พอดีสงสัยขึ้นมา แต่ของผมเหยียบตั้งแต่ออกมาวันแรกเลย ครบหมื่นโลล่ะจะเข้าศูนย์ อีกนิดน้าๆใช้น้ำมันเครื่องตัวไหนกันมั้งครับ ผม พลัส2500 4D เหมาะกับตัวไหนครับ
พอดีสงสัยขึ้นมา แต่ของผมเหยียบตั้งแต่ออกมาวันแรกเลย ครบหมื่นโลล่ะจะเข้าศูนย์ อีกนิดน้าๆใช้น้ำมันเครื่องตัวไหนกันมั้งครับ ผม พลัส2500 4D เหมาะกับตัวไหนครับ
เอาความจริงไหมครับ
รถทุกคันที่ประกอบเสร็จจากโรงงาน จะมีการ Test Drive ทุกคันรุนแรงบ้าง แบบชิวๆบางแล้วแต่อารมคน Test จากนั้นก็จะเอาไปเก็บที่ลานเก็บจอดตากแดดเป็นวันๆแล้วทยอยส่งมอบลูกค้า เพื่อความสบายใจ 1000 กม แรกอย่าไปรุนแรงกับมันเลยครับ และควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องด้วยครับ เนื่องอัตราการสึกหรอจะสูงกว่าปรกติ
ตามน้า Joe Ry เลยครับ ไม่ต้องรันอินแล้วครับ เพราะโดนจัดมาแล้วครับ ส่วน นมค ก็แล้วแต่ตังค์ครับ ถูกหน่อยก็ ปตท Ptt เราเลยครับ ไม่งั้นก็ คาสตรอล โมบิล รับรองเปะ แต่แพงเท่าตัว
0w-30 ครับ เหมาะเเก่เครื่องคอมมานเรว
คำว่า Run-In หลายๆคนคงคุ้นเคยกันดี แต่เข้าใจดีแค่ไหนคราวนี้เรามาดูกัน ในปัจจุบันเทคโนโลยีต่างๆ ในการประกอบผลิตรถยนต์ออกมาคันหนึ่งๆ บางคน (โดยเฉพาะเซลล์) อาจจะบอกว่ารันอินไม่จำเป็นแล้ว อาจจะบอกว่ารันอินมาแล้วจากศูนย์ จะขอขยายนิดนึงว่าการรันอินมาแล้วจากโรงงานเนี่ยเราจะทราบได้อย่างไรครับ? จากเท่าที่ดู บางโรงงานอาจจะเป็นแค่การสุ่มตรวจ หรือ โดยปกตินั้น เครื่องยนต์เวลาประกอบเสร็จอย่างมากก็เป็นเพียงการติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ เพื่อเช็คงานการประกอบและเพียงตรวจรอยรั่วซึ่มของประเก็น และ ท่อทางเดินต่างๆเพียงเท่านั้น สิ่งเหล่านี้ที่กล่าวมาไม่ถือว่าเป็นการรันอินครับ (จริงๆแล้วถ้าศึกษาคู่มือรถทุกชนิด จะมีรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับการรันอินที่ถูกต้องทั้งนั้น)
ทีนี้คำว่ารันอินคืออะไร? รันอินนั้นคือการให้ชิ้นส่วนต่างๆภายใน เช่นข้อเหวี่ยง ลูกสูบ เสื้อสูบ จุดต่อ จุดหมุนต่างๆ ระบบไฮดรอลิก ให้มีการเคลื่อนไหว และ ปรับสภาพได้ถูกต้อง อาจจะเป็นระยะ 500-1000 กิโลเมตร ก็แล้วแต่ว่ารันอินอะไร เดี๋ยวเราจะมาพูดถึงกันทีหลังครับ เอาละเรามาดูการรันอินเครื่องยนต์ อย่างแรกกันเลยดีกว่า
- อย่าขับรถโดยใช้ความเร็วคงที่ต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน ความมีการเปลี่ยนแปลงช่วงความเร็วและรอบเครื่องอยู่เสมอ ไม่ควรนำออกวิ่งต่างจังหวัด เพราะไม่ควรวิ่งความเร็วคงที่เป็นเวลานานๆ ซึ่งจะทำให้เครื่องยนต์มีการสึกหรอได้ (ต้องอดทนหน่อยครับ อาจจะไม่สนุกสำหรับช่วงแรกๆ)
- อย่าใช้ความเร็วที่ไม่สัมพันธ์กับเกียร์ที่ใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถ เกียร์ธรรมดา ยกตัวอย่าง ขับ60 ที่เกียร์5
- อย่าลากรอบเกิน 80% และไม่ควรคิกดาวน์ หรือ การเร่งรอบแบบเต็มกำลังเครื่องยนต์
- ไม่ควรลากรอบสูงนานๆ หรือ วิ่งเต็มกำลังเครื่องในระยะแรกๆ
- หลีกเลี่ยงการบรรทุกหนัก
เพียงเท่านี้อดทนนิดนึงจนพ้นระยะที่กำหนด (ดูในคู่มือ) ท่านก็สามารถขับรถของท่านได้อย่างสบายแล้วละครับ เอาละคราวนี้เรามาดูการรันอิน เบรคกัน สิ่งนี้อาจเป็นอะไรที่หลายๆ คนจะมองข้ามกัน แต่เบรคถือว่าเป็นหัวใจสำคัญมาก การจะให้เบรคของเราเนี่ยทำงานได้เต็มความสามารถยังไง ลองอดทนอ่านตามต่อไปกันดูครับ
- อันแรกง่ายๆ รถใหม่ หรือ เพิ่งจะเปลี่ยนผ้าเบรคมาไม่ควรเบรครุนแรง หรือ หยุดรถกระทันหันทั้งนี้เพื่อให้หน้าสัมผัสชองผ้าเบรคได้ปรับตัวให้รับกับจาน เบรค ให้เข้าที่
- หรือถ้ามีการจานคตได้เจียรจานเบรค เปลี่ยนผ้าเบรคมาใหม่ ตรงนี้การรันอินสำคัญมาก เพราะไม่เช่นนั้นแล้วเมื่อมีการเบรคกระทันหันอาจจะเฟส หรือ เบรคลื่นจนเกิดอุบัติเหตุได้ สำคัญครับจำให้ดีเนอะ
- วิธีการย้ำเบรค หรือ ปรับหน้าสัมผัสก็ไม่ยากครับ คือเราขับรถที่ความเร็วพอประมาณ (80) กดแป้นเบรคแบบธรรมดาให้รถชะลอลง หรือ หยุดแล้ววิ่งต่อ แล้วเบรคลงจนรถหยุดทำแบบนี้ติดต่อกันอย่างน้อยๆ น่าจะมีสัก 10 ครั้ง (อาจจะถามว่าจะเอาที่หรือเวลาที่ไหนทำก็ ไอ้ตอนออกมาจากร้านหรือศูนย์นี่ละรถติดๆ วิ่งๆเบรคๆ เดี๋ยวก็ได้ครับ)
- ไม่ควรเบรครุนแรง ผ้าเบรคอาจไหม้ได้
- การรันอินเบรค ระยะเวลาที่ควรใช้จะอยู่ที่ 200-300 กิโลเมตรครับ ไม่นับว่าวิ่งทางยาวๆนะ (แบบไปพัทยาถนนโล่งเบรคอยู่สามสี่ทีก็ครบระยะ แบบนี้ผิดครับ) ต้องเป็นระยะที่ใช้งานเบรคด้วยจริงๆ วิ่งในเมืองเนี่ยเป็นการรันอินเบรคที่ดีเลยละ
รันอินเบรคคร่าวๆกันไปแล้ว เรามาดูส่วนสำคัญอีกอย่างนึง นั่นคือยาง หลายๆคนอาจจะงงว่ายางเนี่ยต้องรันอินด้วยเหรอ คำตอบคือควรอย่างยิ่งครับ โดยเฉพาะในช่วงร้อยกิโลแรกจำเป็นสุด ต่อรูปทรงของยางประสิทธิภาพที่เต็มที่และป้องกันการสั่นของล้อได้ด้วย รันอินยังไง อดทนอ่านต่ออีกสักนิดครับจะจบแล้ว
อดทนเพียงเท่านี้รถยนต์ของเพื่อนๆก็จะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธภาพ และ อยู่คู่กับเราไปได้นาน ๆ ผมเองมองรถเป็นสิ่งมีชีวิตครับเราควรถนุถอมเค้าหน่อยเพราะเค้าพาเรา ไปไหนมาไหนและชีวิตของเราและคนอื่นฝากไว้กันเค้า... จริงมั้ยครับ
- ไม่ควรวิ่งเกิน 100-140 ในช่วงร้อยกิโลแรกเพื่อให้โครงสร้างยาง แก้มยาง หน้าสัมผัสได้มีการปรับสภาพ กับรถและน้ำหนักรถได้อย่างลงตัว
- ไม่ควรโชว์พาวเวอร์โชว์เท่ห์ ออกล้อฟรีโชว์สาวๆ หรือ หนุ่มๆ เป็นเวลา 1เดือน หลังจากนั้นตามสบายครับ
- โดยเฉพาะรถที่มีสภาพมุมล้อ แคมเบอร์ โทอิน ที่ไม่เป็นกลางต่างๆ เช่น บวก หรือ ลบ ล้อหุบ ล้อแบะ อย่างที่รู้กันอันนี้ อดทนนานกว่าเดิมอีกสักนิดจะดีมากครับ เพราะยางส่วนใหญ่ผลิตมาออกแบบเพื่อรับกับมุมแคมเบอร์ปกติ
สุดท้ายแล้วหวังว่าคงยังไม่หมดความอดทนไปซะก่อนนะ คู่มือรถของเราเนี่ยสำคัญมากๆ เปิดอ่านกันมั่ง ศึกษาให้ดี อะไรๆที่จำเป็นส่วนใหญ่มีบอกกันอยู่ในนั้นหมดแล้วครับ แรกๆผมก็คอยถามพี่ยอดนั่นแหละ พี่เค้าก็จะไล่ให้ไปอ่านคู่มือก่อนแล้วค่อยมาถามใหม่ทุกที เอาละเราหวังว่าคงมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย ไปและสวัสดีครับ
Cradit : de bear photomini
ในขณะนี้มี 1 ท่านดูกระทู้อยู่. (0 สมาชิกและ 1 ผู้เยี่ยมชม)
Bookmarks