สรุปผลการค้นหา 1 ถึง 2 จากทั้งหมด 2

กระทู้: ที่สุดของหัวใจ

  1. #1
    casanova
    ผู้เยี่ยมชม

    มาตรฐาน ที่สุดของหัวใจ

    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
    คิดอะไรให้วุ่นวาย.........
    ทำตัวสบายๆมีความสุขกว่ากันเยอะ...
    30 บาทรักษาทุกโรค
    ในขณะที่ในหลวงท่านทรงประชวรเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่ข้าพเจ้าศึกษาอยู่เมื่อต้นปีนี้
    มีข้าราชบริพารเข้าเยี่ยมจำนวนมาก
    ทุกคนคงจำได้ที่เป็นข่าวใหญ่โตที่นายกฯท่านหนึ่ง
    บังอาจถวายบัตร 30บาท ให้พระองค์ เพื่อใช้สิทธิ์
    สร้างความแค้นเคืองใจให้พสกนิกรชาวไทยทุกคน
    แต่ไม่มีใครรู้เบื้องหลังว่าพระองค์ทรงตอบว่าอย่างไร
    ในหลวงทรงตรัสว่า
    "ไม่เป็นไรหรอกหากข้าพเจ้าไม่สามารถจ่ายค่ารักษาได้
    แต่คงสามารถใช้บัตรผู้สูงอายุได้หรือจะใช้สิทธิข้าราชการของบุตรี (ฟ้าหญิง) ก็ได้"
    ท่านพูดเสียงเรียบๆ ไม่ได้รู้สึกว่าถูกลบหลู่เลยพูดเสร็จก็ยื่นบัตรทองใบนั้น
    ให้นายกที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
    ฟังแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ว่าท่านตอบได้น่ารักมาก
    เคยมีคนถามผมว่านับถือใครมากที่สุด คิดถึงคนแรกและคนเดียวเลยคือ ในหลวงท่านเหนือกว่ากษัตริย์ใดในโลกหล้ายิ่งใหญ่กว่าวีรบุรุษคนใดในตำนาน
    มีคุณธรรมประเสริฐล้ำเทียบพระโพธิสัตว์
    ขอถวายความจงรักภักดีจนกว่าชีวีจะหาไม่

    เชื้อโรคตายหมด
    หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนีผู้อำนวยการโครงการหลวง
    เหตุการณ์ในปี ๒๔๑๓ ที่ควรจะนำมากล่าว
    เพราะมีผลต่อจิตใจของชาวเขา
    และควรที่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ได้ทราบเพื่อพยายามเดินตาม
    "เบื้องยุคลบาท"วันนั้นเสด็จฯ ไปหมู่บ้านดอยจอมหด พร้าว เชียงใหม่
    ผู้ใหญ่บ้านลีซอกราบทูลชวนให้ "ไปแอ่วบ้านเฮา" ก็เสด็จฯ
    ตามเขาเข้าไปบ้านซึ่งทำด้วยไม้ไผ่ และมุงหญ้าแห้งเขาเอาที่นอนมาปูสำหรับประทับ แล้วรินเหล้าทำเองใส่ถ้วยที่ไม่ค่อยจะได้ล้างจนมีคราบดำ ๆ จับ
    ผู้เขียนรู้สึกเป็นห่วงเพราะตามปกติ ไม่ทรงใช้ถ้วยมีคราบ
    จึงกระซิบทูลว่าควรจะทรงทำท่าเสวยแล้วส่งถ้วยมา พระราชทานให้ผู้เขียนจัดการ แต่ก็ทรงดวดเองกร้อบเดียวเกลี้ยง
    ตอนหลังรับสั่งว่า.."ไม่เป็นไร แอลกอฮอล์เข้มข้น เชื้อโรคตายหมด"
    จากหนังสือในหลวงที่สุดของหัวใจ

    ข้าวผัดไข่ดาว โดย ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล
    วันหนึ่งเสด็จฯเขาค้อเปิดอนุสาวรีย์
    พอเปิดอนุสาวรีย์เสร็จพระองค์ท่านก็ขอกลับไปที่พระตำหนักเฟื่อจะทรงเปลี่ยน
    ฉลองพระบาทเพราะเดี๋ยวจะไปดูงานในป่าในดง.........เราก็ไม่ได้ทานข้าวไม่มีใครทานข้าว
    ตอนนั้นบ่ายสองโมงแล้วก่อนจะเปลี่ยนฉลองพระบาทสักยี่สิบนาทีน่าจะพุ้ยข้าวทันก็รีบวิ่งไปห้องอาหารที่เตรียมไว้ปรากฏว่าพวกที่ไม่ได้
    ตามเสด็จเขาทานกันหมดแล้วในนั้นจึงเหลือข้าวผัดติด
    ก้นกระบะกับมีไข่ดาวทิ้งแห้งไว้ 3-4 ใบ
    เราก็ตักเห็นมีข้าวอยู่จานหนึ่งวางไว้มีข้าวผัดเหมือนอย่างเราไข่ดาวโปะใบหนึ่งมีน้ำปลาถ้วยหนึ่งวางอยู่เพื่อนผมก็จะไปหยิบมามหาดเล็กบอกว่า "ไม่ได้ๆ ของพระเจ้าอยู่หัว
    ท่านรับสั่งให้มาตัก"
    ดูสิครับตักมาจากก้นกระบะเลยผมนี่น้ำตาแทบไหลเลยท่านเสวยเหมือนๆกันกับเรา.....
    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
    จากหนังสือในหลวงที่สุดของหัวใจ

    พับเพียบ
    รองศาสตราจารย์ ดร.สุธี อักษรกิตติ์ผู้สนองพระราชดำริ ในโครงการระบบสื่อสารสายอากาศและอิเล็กทรอนิกส์
    ...ในครั้งแรก ผมทำงานตามพระราชดำริ
    โดยไม่ทราบว่าเป็นงานของพระองค์จนกระทั่งวันหนึ่ง มีคนบอกว่า ให้เข้าไปในวังด้วยกัน
    และให้นำระบบสายอากาศชนิดใหม่ขึ้นไปติดตั้ง ก็ไม่ได้คิดว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จฯ มาแต่ว่าแปลกใจทำไมอยู่ดี ๆเจ้าหน้าที่ที่กำลังติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆอย่บนดาดฟ้าของพระตำหนักถึงปีนลงมาทั้ง ๆ ที่งานยังไม่เสร็จ แท้ที่จริงพระองค์ท่านเสด็จฯ มายืนอยู่ข้างหลัง
    ผมเหลียวหลังไปมองนิดหนึ่ง ครั้นพอเห็นพระองค์ท่านก็ตกใจ
    เป็นอาการวูบขึ้นมาทันที นึกอยู่ในใจว่าใช่แล้ว ใช่แน่ ๆ
    เพราะคิดว่าเหมือนในรูปผมก็รีบทำความเคารพ แล้วก็ทำอะไรไม่ถูก
    สิ่งที่ผมจำได้คือเราต้องอยู่ต่ำกว่าจึงรีบคุกเข่าให้ต่ำลงมาเป็นเหมือนชันเข่า
    เพราะว่าตอนนั้นพระองค์ท่านประทับยืนอยู่
    ถ้านั่งพับเพียบเลยก็จะต่ำเกินไปเพราะว่าผมต้องพูดอธิบายด้วย
    ปรากฏว่าพระองค์ท่านก็คุกเข่าลงไปด้วยผมก็เลยนั่งพับเพียบให้ต่ำลงไปอีก
    พระองค์ท่านก็ประทับพับเพียบเหมือนกันเลยกลายเป็นว่าวันนั้น นั่งพับเพียบสนทนากัน ๒-๓ ชั่วโมงบนดาดฟ้าพระตำหนักในเวลาช่วง บ่ายที่ร้อนเปรี้ยง ......
    จากหนังสือในหลวงที่สุดของหัวใจ

    ไม่ต้องกั้น
    โดยดร.สุเมธตันติเวชกุล
    มีอยู่ครั้งหนึ่งเสด็จฯไปที่เซ็นทรัลวันที่มีประชุมรัฐสภาโลก
    วันนั้นผมจำได้ผมติดอยู่บนท้องถนนฝนตกผมก็มีวิทยุเลยได้ยินรับสั่งมากับตำรวจมาเลย
    "วันนี้ไม่ต้องกั้นรถ"ทรงเข้าใจความทุกข์ของราษฎรอยู่ตลอดเวลา
    วันนี้เป็นวันฝนตกรถติดกันอย่างมหาศาลถ้าขืนต้องไปติดขบวนอีกสร้างความทุกข์ให้กับประชาชนทรงวิทยุบอกตำรวจว่า
    "ขบวนจะแล่นไปพร้อมกับรถของประชาชนไม่ต้องกั้นเคลื่อนที่ไปพร้อมกัน"
    จากหนังสือในหลวงที่สุดของหัวใจ
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดย casanova : 10-12-2009 เมื่อ 11:17

  2. #2
    casanova
    ผู้เยี่ยมชม

    มาตรฐาน Re: ที่สุดของหัวใจ

    กส. ๙
    พลตำรวจตรี สุชาติ เผือนสกนธ์อดีตอธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลข
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงใช้เครื่องวิทยุที่ทรงมีอยู่
    เฝ้าฟังและติดต่อกับ "ปทุมวัน" และ "ผ่านฟ้า" เป็นครั้งคราวเมื่อทรงว่างพระราชภารกิจอื่น
    การติดต่อทางวิทยุได้ทรงมีพระบรมราชานุญาต
    ให้ผู้ที่ติดต่อกับพระองค์ท่านไม่ต้องใช้ราชาศัพท์พระองค์ท่านทรงจดจำสัญญาณเรียกขาน,ประมวลคำย่อ (โค๊ด "ว")ได้อย่างแม่นยำ
    และใช้ได้อย่างถูกต้อง ซึ่งนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่จำนวนไม่น้อยยังปฏิบัติไม่ได้
    โดยการรับฟังการติดต่อในข่ายวิทยุของตำรวจนี้เองจึงทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบข่าวรายงานเหตุการณ์ต่าง ๆ เช่นข่าวโจรกรรม ,อัคคีภัย,การจราจรได้ทุกระยะ
    ในการเสด็จจากที่ประทับของพระองค์ท่านเพื่อปฏิบัติพระราชภารกิจ
    จึงทรงพระกรุณารับสั่งให้สมุหราชองครักษ์ติดต่อประสานงานกับพรมตำรวจ
    ให้สั่งการสถานีตำรวจท้องที่ติดต่อสื่อสารทางวิทยุกับแผนกรักษาความปลอดภัย
    บุคคลสำคัญ กรมราชองครักษ์ เพื่อจะได้ทราบกำหนดเวลาเสด็จออกจากพระตำหนักที่ใกล้เคียง
    และปิดการจราจรในเส้นทางผ่านเพียงช่วงเวลาสั้น ๆประชาชนจะได้ไม่เดือดร้อน
    มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ได้รับสั่งทางวิทยุ กับพนักงานวิทยุ
    สถานีวิทยุกองกำกับการตำรวจนนทบุรี เพื่อจะพระราชทานคำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติ การสื่อสารบางประการโดยทรงใช้สัญญาณเรียกขานว่า "กส. ๙" ติดต่อเข้าไป
    พนักงานวิทยุผู้นั้นจำพระสุรเสียง ไม่ได้จึงได้สอบถามว่า "เป็น กส.๙" จริงหรือปลอม
    ทั้งดูเหมือนจะใช้คำพูดไม่สู้จะเรียบร้อยเรื่องนี้จึงเดือดร้อน มาถึงผู้เขียน
    เนื่องจากได้รับสั่งเล่าเหตุการณ์มาให้ทราบเพื่อให้ช่วยยืนยันว่าเป็น "กส.๙ จริง"
    ด้วยพระมหากรุณาธคุณ พระองค์ท่าน ยังทรงห่วงใยว่าพนักงานวิทยุผู้นั้น จะถูกลงโทษทางวินัย จึงได้รับสั่งทางวิทยุให้ผู้เขียนติดต่อประสานงานกับผู้บังคับบัญชาของพนักงานวิทยุ
    ขออย่าให้มีการลงโทษเลย
    จากหนังสือในหลวงที่สุดของหัวใจ
    ตัวยึกยือ
    มนูญ มุกข์ประดิษฐ์
    รองเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    อดีตเลขาธิการ สำนักงานกรรมการพิเศษ เพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จะพระราชดำเนินด้วยพระบาท
    เข้าไปในป่ายางท่ามกลางฝนตกหนักโดยมีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ตามรอยพระยุคลบาทไปไม่ห่างเป็นระยะทางถึง ๒ กม. เศษ
    นี่คือสิ่งที่มิใช่สามัญธรรมดาในความรู้สึก ของผู้คนและความไม่สามัญธรรมดานี้ ก็ยิ่งไม่ธรรมดามากยิ่งขึ้น เป็นทวีคูณเนื่องเพราะบริเวณนี้คือ "ดงทาก" หรือ "รังทาก"อันมีทากชุกชุม ที่สุดแห่งหนึ่งของภาคใต้
    กว่าจะถึงจุดหมาย คือบริเวณพื้นที่ที่จะพิจารณาสร้าง อ่างเก็บน้ำเพื่อใหม่มีน้ำไว้ใช้ สำหรับพื้นที่
    ๕,๐๐๐ ไร่ใน ๓ เขตตำบลคือ เชิงคีรี มะยูง และรือเสาะ เกือบทุกคนก็โชกฝน และโชกเลือด
    แม้ทูลกระหม่อมทั้งสองพระองค์ ก็มิได้รับยกเว้น
    ค่ำวันนั้น ระหว่างเสด็จพระราชดำเนินกลับพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์
    อากาศปลายฤดูฝน กำลังสบาย ดวงดาวบนท้องฟ้า เริ่มจะปรายแสงขบวนรถยนต์พระที่นั่ง ได้หยุดลงอย่างกะทันหันโดยไม่ทราบสาเหตุบนทางหลวงที่มืดสงัด เป็นเวลาหลายนาทีถามไถ่ได้ความภายหลังว่ายังมีทากหลงเหลือ กัดติดพระวรกายอยู่อีก เมื่อรู้สึกพระองค์จึงได้ทรงหยุดรถยนต์พระที่นั่งและรับสั่งให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯช่วยจับทากที่ตัวเป่งด้วยพระโลหิตออกจากพระวรกาย
    "ทรงเรียกการทรงงานวิบาก ที่เชิงคีรีครั้งนี้ในภายหลังว่าสงครามกับตัวยึกยือ ที่เชิงคีรี "
    จากหนังสือในหลวงที่สุดของหัวใจ
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดย casanova : 10-12-2009 เมื่อ 11:21

ข้อมูลกระทู้

Users Browsing this Thread

ในขณะนี้มี 1 ท่านดูกระทู้อยู่. (0 สมาชิกและ 1 ผู้เยี่ยมชม)

Bookmarks

กฎการโพสข้อความ

  • ท่าน ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
  • ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
  • ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขข้อความโพสได้
  •  
  • BB code สถานะ เปิด
  • Smilies สถานะ เปิด
  • [IMG] สถานะ เปิด
  • [VIDEO] code is เปิด
  • HTML สถานะ ปิด