เช้านี้ก่อนมาทำงาน ครับ เป็นทางแคบ ตัดออกสู่ถนนใหญ่ (ตลิ่งชัน - สุพรรบุรี) หมาตัวนี้ วิ่งมาจาก ด้านข้าง ถนนที่รถวิ่งอยู่ อยู่ๆก็พรวดออกมา แบบวิ่งเล่นกัน หมาสีดำ ครับ พันธ์ทาง ผมเห็นก็ จังหวะเขาวิ่งมาที่ถนนแล้ว แต่ก็ เบี่ยงรถออกหนี ช่วงเบี่ยงได้ยินเสียง ครั๊ก ดังขึ้นมาที่ล้อ ผมคิดว่าคงทับเขาแล้ว แน่ๆ แต่คงเฉพาะช้อหน้า เพราะ มีบางอย่างติดที่แก้มยาง เฉพาะล้อหน้าซ้าย เห็นตัวเขากระเด็นตกลงมาที่พื้น แล้วมีหมาอีก 2 ตัววิ่งตามมา คงวิ่งเล่นกัน มาก็ มาดม มาเลีย มามอง เหมือนพูดคุยกัน เหมือนตกใจ ว่าเพื่อนทำไม จู่ๆเป็นแบบนี้ ผม ตกใจ ควันกระเจิง เพราะเราเองก็เลี้ยงหมา และรักหมา แบบลูก จะถอยรถไปดู ก็ถอยยากมาก เพราะทางเป็นทางแคบมาก แต่ หมายังไม่ตาย นะครับ ยังดิ้น นอน และยังพยายามทรงตัวที่จะยืน ผม ได้แต่ แอบรถในที่ที่ปลอดภัยหลังจากนั้น ประมาณ 1 กม. เราคงช่วยอะไรเขาไม่ได้ ผมคิด อโหสิกรรมให้กันด้วยนะ ผมไม่ได้ตั้งใจเลย เขาคงเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ผมไม่รู้ว่าโดนจุดไหนบ้าง แต่เท่าที่เห็นจากมองไปข้างหลัง ตัวเขายังปกติ แสดงว่า เราไม่ได้ทับ ศรีษะเขา หรือ ส่วนหัว เขา ไม่งั้นเขาคงเงียบไปเลย แต่ มีเศษ อะไรที่ติดแก้มล้อ นี่สิไม่รู้ว่า ก้อนเนื้อเขา รึเปล่า เมื่อมาถึงที่ทำงาน เศษดังกล่าวก็หลุดไปจนเกือบหมด แทบไม่เห็น รถผมไม่เป็นอะไร ทั้งสิ้น ไม่มีร่องรอย ใดใด
ผมเพียงคิดว่า ถ้าเขา โชคดี รอด ก็คงจะดี ไม่รู้มีอะไรหักหรือเปล่า แต่ถ้ายังไง ขออโหสิกรรมให้ผมด้วย อย่ามีเวรต่อกันและกันเลย ผมคิดเช่นนั้น ผมไม่มีเจตนา จริงๆ ซึ่งผมหลบแล้ว แต่วินาที นั้น เขาวิ่งมาหารถ ตรงล้อหน้าซ้ายเร็วมาก แล้วไม่สนใจ รถเลย ผมก็ไม่ได้กดแตร เพราะ อาจยิ่งทำให้ มันตกใจ แต่ด้วยล้อเราใหญ่ 31 นิ้ว แรงดูด อาจทำให้ เมื่อมีสิ่งอะไรเข้ามาใกล้ ตัวรถ อาจดูเข้าไปใต้ล้อ (เหมือนรถใหญ่ พวก สิบล้อ หรือ รถเมล์ ก็เป็นไปได้) แต่ รถไม่ได้วิ่งเร็ว เส้นทาง บังคับ ให้วิ่ง ประมาณ 40-50 กก./ชม. ครับ
จนถึงตอนนี้ ยังคงติดตา ทำใจพอสมควร จึงจะขับรถต่อได้
Bookmarks