โพสต้นฉบับโดยคุณ
MiNi_XXL
ตามชื่อเรื่อง รถ=แพะรับบาป เพราะต้องการอธบายว่าเมื่อเกิดสิ่งผิดปกติ อุบัติเหตุ หรือรู้สึกไม่ถูกใจ หลายคนมักโทษว่าผิดที่รถ ไม่ใช่ตนเองหรือผู้ขับ คล้ายกับประโยคที่ว่า "แพะรับบาป"
- เมื่อรถชนหรือเกิดอุบัติเหตุหลายคนโทษว่า.....ช่วงล่างไม่ดี ไม่เกาะถนน หรือทรงตัวแย่......แต่ไม่นึกว่าตนเองขับเร็วเกินไป
- บางคนมองว่า เครื่องยนต์แรงม้าสูงเป็นต้นเหตุของอุบัติเหตุ ไม่รู้จะผลิตรถแรงๆมาทำไม......แต่ไม่นึกว่าเขาให้ใช้ม้าให้หมดในบางสถานการณ์เท่านั้น
- รถชน บางคนรีบบอกว่า เบรกไม่ดี------------------------------------------------------------------แต่ไม่นึกว่าตนเองลงเบรกช้า
- รถหลุดโค้ง หลายคนรีบบอกว่า รถไม่เกาะ----------------------------------------------------------แต่ไม่นึกว่าตนเองขับเร็วไป
-รถกินน้ำมันแตกต่างกันในแต่ละสัปดาห์ หรือแต่ละครั้งที่ติดน้ำมัน บางคนบอกว่ารถผิดปกติ
-รถเก่าอายุเกือบหรือกว่า 10 ปี ใช้แล้วมีอาการรวนต้องซ่อมจุกจิก บางคนสรุปว่ารถรุ่นนี้-ยี่ห้อนี้มีพื้นฐานไม่ดี จุกจิก
ทั้งที่เกือบทุกแง่มุมของความผิดปกติ...เกิดจากคนเพราะรถเป็นเครื่องจักร เสื่อมสภาพตามการใช้งาน และวิ่งเองไม่ได้ ต้องมีคนควบคุมหรือสั่งการ รวมถึงดูแลรักษา
รถวิ่งได้เพราะมีคนเริ่มกดคันเร่ง จะเร็วหรือช้าขึ้กับคนว่ากดคันเร่งลึกเพียงไร และใช้เกียร์ใด ส่วนจะวิ่งไปทิศทางไหน ย่อมขึ้นกับคนบังคับให้เลี้ยว เข้าโค้งด้วยความเร็วเท่าไรขึ้นกับคนขับเลือก จะลดความเร็วหรือจะจอดเมื่อไหร่ คนก็ต้องกดเบรก เมื่อเก่าแล้วรถก็ไม่มีปากบอกว่าเริ่มป่วยตรงไหนเพื่อให้คนรีบรักษาหรือซ่อม
เมื่อขับรถแล้วไม่อยู่ในเส้นทาง ลื่นไถล หรือเกิดอุบัติเหตุ ต้องวิเคราะห์ว่าใช้ความเร็วเกินประสิทธิภาพ/ประเภทของรถหรือเปล่า โค้งเดียวกันระหว่างรถสปอร์ตกับรถกระบะ ย่อมทำความเร็วสูงสุดในโค้งอย่างปลอดภัยได้ไม่เท่ากัน รถสปอร์ตพันธุ์แท้ที่มักเซตช่วงล่าง เบรก รวมถึงการควบคุมบังคับเพื่อรองรับเครื่องยนต์แรงม้าสูงได้ลงตัว หากใช้ความเร็วเกินรถหรือเกินทักษะของผู้ขับก็อาจคุมไม่อยู่ คือรถสปอร์ตก็ชนได้ และอาจชนแรงด้วยเพราะทำความเร็วได้สูง แต่คนขับคุมไม่อยู่.....อย่างกรณีปอร์เช่กับฟอร์จูนเนอร์นั่นก็ใช่
มีคนไม่มากนักที่ขับรถหลุดโค้งแล้วจะย้อนนึกว่า ใช้ความเร็วเกินขีดจำกัดของรถรุ่นนั้น / ฝีมือการขับอ่อนด้อยหรือเปล่า ส่วนใหญ่มักบอกกับตัวเองหรือคนอื่นว่า.....รถไม่เกาะ ถ้ายอมรับก็แบบอ้อมๆว่า....คุมไม่อยู่ ไม่ค่อยบอกตรงๆว่า....ขับเร็วเกิน (กว่าประสิทธิภาพของรถ) รถจึงกลายเป็นแพะรับบาปบ่อยครั้ง
เครื่องยนต์แรงม้าสูง ถ้าปล่อยให้ทำงานรอบเดินเบาหรือขับย่องๆ ม้าก็ออกจากคอกได้ไม่กี่ตัว คันเร่งเป็นตัวปล่อยม้า คันเร่งกดด้วยแรงและสมองของคน เปรียบเสมือนเครื่องยนต์เป็นก็อกน้ำที่ปิด-เปิดเองไม่ได้ หากก็อกน้ำใหญ่ คนใจร้อนเปิดพรวดพราดน้ำก็ไหลเปรอะทั่ว แต่ถ้าค่อยๆเปิด ก็ได้ปริมาณน้ำตามต้องการและไม่หกเรี่ยราด ดังนั้นอ้างว่าก๊อกใหญ่แล้วน้ำต้องไหลมากเสมอไม่ได้
รถจะเบรก หรือลดความเร็วเมื่อไหร่ ขึ้นอยู่กับคนว่าละคันเร่งเพื่อกดเบรกเมื่อไหร่ ถ้าไม่นับกรณีที่ระบบเบรกผิดปกติจริงๆ หากเบรกแล้วยังชนมักเกิดจากผู้ขับเบรกช้า
การกินน้ำมันของรถมีหลายตัวแปรเช่นสภาพการจราจร และที่สำคัญก็คือลักษณะการขับ โดยมีสภาพของรถร่วมด้วยเสมอ แต่เมื่อไหร่ที่รถกินน้ำมันต่างจากปกติ ผู้ขับมักไม่มองตนเองว่าในช่วงที่ผ่านมามีการขับอย่างกระชากกระชั้น / เร็วกว่าที่เคยหรือไม่ จึงมักสงสัยว่ารถหรือเครื่องยนต์ผิดปกติ
รถที่ผ่านการใช้งานมาเกิน 5 ปี ผู้ใช้ส่วนใหญ่มักไม่ดูแลตามตารางในคู่มือ แต่รอให้เสียจึงค่อยเปลี่ยนอะไหล่ และบางครั้งก็เลือกซ่อมแบบพอประทังเพราะไม่อยากเสียเงินเยอะ เมื่อใช้งานต่อก็อาจลุกลามหรือเสียหายอย่างต่อเนื่อง จนถูกบางคนสรุปว่ารถคันนั้นจุกจิก ทั้งที่จริงๆแล้วแค่หมดอายุตามปกติ หรือหลายชิ้นส่วนที่ทยอยเสีก็เลยกำหนดการใช้งานแล้ว ถ้ายัง ให้นึกถึงคนว่าใช้ร่างกายผ่านไปทุกวันย่อมแก่ลง หรือป่วยแล้วก็ตายในที่สุด รถย่อมแก่หรือป่วยได้ตามการใช้งานที่ผ่านไป
รถเกิดขึ้นในโลกนี้ได้เพราะคน และต้องถูกควบคุมโดยคน แม้หลายกรณีรถก็ไม่ดีจริงๆ แต่ส่วนใหญ่แล้ว....ผิดที่คนขับ หรือดูแลรถไม่ดี ไม่ต้องแก้ไขหรือจูนรถ....แต่แก้ไขหรือจูนคนดีกว่า รถไม่ใช่แพะรับบาป......เพราะรถวิ่งเองไม่ได้
วรพล สิงห์เขียวพงษ์ (บอย) บก. นิตยสาร Thai Driver / Option
คัดย่อจากบทความในหนังสือพิมพ์ สยามกีฬา สตาร์ซ็อกเกอร์ ฉบับวันที่ 23พค.2555
อ่านแล้วให้ข้อคิดดีเหมือนกันครับ......ด้วยจิตคารวะนะครับ
Bookmarks