เป็นสถานที่หมายตามานานแล้วว่า จะหาโอกาสไปสักครั้ง อยู่ใกล้ๆกรุงเทพแค่นี้เอง ไปเช้ากลับบ่ายๆได้สบายๆเลย ออกจากบ้านสักก่อน 7 โมง ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 1 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว
ประวัติความเป็นมา
พระราชวังบางปะอินมีประวัติความเป็นมาตามพระราชพงศาวดาร ครั้งกรุงศรีอยุธยาว่า พระเจ้าปราสาททองหรือพระศรีสรรเพ็ชญ์ที่ 5 (พ.ศ.2172 - 2199) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างพระราชวังแห่งนี้ขึ้นบนเกาะบางเลน ในลำแม่น้ำเจ้าพระยาตามพระราชพงศาวดารกล่าวว่า พระเจ้าปราสาททองเป็นพระราชโอรส ของสมเด็จพระเอกาทศรถ ประสูติแต่หญิงสาวชาวบ้าน ซึ่งพระองค์ทรงพบเมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินโดยเรือพระที่นั่ง แล้วเกิดล่มลงตรงเกาะบางปะอิน เมื่อพระเจ้าปราสาททอง ขึ้นครองราชย์ในปี พ.ศ. 2173 แล้ว ต่อมาในปีพ.ศ.2175 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างวัดขึ้นวัดหนึ่ง บนเกาะบางปะอิน ตรงบริเวณเคหสถานเดิมของพระมารดาพระราชทานชื่อว่า “วัดชุมพลนิกายาราม”และให้ขุดสระน้ำสร้างพระราชนิเวศน์สถานขึ้นกลางเกาะเป็น ที่สำหรับ เสด็จประพาสแล้วสร้างพระที่นั่งองค์หนึ่งขึ้นริมสระน้ำนั้น พระราชทานนามว่า “พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพย์อาสน์” พระราชวังแห่งนี้คงเป็นที่ประพาสสำราญพระราชหฤทัย ของพระเจ้าแผ่นดินในสมัยกรุงศรีอยุธยามาตลอด และคงรกร้างทรุดโทรมไปแต่ครั้งเสียกรุงศรีอยุธยา
พระราชวังบางปะอิน ได้รับการบูรณะฟื้นฟูขึ้นอีกครั้งในสมัยรัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างพระที่นั่งองค์หนึ่ง สำหรับเป็นที่ประทับมีเรือนแถวสำหรับฝ่ายในและมีพลับพลา เป็นต้น
ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระองค์ทรงโปรดที่จะเสด็จประพาสพระราชวังบางปะอินอยู่เสมอด้วยทรงปรารภว่า เป็นเกาะอยู่กลางน้ำเงียบสงบร่มรื่น และเคยเป็นที่ประทับประพาสของ สมเด็จพระบรมชนกนารถมาก่อนจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างพระที่นั่งและ สิ่งก่อสร้างต่างๆ ขึ้นดังที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ซึ่งยังคงใช้เป็นที่ประทับ ที่ต้อนรับพระราชอาคันตุกะ และพระราชทานเลี้ยงรับรองในโอกาสต่างๆ เป็นครั้งคราว
เสียค่าผ่านประตู 30 บาท ราคาคนไทย
Bookmarks