กลับมาแล้วจากเขาใหญ่ ไม่ได้ตามรอยใคร ไม่ได้ติดน้ำป่า.. เส้นทาง 9 กม.กับการแบกเป้เดินเท้า.. สุขมากๆค่ะ
กลับมาแล้วจากเขาใหญ่ ไม่ได้ตามรอยใคร ไม่ได้ติดน้ำป่า.. เส้นทาง 9 กม.กับการแบกเป้เดินเท้า.. สุขมากๆค่ะ
ก่อนเดินเท้าต้องเติมพลังด้วยอาหารที่ตลาดนครนายก แนะนำร้านนี้คะ อร่อย สะอาด ถูกอนามัย ด้วย ลืมชื่อร้าน...ใครอยู่นครนายกมาด่วน...
ถึงอช. ก็ช่วยจนท. ปลูกต้นไม้ค่ะ พอได้ร่มเงา ได้เวลาเกือบเที่ยงกว่าจะได้เดินเท้าขึ้นไปยังน้ำตกเหวอีอ่ำ บนเส้นทางออฟโรด ปลูกป่า
เมื่อถึงทางเรียบ สัมภาระถูกจัดเตรียม ช่วยกันแบกช่วยกันถือ แต่เจ้านางแบกยาทาเล็บกับเชือกฟางกองกลาง
ตัดป่าไม่นานก็เริ่มข้ามลำน้ำคลองน้ำใส ที่ไหลลงไปยังซอกหลืบเขา ปลิงควายตัวดำเทา ปรี่เข้ามา เล่นเอาเจ้าวิ่งลงน้ำไปถึงห้องเครื่องเป็นไหนๆ เวรกำ
จากลำน้ำเริ่มลัดตามป่าไผ่ ป่าที่ดูเปลี่ยนไปเหมือนไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าไรจากที่สัมผัสมา
จากป่าดิบก็ออกมาตัดลัดทุ่งหญ้าไม้ดิน...ร่มเท่านั้นช่วยได้ไม่ร้อน บ่ายสองแล้ว 2 ชม.ที่เดินตัดป่าไป ออกมาได้ก็เริ่มหาอาหารทานกันค่ะ ตรงนี้
อิ่มแล้วก็เริ่มเดินเท้าต่อไปยังตาดเบื้องหน้าที่ยังมองไม่เห็น แม้แต่เสียงน้ำก็ยังไม่ได้ยินสักเอะ ทางเรียบ 5 กม. ชิวๆ สำหรับพวกเรา เบาๆ ค่ะ เดินเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก
เดินผ่านแก่งหินที่น้ำเซาะ ดูแล้วเป็นเหมือนหินทรายคาดได้ว่าหลายร้อยล้านปีคงเป็นทะเลมาก่อน สำรวจดีๆ เราอาจเจอรอยเท้าไดโนเสาร์ก็ได้นะ แล้วเพื่อนๆ ก็ร้องเรียก เจ้านางงงง มาค่ะ
อากาศไม่ค่อยร้อนแต่เล่นเอาเหงื่อชุ่ม แต่ถูกสายลมพัดผ่านมา ทำให้กายเย็นไปด้วย ผ่านอีกลำน้ำที่เป็นต้นน้ำที่ไหลลงสู่คลองน้ำใส ไปออกเขาใหญ่ฝั่งประจันตคามอีกด้าน เราเกือบไม่ได้มาเพราะเส้นทางนี้เป็นต้นน้ำป่า ที่ไหลไปลงตอนทีมงานเนวิเกเตอร์ ติดน้ำป่าเป็นข่าว ตรงนี้เป็นตาน้ำ วิวป่าสวย เพื่อนๆ ดื่มน้ำได้อย่างสบายใจ
จากลำน้ำนี้ เราเดินลัดดงป่าอีกเกือบกิโล กว่าจะออกมาถึงหัวตาดที่ไหลโค้งมาด้านแคมป์ที่จะพัก ตรงนี้สวยมากมายในความรู้สึกกับธรรมชาติ และพื้นที่กว้างไกล ตาดนี้คะเราจะลงไปแคมป์
จากโค้งหัวตาด เราไม่สามารถพักได้เพราะเกรงน้ำป่าจะไหลมาตอนฝนหลาก เราต้องเดินลัดลำน้ำไปอีกเกือบ 1 กม.เพื่อหาแอ่งหินสูงพอจะพ้นน้ำ และตรงนี้ คือสวรรค์รำไรของเราคะ ต่างคนต่างกางเต้นท์ แต่เจ้าไปเล่นน้ำรอ เล่นไปก็กลัวเลยหนีขึ้นไปผูกเปลนอนคอ่อมเต้นท์เพื่อนๆ
ตาดน้ำที่กว้างและยาวไกลสุดสายตาผ่านโค้งหินผ่านแนวป่า เราเริ่มทยอยกันแล้วแต่มุมใครมุมมัน เจ้านั่งห่างออกไปแต่เพื่อนๆ ยังตามมาจิบชาริมน้ำอย่างสดใส ก่อนไปทำอาหารเย็นที่แคมป์
หัวใจที่เงียบเหงายามทำงาน พวกเราหลากหลายอาชีพมารวมตัวกัน ด้วยความฝันแรมทาง บางทีจุดหมายอาจแตกต่างกันบ้าง แต่เราปรับตัวเข้ากันได้ดี เราต่างมีรอยยิ้มกับการชื่นชมธรรมชาติ แมจะหมู่มาก แต่ทุกอย่างลงตัวด้วยตัวเองเสมอ
งานนี้เหนื่อยเหมือนจับปูใส่กระด้งเลยค่ะ
เที่ยวเก่งจังเจ้านาง ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆ เนี่ยขนาดเข้าป่า ยังแต่งสวยเลย คริๆ
เจ้าจำได้ตั้งแต่แบกกเป้เข้าป่าตั้งแต่ปี 45 ทุกคนบอกเจ้าว่า อย่าใช้หม้อตักน้ำ ความหมายอาจไม่เคลียร์ แต่วันนันจนวันนี้เจ้าก็ไม่แตะต้องหม้อสนามอีกเลย
ส่วนแคมป์ เพื่อนๆชี้ให้ดูว่า ค่ำคืนที่่ผ่านมา มีใครไม่รู้คลานตรงซอกเต้นท์ ออกมานั่งจุมปุ๊กหน้าแอ่งน้ำหน้าเต้นท์
มองๆไปด้านหลังมันเปลนอนเจ้านี่หว่า แต่คืนนี้เจ้าขึ้นไม่ไหวเลนนอนใต้เปล
ไม่รู้นะ เพื่อนๆคงแกล้งมากกว่า
ก็เจ้าอยากสวยบ้าง สวยไม่ทันคนอื่นนิ คะ หงิงงงงงงงงงงงง
บางคนบอกว่าทำไมเจ้าไปป่าหน้าฝน
แต่เจ้าว่าป่าหน้าฝนมีเสน่ห์ ไม่แพ้ป่าหน้าหนาวที่พรรณไม้งดงาม หน้าฝนมีดอกไม้ดิน พืชกินซาก ให้เราได้ศึกษา มีสายน้ำที่ผ่านตา มีท้องฟ้าที่น่ามอง
กิจกรรมยามเย็นและยามเช้าวันใหม่จากการสันทนาการคือ หาที่เล่นน้ำกลางตาดสวยๆคะ
เจ้าเปลี่ยนชุดว่ายน้ำมานอนแช่น้ำด้านนี้ เพื่อนๆ ไปหาที่เล่นน้ำอีกฟาก เห็นภาพ เห็นความรู้สึก แล้ว เจ้าว่าหลายคนอิจฉา เงินร้อยล้านก็หาธรรมชาติที่สดใส งดงามอย่างนี้มิได้
เพื่อนๆหาที่เล่นน้ำตกตามแก่งต่างๆ บ้างก็เป็นสปาชั้นดี ปลาน้อยๆตอดเล่น น้ำใสๆ ไหลเย็นซ่านไกล
เห็นทุกคนยิ้มได้เจ้าก็ยิ้มกว่า ที่พาเพื่อนๆ มาแล้วมีความสุขสุดสัปดาห์ กว่าจะลงตัวกัน
แต่ละคนแต่ละมุม แต่ละด้านของความรู้สึก น้องบางคนที่ดูเหงาๆ เมื่อเจ้าพามาคลอเคล้าเพื่อนๆ เขาก็ยิ้มออกได้ด้วยความรู้สึก ที่ดูเหมือนปลดปล่อยสิ่งต่างๆ อย่างลืมตัว เจ้าขอบคุณธรรมชาติที่นี่คะ
ในขณะนี้มี 1 ท่านดูกระทู้อยู่. (0 สมาชิกและ 1 ผู้เยี่ยมชม)
Bookmarks