเร่ง เห็นได้ว่าต้นมาแบบรวดเร็วมากๆครับ วิ่งสนุกเหมือนกับที่อ.ต้น เคยบอกไว้ครับ ณ ตอนนี้วิ่งไปได้ สองร้อยกว่าโลแล้วครับ อัตราการกินน้ำมันกว่าจะตกขีดบนสุดประมาณ 160 กม. เห็นจะได้ครับ และเข็มแก๊ส ณ ตอนนี้ยังอยู่ที่ ขีดที่ 2 กินแก๊สน้อยลงครับ แต่อาจกินน้ำมันมากขึ้นครับ แต่รอให้ถึงขีดแรกก่อนครับ แล้วเติมหาผลที่แน่นอนแล้วจะมารายงานครับ....
ไม่ได้เอากล้องไปครับเลยไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดูครับบบบ
แก้ไขครั้งล่าสุดโดย happymet : 10-12-2010 เมื่อ 14:19
มาดูความลงตัวของ ปาเจโร่สปอร์ท กันบ้างครับ ความงามก็ไม่ยิ่งหย่อนไปจากไทรตั้นเลยแม้แต่น้อย ถัง 31 ลิตรมัลติ ติดตั้งแทนยางอะไหล่ และจุดเติมแก๊สมิดชิดแต่เติมง่าย หม้อต้มเป็นของโทมัส ทางด้านห้องเครื่องยนต์เน้นสวยงามแบบมองไม่รู้ว่าติดแก๊สเช่นเคยครับ
เอา Ford มาให้ดูด้วย 2.5 A/T 5 Speed ของเขาแรงจริงครับ การเปลี่ยนเกียร์ก็นุ่มนวลและไวดีครับ คันนี้ก็ติดแก๊สพร้อมตัวเพิ่มอ็อกซิเจน ด้วยครับ จุดเข้าแก๊สกลึงงานมาอย่างดี ตำแหน่งหม้อต้มอยู่อย่างลงตัวแบบมองไม่เห็นครับ
ส่วนถัง 36 ลิตรมัลติวางบนกระบะ รอดูผลความประหยัดครับ ส่วนข้อมูลเดิม แม็กซ์น่าจะประมาณ 20 นิ้ว ยางหน้ากว้าง 9 นิ้วกว่าๆ การสิ้นเปลืองเดิมอยู่ที่ 8-10 กม./ลิตรครับ ส่วนความเร็วเทียบ GPS ที่ 100 ไมล์รถโชว์ที่ 95 มันแก่งักเชียว ดังนั้นถ้ามีมาที่ 15 โล/ลิตรที่ความเร็ว 110-120 ก็คุ้มแล้วครับ เอามาโชว์ไว้เป็นข้อมูลเช่นเคยครับ
สมาชิกเพิ่มมากขึ้นสงสัยคงต้องมีสติกเกอร์ ประจำรถซะแล้วครับ อ.ต้น รออยู่ครับบ พร้อมกล่อง Mcu ตัวแรงและประหยัดครับ
อ.ต้นคับ หม้อต้มเป็นของโทมัส กับของ ชาร์ฟ ต่างกันยังไงคับ งง+สงสัย
แก้ไขครั้งล่าสุดโดย kob1 : 13-12-2010 เมื่อ 14:50
ผมก็สงสัยด้วยคน ข้อดี ข้อเสีย แต่ราคาของใต้หวันน่าจะถูกกว่านะดูจากชื่อช่วยชี้แจ้งด้วยครับ
สมัยก่อนอ.ต้นใช้หม้อต้ม โทมัส อยู่แต่มีปัญหาบางอย่างจึงไปให้หม้อต้มชาร์ป แทนครับ ต้องรออ.ต้นมาชี้แจงครับบบบ ของผมก็ชาร์ป ครับ
โดยปกติผมใช้หม้อ Shap ครับ ตั้งแต่ดั้งเดิมแล้ว ไม่เคยมีปัญหา แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งอยากอัพให้ดีขึ้นเกรดเป็นอิตาลี เพราะก็คิดเหมือนกับคนอื่นเขาว่ามันน่าจะดีกว่า ส่วนราคานั้นไม่ได้แตกต่างกันเลย ห่างกันแค่ 100 กว่าบาท เลยจัดการมาติดตั้งไป 5 คัน ในนี้รวมรถน้ากาโม่ด้วยครับ และอีก 3 คันมีปัญหาต้องเปลี่ยนหม้อมาเป็น Shap เหมือนเดิมปัญหาที่เกิดจึงหมดไป อย่างอาการของน้ากาโม่ใช้โทมัสความเร็วปลายได้ 140 ลากไม่ขึ้น พอเปลี่ยนมาเป็น Shap ลองกดดูความเร็วปลายเกิน 170 ไหลได้อีก
ส่วนปัจจุบันหม้อ Shap รุ่นที่เคยสั่งมันหมด แล้วก็ไม่อยากรอเพราะงานมีมาอยู่ตลอด จึงสั่งหม้อโทมัสมา 1 ลูกจัดการถอดรื้อดูว่าปัญหามันเกิดจากอะไรกันแน่ และแล้วก็จัดการโมดิฟายอุปกรณ์บางตัวให้ได้ตามสเปกที่เราต้องการ แล้วก็ติดตั้งใช้งานจริง ผลก็ OK ครับ
หม้อโทมัสมันเหมาะกับเบนซินเพราะมันจ่ายแก๊สได้มากพอ และละเอียดกว่า สังเกตุดูเวลาเดินเบาจูนดีๆจะไม่มีกลิ่นแก๊สออกท่อไอเสีย ส่วนดีเซลใช้ร่วมไม่ต้องการแก๊สมาก ดังนั้นไม่ใช่ว่ามาจากอิตาลีจะดีกว่าเสมอไปครับ
หม้อ Shap มันจ่ายแก๊สได้หยาบสำหรับเครื่องเบนซิน เดินเบาไม่ค่อยเรียบ มักจะมีกลิ่นแก๊สออกท่อไอเสีย แต่มันเข้าทางดีเซลใช้ร่วม เพราะจะต้องไม่จ่ายแก๊สฮวบฮาบในขณะที่เทอร์โบบู๊ท ไม่งั้นเชื้อเพลิงท่วมวิ่งไม่ออกเปลืองทั้งแก๊สและน้ำมัน ผมว่ามันเหมาะสมดีครับสำหรับประสบการณ์ของผมกับหม้อต้มทั้งสองรุ่นนี้ครับ
รายระเอียดยังพอมีอีกเอาไว้ใครข้องใจโทรมาคุยครับ จะได้หายข้องใจ (จริงๆนะ ไม่ใช่นักเลงเด้อ)
ข่าวดี....วันนี้ได้ประกอบอุปกรณ์และเดินระบบไฟใหม่ เพื่อที่จะติดตั้งกล่อง Mcu ตัวต้นแบบไว้ในไทรตั้นคันเก่งของผม กว่าจะรื้อของเก่าออกแล้วทำใหม่ใช้เวลาร่วมครึ่งวัน เพราะระบบมากมายเหลือเกินครับ (รถต้นแบบ)
เสร็จเอาช่วงเย็นกะว่าจะออกไปเทสซะหน่อย ใจมันร้อน พอติดเครื่องโอ้มายก๊อต อารายวะยังไม่เหยียบคันเร่งเลยแก๊สดันทำงานแระ จากที่กำลังจะหายเหนื่อยเลยเหนื่อยหนักกว่าเดิมอีก งานเข้า
ตอนนี้รอน้องที่ทำโปรแกรมให้เอาอุปกรณ์เครื่องมือวัด และทำการโปรแกรมเข้าไปใหม่ คาดว่าถ้าแก้ตรงนี้ได้สำเร็จพรุ่งนี้ผมก็จะเริ่มทำการทดสอบและเก็บข้อมูล คาดว่าไม่นานเกินรอครับ ถ้าสมบูรณ์แล้วขึ้นไลน์การผลิตไม่น่าจะนาน
อาจได้เป็นของขวัญปีใหม่ก็ได้ครับ
ส่วนรายละเอียดการทำงานจะมาแจ้งอีกที
รอดูของใหม่ครับ อนาคตอาจจะได้ใช้บริการ
รอหยอดกระปุก
มารายงานผล จากการใช้งานจริง
วิ่งในเมือง 0-90 กม. น้ำมัน 12.5กม./ลิตร แก๊ส 17.5ก./ลิตร
วิ่งทางยาวระยะ 100-120 กม. น้ำมัน 15.5กม./ลิตร แก๊ส 20.5 กม/ลิตร
วิ่งแบบเร็วระยะ 120-150 กม. น้ำมัน 12.5 กม./ลิตร แก๊ส 17.8 กม/ลิตร
แบบนี้ ต้องปรับอะไรเพิ่ม อีกคับ อ.ต้น (แรงบิดยังแรงอยู่) รูปรถ
มารายงานความประหยัดกันครับ หลังหายไปสักระยะ จึงมีโอกาสได้วิ่งกันยาวๆ จึงได้นำมาให้ชมกันครับ ซึ่งน้ำมันเต็มถัง และแก๊สด้วย และได้ปรับตัวกล่องคันเร่งไฟฟ้า โดยใช้เบอร์ 2 ในการทดสอบครั้งนี้ครับ โดยการขับขี่เป็นแบบปกติทั่วไปครับ ล้อขอบ 16 ยางเดิมติดรถครับ
พอเปลี่ยนกล่องคันเร่งเป็นเบอร์ 2 แล้วทำให้การขับขี่มาไวขึ้นแบบหลังติดเบาะได้โดยที่กดคันเร่งนิดเดียวครับ พอใจมากครับเหมือนกับครั้งที่ยังไม่ได้ติดแก๊สแล้วใช้กล่องคันเร่งเบอร์ 4 โดยที่ขับไปได้เข็มน้ำมันมาที่ขีดแรกกับระยะทางที่ได้ครับ 340.9 กม. น้อยกว่าเบอร์ 1 แต่ดูกันยาวๆครับ
หลังจากขับทำธุระ และขับเที่ยวไปเรื่อยๆ ในบริเวณรอบกทม และจังหวัดใกล้เคียง สมุทรสาคร สมุทรสงคราม นครปฐม อ้อมเชียวครับ ระยะ 665.1 กม. น้ำมันครึ่งถัง รู้สึกดีครับ เมื่อเทียบกับก่อนติดแก๊สที่วิ่งได้สุดๆ ก็ 500 กม. ครับขับแบบเขียมๆนิ่งๆสุดไม่เกิน 100 กม/ชม ความเร็วรอบไม่เกิน 2000-2200 รอบน่ะครับ แต่ตอนนี้วิ่งแบบตามใจตัวเองมากๆแล้วครับกับกล่องคันเร่งเบอร์ 2 สนุกสนานมากครับ
หลังจากหาอะไรลองท้องแถวองค์พระปฐมเจดีย์แล้ว และถึงเวลากลับปากช่อง จึงได้ขับกลับทางเส้นถนนปิ่นเกล้า นครชัยศรี เพื่อมาเติมน้ำมันกับแก๊ส แถวบางบัวทอง กับระยะที่วิ่งมาได้ 707.2 กม.
น้ำมันบี5 ราคา 29.39 บาท/ลิตร
ระยะทาง 707.2 กม. น้ำมันเติมเต็ม 37.43 ลิตร เป็นเงิน 1100 บาท ตก 18.89 กม/ลิตร ที่ 1.55 บาท/กม
แก๊ส ราคา 10.99 บาท/ลิตร
ระยะทาง 710.9 กม. แก๊สเติมเต็ม 27.30 ลิตร เป็นเงิน 300 บาท ตก 26.04 กม/ลิตร ที่ 0.42 บาท/กม
รวมน้ำมัน + แก๊ส = 1.97 บาท/กม. กับกล่องคันเร่งไฟฟ้า เบอร์ 2 ดีมากๆครับดีกว่าเบอร์ 1 ซะอีกครับถ้าวิ่งยาวๆไปเรื่อยๆ น่ะครับ กินแก๊สก็น้อยกว่าจนรู้สึกได้ครับบ
เบอร์ 2 เข็มแก๊สตกขีดแรกประมาณ 200 กม.เห็นจะได้
เบอร์ 1 ประมาณ 160
ปิดกล่องประมาณ 140 กม.
ส่วนน้ำมันกับระยะขีดน้ำมันแรก
เบอร์ 2 ประมาณ 340.9 กม.
เบอร์ 1 ประมาณ 374.4 กม.
ปิดกล่อง ประมาณ 310 กม.
แต่พอวิ่งยาวๆ เบอร์ 2 กลับประหยัดทั้งแก๊ส และน้ำมันมากกว่าครับ และอัตราเร่งดีกว่าด้วยครับ
ซึ่งตอนเติมเต็มครั้งนี้กลับไปใช้กล่องคันเร่งเบอร์ 1 ซึ่งอัตราการกินต่างๆ ก็เป็นไปเหมือนที่เก็บข้อมูลเอาไว้ครับ คือกินแก๊สมากกว่าเบอร์ 2 แต่ประหยัดน้ำมันมากกว่าเบอร์ 2 ครับ ส่วนปิดกล่องนี้คงไม่แล้วครับเพราะมันอึดมากกว่ากินมากกว่าครับบบ
ความลงตัวของผม ณ ตอนนี้คงใช้กล่องคันเร่งเบอร์ 2 ครับบ โอกาสหน้าคงจะไปใช้กล่องคันเร่งเบอร์ 3 ครับน่าจะแรงกว่านี้คับ และจะได้หาค่าความประหยัดอีกทีครับบ
ขอบคุณที่ติดตามครับบ
ในขณะนี้มี 1 ท่านดูกระทู้อยู่. (0 สมาชิกและ 1 ผู้เยี่ยมชม)
Bookmarks